ตอนที่ 1376 ทะเลาะเบาะแว้ง (3)
“มู่ต้ง หยุดเรียกนางว่าเป็นศิษย์เจ้าได้แล้ว เด็กผู้หญิงคนนี้ยังไม่เป็นศิษย์เจ้าอย่างเป็นทางการเลย! เจ้าอาจจะไม่มีศักดิ์ศรี แต่ก็ไม่ควรพูดอย่างนั้น!” ผู้อาวุโสจวินอยู่ไปชั่วครู่ก่อนพูดต่อ “ยิ่งไปกว่านั้นเด็กผู้หญิงคนนี้เข้าตาข้าเหมือนกัน นี่เป็นเรื่องผิดคาด ทำไมเจ้าไม่ถอยสักก้าวล่ะ ข้าสัญญาว่าข้าะหาศิษย์คนอื่นให้เจ้า”
คำพูดเขาใกล้จะทำให้มู่ต้งโกรธจนเป็นบ้า เขาหันไปหาหลิงเอ๋อร์แล้วพูดว่า “หลิงเอ๋อร์ เจ้าควรคุมปู่เจ้าให้ดี เขากล้าขโมยศิษย์ข้า”
“ท่านปู่มู่เจ้าคะ” หลิงเอ๋อร์พูดพร้อมยกยิ้มซุกซน “ท่านปู่พูดถูกแล้ว เด็กผู้หญิงคนนี้ยังไม่ได้เป็นศิษย์ท่านอย่างเป็นทางการ ดังนั้นนางก็ยังไม่ได้เป็นศิษย์ท่าน อีกอย่างข้ารู้สึกว่านางจะเบ่งบานมากกว่าถ้าติดตามท่านปู่ ท่านไม่คิดอย่างนั้นหรือเจ้าคะ”
เคราของมู่ต้งสั่นอย่างแรง เขาเบิกตากว้าง “เจ้าทั้งคู่รวมหัวกันยั่วโมโหข้า! ให้ข้าบอกเจ้านะ! เด็กผู้หญิงคนนี้ต้องเป็นของข้าแน่นอน! ใครก็ตามที่กล้าสู้กับข้าเพื่อแย่งนางก็ไม่ใช่สหายกันอีกต่อไป!”
เมื่อเห็นว่าชายชราทั้งสองกำลังทะเลาะกันก็ไม่มีใครในโถงโอสถกล้าพูดอะไร
มู่ต้งมีอำนาจในเมืองหลวงพอสมควรและพวกเขาก็ไม่รู้ว่าชายชราชุดขาวคนนั้นเป็นใคร แต่ใครก็ตามที่กล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับมู่ต้งได้ต้องเป็นคนที่สำคัญแน่นอน พวกเขาไม่สามารถขัดแย้งกับทั้งคู่ได้ ดังนั้นทุกคนในโถงโอสถถึงถอยหลังอย่างรู้ดี แล้วเว้นพื้นที่เป็นลานกว้างให้ชายชราทั้งสองคน
ส่วนผู้ที่เมื่อสักครู่ทำให้ผู้อาวุโสจวินอับอาย เมื่อเขารู้สึกถึงกลิ่นอายของชายชราทั้งสอง เขาก็เกือบจะเป็นลมด้วยความกลัว ขอบคุณที่คนที่อยู่ข้างเขาจับไว้ทันทำให้เขาไม่ล้มลงพื้น
ตอนนั้นเอง อวิ๋นลั่วเฟิงก็เขียนขีดอักษรตัวสุดท้ายเสร็จพอดี นางหันหน้าไปเห็นชายชราที่ถามคำถามนางก่อนหน้านี้เริ่มถกเถียงกับชายชราอีกคนหนึ่ง ใบหน้านางปรากฏความสับสน “เกิดอะไรขึ้น”
เมื่อสัมผัสได้ว่าเด็กสาวกำลังมองพวกเขา ชายชราทั้งสองก็เดินมาหาอวิ๋นลั่วเฟิงในเวลาเดียวกัน แต่มู่ต้งใช้ร่างเบียดผู้อาวุโสออกไปเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเองก็เดินเข้ามาหาอวิ๋นลั่วเฟิงเช่นเดียวกับตน “ถอยออกไปอย่ามารบกวนการกลับมาเจอกันอีกครั้งระหว่างข้ากับศิษย์”
กลับมาเจอกัน? กลับมาเจอกันบ้าออะไร นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาพบกัน…
โอ้ ไม่ถูกสิ! นางไม่รู้จักเจ้าด้วยซ้ำไป เช่นนั้นพวกเขาจะกลับมาพบกันอีกครั้งได้อย่างไร
“สวะ!” ผู้อาวุโสจวินโบกมือแล้วปล่อยพลังลมรูปฝ่ามือไปขวางมู่ต้งเอาไว้ “มู่ต้ง อย่าบังคับให้บิดาทำร้ายเจ้า”
ครั้งนี้ผู้อาวุโสจวินเปลี่ยนคำเรียกแทนตัวเองจาก ‘ชายแก่คนนี้’ เป็น ‘บิดาผู้นี้’ เห็นได้ชัดว่าในใจเขาโกรธขนาดไหน
“ทำร้ายข้างั้นหรือ ก็ลองสิ! ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก! เจ้าอาจจะมีพรสวรรค์ด้านวิชาแพทย์มากกว่าข้า แต่พลังของเราก็เสมอกันมาตลอด” มู่ต้งกระแอมแล้วโต้ตอบอย่างไม่ยอมแพ้
อวิ๋นลั่วเฟิงรู้สึกสับสนเพราะว่าช่วงครึ่งหลังนางมีสมาธิมากเกินไปจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น นาง…มีอาจารย์อีกคนตั้งแต่เมื่อไร
“อย่าไปสนใจพวกเขาเลย” ทันใดนั้นก็มีเสียงไพเราะดังระฆังดังขึ้นข้างอวิ๋นลั่วเฟิง นางหันไปก็เจอรอยยิ้มบนใบหน้าน่ารัก รอยยิ้มกว้างจนเห็นฟันของเด็กสาวเป็นประกาย ดวงตาของนางฉายแววสนุกสนาน
“ท่านปู่เป็นเช่นนี้ตลอด เมื่อเขาเข้ากับท่านปู่มู่ได้ พวกเขาก็รักกันเหมือนพี่น้องแท้ๆ แต่เมื่อใดที่เกิดควาามขัดแย้ง พวกเขาก็เปลี่ยนเป็นศัตรูทันที” หลิงเอ๋อร์กะพริบตาอย่างสงสัย “ท่านปู่มู่บอกว่าเจ้ารู้วิชาเข็มพันเล่มจริงหรือเปล่า”
อวิ๋นลั่วเฟิงงุนงง วิชาเข็มพันเล่มงั้นหรือ
“เจ้าพูดถึงวิธีฝังเข็มที่ข้าเพิ่งวาดงั้นเหรอ” อวิ๋นลั่วเฟิงลูบคางเบาๆ “ถ้าใช่ก็หมายความว่าข้ารู้”
ตอนที่ 1377 ทะเลาะเบาะแว้ง (4)
วิธีฝังเข็มถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์เซียน แล้วนางก็บันทึกวิธีการไว้ในความคิดแล้วจึงเป็นเรื่องง่ายที่จะวาดภาพประกอบ
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของหลิงเอ๋อร์ก็เป็นประกาย นางยื่นมือออกไปหาอวิ๋นลั่วเฟิง “ลืมไปเลย ข้าชื่อจวินหลิงเอ๋อร์”
จวิน? อวิ๋นลั่วเฟิงมีความรู้สึกไวต่อชื่อตระกูลนี้มาก นางจึงหยุดไปชั่วครู่ก่อนจับมือจวินหลิงเอ๋อร์
“อวิ๋นลั่วเฟิง”
อีกทางหนึ่งชายชราทั้งสองก็ยุ่งอยู่กับการต่อสู้และไม่สนใจสิ่งรอบข้างอีกต่อไป
ทันใดนั้นนางก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากข้างหน้านาง
“ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดเจ้าถึงใช้เวลานานนัก เพราะเจ้าเอาแต่ล่อลวงเด็กสาวใสซื่ออยู่นี่เอง” หงหลวนเดินเข้ามาร่วมกลุ่มอย่างมีชีวิตชีวาแล้วยกแขนโอบไหล่อวิ๋นลั่วเฟิง สายตาของนางหยุดอยู่ที่หลิงเอ๋อร์ก่อนเลิกคิ้ว “เด็กคนนี้ดูสดใสดีจริง ข้าค่อนข้างชอบนางนะ”
หลิงเอ๋อร์ดูจะไม่เคยพบเจอสตรีที่ห้าวหาญมาก่อน อีกทั้งนางยังล้อเลียนนางทำให้นางรู้สึกตกใจกลัว
นางตอบเบาๆ “ข้าไม่ใช่พวกรักร่วมเพศ”
“ฮ่าๆ!” หงลวนอดที่จะหัวเราะไม่ได้ “แม่นางน้อย พี่สาวแค่ล้อเจ้าเล่นเท่านั้น แน่นอนว่าถ้าข้าเป็นบุรุษข้าคงอดไม่ที่จะแตะต้องเจ้า”
ถึงแม้ว่านางจะเป็นสตรี นางก็ยังเป็นเด็กสาวที่สดใสมีชีวิตชีวา ดังนั้นไม่ต้องพูดถึงถ้าหากนางเป็นบุรุษ!
หลิงเอ๋อร์หน้าแดง นางไม่เคยถูกแกล้งอย่างชัดเจนขนาดนี้มาก่อนในชีวิตยิ่งอีกฝ่ายเป็นสตรียิ่งไม่เคย
“อวิ๋นลั่วเฟิง ที่นี่เต็มไปด้วยเรื่องน่าตื่นตามากมาย” หงหลวนยิ้ม “เป็นอย่างไรบ้าง เจ้าผ่านบททดสอบหรือไม่”
อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้พูดอะไรแล้วหันไปหาผู้จัดการโถงโอสถ
ผู้จัดการปาดเหงื่อที่หน้าผากแล้วพูดว่า “ผ่าน ผ่าน เจ้าผ่านแล้ว…”
ดูสิว่าท่านมู่กับสหายเขายังต่อสู้กันแย่งนาง แล้วนางจะไม่ผ่านได้อย่างไร ถึงแม้ว่านางจะเขียนเรื่องไร้สาระแต่นางก็ผ่าน!
“ในเมื่อเจ้าผ่านแล้วพวกเราก็ไปกันเถอะ” หงหลวนคล้องแขนตัวเองกับอวิ๋นลั่วเฟิง นางไม่ลืมจะหันมาบีบแก้มเนียนนุ่มของหลิงเอ๋อร์ “แม่นางน้อย ไว้เจอกันใหม่”
ด้านนอกโถงโอสถ อวิ๋นลั่วเฟิงหยุดเดินแล้วเลิกคิ้วมองเด็กสาวชุดแดงที่อยู่ข้างๆ ก่อนพูดขึ้นว่า “ตั้งแต่รู้จักกัน ข้าไม่เคยเห็นเจ้าสนใจใครมาก่อน”
ความหมายอีกอย่างก็คือนางต้องการถามว่าทำไมถึงสนใจเด็กสาวคนนั้น
“ตัวตนของเด็กคนนั้นค่อนข้างพิเศษ” หงหลวนยิ้ม “ถ้าข้าเดาไม่ผิด นางเป็นบุตรสาวของผู้นำตระกูลจวิน”
คนของตระกูลจวินงั้นหรือ
อวิ๋นลั่วเฟิงนึกขึ้นได้ว่านางบอกว่าตัวเองชื่อวินหลิงเอ๋อร์ หรือว่านางจะเป็นคนในตระกูลจวินแห่งเมืองวิญญาณ
“อวิ๋นลั่วเฟิง” หงหลวนหันหน้ามา นางค่อยๆ หุบยิ้มแล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าจริงจัง “เพราะเจ้าเป็นสหายข้า ข้าจะบอกเรื่องนี้ให้เจ้ารู้ ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงมีพู่หยกของตระกูลจวินอยู่ในมือ แล้วก็ไม่รู้ว่านี่เป็นเรื่องดีหรือไม่ดี…”
“ก่อนที่พวกเราจะรู้ความจริง เจ้าต้องไม่เปิดเผยเรื่องนี้แม้แต่กับคนในตระกูลจวินเอง!” สีหน้าของหงหลวนจริงจังมาก นางไม่รู้ว่าอวิ๋นลั่วเฟิงเป็นคนของตระกูลจวินจริงหรือไม่ ถ้าหากว่านาง…เป็นศัตรูของตระกูลจวินล่ะ
“ข้าเข้าใจแล้ว” อวิ๋นลั่วเฟิงยิ้มบาง ถึงแม้ว่านางมีแผนจะค้นหาความจริงเรื่องจวินเฟิ่งหลิงแต่ก็ไม่ได้มีแผนจะเปิดเผยเรื่องพู่หยกของที่จะรู้ความจริง
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นคนในตระกูลจวินหรือไม่ เจ้าก็ยังเป็นสหายข้าอยู่ดี!” หงหลวนกำมือแล้วทุบหน้าอก “ข้าจะยืนอยู่ข้างเจ้าตลอดไปและจะไม่มีทางทอดทิ้งเจ้าแน่!”