หลิงฮันไม่เคยมีความคิดจะปล่อยพวกหลินฟางให้มีชีวิตรอด เพียงแต่ก่อนหน้านี้ ทั้งสามคนบังเอิญหลบหนีไปได้ก็เท่านั้น
“มาประลองกัน หากพวกเจ้าสามคนรับสามกระบวนท่าของข้าได้ ข้าจะยอมไว้ชีวิต!” หลิงฮันก้าวเดินไปหาพวกหลินฟาง
พวกหลินฟางทั้งสามอยากจะเผ่นหนี แต่สตรีชุดเกราะเงินทั้งเก้าคนก็ขี่มังกรอินทรีมาล้อมพวกนางเอาไว้
ทั้งสามคนมองไปยังปรมาจารย์ของตระกูลตนเองด้วยแววตาอ้อนวอน แต่ปรมาจารย์แต่ละคนก็ทำได้เพียงส่ายหัว
ล้อเล่นรึเปล่า เจ้าไม่เห็นรึไงว่าแม้แต่จื่อเหอจี๋ก็ยังถูกสังหารในไม่กี่ลมหายใจ!
“ต้องลงมือพร้อมกัน!” พวกหลินฟางทั้งสามคนกัดฟันมองหน้ากัน
พวกเขารู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงฮัน แต่ถ้าหากเพียงแค่รับสามกระบวนท่าล่ะก็ คงน่ามีปัญหาอะไร
“ก็เข้ามาพร้อมกันทั้งสามคนนั่นล่ะ ข้าไม่ได้มีเวลาเยอะหรอกนะ” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส “สามกระบวนท่า! ตราบใดที่พวกเจ้ารอดชีวิตหลังจากสามกระบวนท่า ข้าจะคิดเสียว่าพวกเจ้าเป็นเพียงอากาศธาตุ และจะยอมไว้ชีวิต”
เมื่อทั้งสามคนได้ยินเช่นนั้น ความมั่นใจของพวกเขาก็มีเพิ่มขึ้น
ถ้าพวกเขาร่วมมือกัน กับแค่สามกระบวนท่าของหลิงฮัน พวกเขาจะไม่สามารถต้านทานไหวเชียวหรือ?
สตรีชุดเกราะทองรู้สึกสนใจเป็นอย่างมาก นางพาดสองมือไว้ด้านหลัง และไม่เร่งเร้าหลิงฮัน
นางรู้ดีว่าประมุขหญิงน้อยหลงใหลบุรุษผู้นี้ขนาดไหน ซึ่งคำถามของนางก็คือ หลิงฮันจะเหมาะสมกับประมุขหญิงน้อยรึไม่?
เพราะงั้นนางจึงอยากเห็นด้วยตาตนเองว่า ความแข็งแกร่งของหลิงฮันจะอยู่ในระดับใด
พวกหลินฟางนั้น เมื่อเห็นว่าหลิงฮันไม่ยอมเป็นฝ่ายโจมตีก่อน พวกนางก็แสยะยิ้มในใจ หลังจากพยักหน้าให้กันแล้ว ทั้งสามคนก็รีบโคจรพลังเพื่อเตรียมปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังที่สุด
‘ครืน ครืน ครืน’ ร่างของทั้งสามคนพรั่งพรูไปด้วยตราประทับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ ในฐานะที่เป็นราชาแห่งยุค แน่นอนว่าพลังต่อสู้ของพวกเขาย่อมไม่อ่อนแอ โดยเพราะพวกเขาทั้งสามที่บรรลุระดับสี่นิพพานสูงสุดแล้ว ในระดับโลกียนิพพานนี้ พวกเขาแทบจะเป็นตัวตนที่ไร้เทียมทานที่สุด
ทั้งสามคนไม่เชื่อว่าหากร่วมมือกันแล้ว พวกตนจะไม่สามารถรับสามกระบวนท่าของหลิงฮันได้
ณ เวลานี้ ฟู่เกาหยุนและกลุ่มของเขาก็ออกมาจากเขตแดนลี้ลับพอดี โดยที่ไม่ได้เข้าใจสถานการณ์เลยแม้แต่น้อย พวกเขาตกตะลึงเป็นอย่างมากที่เห็นหลิงฮันกำลังจะเริ่มการปะทะอีกแล้ว
หืม ทำไมผู้อาวุโสฟู่เยี่ยนถึงอยู่ที่นี่กัน?
กลุ่มของพวกเขารีบเคลื่อนที่ไปหา และเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ทันทีที่ได้ยินเรื่องราวกับทั้งหมด พวกฟู่เกาหยุนแต่ละคนก็ร่างชะงักแข็งค้าง
ละ… หลิงฮันเป็นผู้สืบทอดของขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์!
จิตใจของฟู่เกาหยุนเต็มไปด้วยความรู้สึกขมขื่น หากก่อนหน้านี้เขายอมทนต่อแรงกดดันให้ถึงที่สุด ความสัมพันธ์ที่เขามีต่อหลิงฮัน จะสร้างผลประโยชน์ให้เขาได้อย่างมหาศาล
“จัดการ!” พวกหลินฟางสามคนลงมือพร้อมกัน แต่ละคนต่างปลดปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังที่สุดเข้าใส่หลิงฮัน
พากเป็นฝ่ายโจมตีก่อน โอกาสที่พวกเขาจะรอดชีวิตในสามกระบวนท่าก็จะเพิ่มสูงขึ้น
หลิงฮันเผยรอยยิ้ม พริบตาเดียวกันคลื่นพลังอันน่าสะพรึงก็ไหลทะลักออกมาจากร่างกายของเขา
ใบหน้าของเหล่าตัวตนระดับแบ่งแยกวิญญาณเปลี่ยนไป และแสดงออกถึงความตกตะลึง
คลื่นพลังที่พรั่งพรูออกมานี้ทรงพลังเป็นอย่างมาก ถึงแม้มันจะยังห่างชั้นกับพลังของระดับแบ่งแยกวิญญาณอยู่มากโข แต่มันก็ทรงพลังว่าระดับสี่นิพพานไม่รู่กี่เท่าต่อกี่เท่า แถมประเด็นก็คือพลังบ่มเพาะของหลิงฮันยังอยู่ในระดับสามนิพพานสูงสุดเท่านั้น เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะปลดปล่อยอำนาจที่น่าสะพรึงขนาดนี้ออกมา?
ร่างของซุนเจิ้นชะงักไปชั่วขณะ ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าหลิงฮันใช้วิธีการชั่วร้ายบางอย่างในการลอบสังหารลั่วจ่างเฟิง แต่ตอนนี้เขารู้แล้วว่า หลิงฮันไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้น
สตรีชุดเกราะทองเองก็ประหลาดใจเล็กน้อย จริงอยู่ที่ว่าแม้ในระดับเดียวกัน พลังต่อสู้ของหลิงฮันจะเทียบไม่ได้กับฮูหนิว แต่ตำหนักมัจฉาวายุภักษ์นั้นเป็นถึงขุมอำนาจราชานิรันดร์ระดับเก้า ในขณะที่หลิงฮันนั้นเป็นเพียงจอมยุทธตัวจ้อยไร้ภูมิหลัง
เพราะงั้นการที่หลิงฮันสามารถขัดเกลาพลังของตนเองให้ด้อยกว่าฮูหนิวเพียงเล็กน้อยได้ ทำให้นางรู้สึกตกตะลึงอย่างแท้จริง
ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมเขาถึงได้ทำให้ประมุขหญิงน้อยหลงรักได้
ที่แท้บุรุษผู้นี้ก็มีศักยภาพโดดเด่นถึงเพียงนี้!
‘ครืนนน’ การโจมตีของพวกหลินฟาง ส่องประกายเจิดจ้าไปทั่วพื้นที่
หลิงฮันส่ายหัวพร้อมกับโคจรอำนาจของแก่นกำเนิดนิรันดร์เปลวเพลิง ความสอดคล้องของเขากับอำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงผสานรวมเป็นหนึ่งเดียว และปลดปล่อยการโจมตีที่เหนือกว่าระดับพลังบ่มเพาะหลายเท่าตัวออกไป
‘ตูม’ เปลวเพลิงอันร้อนระอุก่อตัวรวมกันเป็นคลื่นระเบิดยักษ์ อำนาจแห่งกฎเกณฑ์เปลวเพลิงพรั่งพรูและโหมกระหน่ำดั่งคลื่นสมุทรไปทั่วบริเวณ นิรันดร์ระดับแบ่งแยกวิญญาณมากมาย จำเป็นต้องลงมือปัดเป่ากระแสพลังที่ไหลล้นออกมา เพื่อไม่ให้รุ่นเยาว์ของตนถูกลูกหลงไปด้วย
การโจมตีตรงหน้านี้มีพลังทำลายล้างอยู่เหนือขีดจำกัด ของระดับโลกียนิพพานไปแล้วอย่างสิ้นเชิง
ผู้อาวุโสตระกูลหลิน ผู้อาวุโสตระกูลเถิง และผู้อาวุโสเหวยกัดฟันอย่างไม่ยินยอม ภายใต้อำนาจของคลื่นเปลวเพลิงนี้ อย่าว่าแต่พวกหลินฟางจะรอดชีวิตหรือไม่เลย เกรงว่าร่างของทั้งสามคงถูกแผดเผาไม่เหลือแม้แต่เศษเนื้อไปแล้ว
ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ หลังจากที่คลื่นเปลวเพลิงสลายไป ร่างของหลินฟาง เถิงเซิน และเหวยเหนียนก็หายไปแล้วตลอดกาล
หลิงฮันปัดฝุ่นที่มือและหันไปหัวเราะให้กับสตรีชุดเกราะทอง “ผู้อาวุโส พวกเราจะไปกันได้รึยัง?”
การที่เขาจะข้ามเขตมหาสมุนไร้พรมแดนด้วยตนเอง เป็นเรื่องที่อันตรายเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากเขาติดตามกลุ่มสตรีชุดเกราะทองเหล่านี้กลับไปล่ะก็ เขาจะข้ามเขตมหาสมุนไร้พรมแดนได้อย่างปลอดภัยแน่นอน
สตรีชุดเกราะทองแน่นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “อืม”
สายตาของนางกวาดมองผู้คนโดยรอบ ซึ่งก็ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าสบตานาง และรีบก้มหัวอย่างรวดเร็ว แม้แต่ซุนเจิ้นเองก็ไม่มีข้อยกเว้น
จริงอยู่สตรีชุดเกราะทองมาจากขุมอำนาจห้าดาวเช่นเดียวกับเขา แต่ในด้านของพลังต่อสู้ เขากลับไม่สามารถเทียบนางได้เลยแม้แต่น้อย
ณ เวลานี้ในหัวของซุนเจิ้นมีความคิดอยู่เพียงหนึ่งเดียวคือ ทันทีที่เขากลับขึ้นไปยังเรือรบแล้ว เขาจะใช้ปืนใหญ่กระหน่ำโจมตีสตรีผู้นี้ให้สิ้นซาก
“เหอะ ช่างเป็นแผนชั่วร้ายที่รนหาที่ตายเสียจริง!” ดวงตาของสตรีชุดเกราะทองส่องประกายโหดเหี้ยม และผลักฝ่ามือเข้าใส่ซุนเจิ้น
ซุนเจิ้นตกตะลึงแต่ก็ไม่กล้าโจมตีตอบโต้ เขารีบกระโดดถอยหลังและกล่าว “สหายโปรดอย่าเข้าใจผิด!”