พวกหลิงฮันสามคนปะทะกับพวกเป่ยหยิ่วย้งแปดคน
การต่อสู้นี้เป็นการต่อสู้ที่ไร้ความยุติธรรมอย่างสิ้นเชิง ต่อให้หลิงฮันจะแข็งแกร่งจนเรียกได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดไร้เทียมทานในระดับโลกียนิพพาน แต่พลังต่อสู้ของเขาก็ยังไม่มากพอที่จะเอาชนะราชาในระดับสี่นิพพานสูงสุด
จักรพรรดินีดีก็ไม่ต่างจากเขา พลังต่อสู้ของนางถูกกำจัดเอาไว้ด้วยพลังบ่มเพาะ ซึ่งทำได้เพียงรับการโจมตีจากศัตรูอย่างเฉียดฉิว
โชคยังดีที่ธิดาโร๋วนั้นแข็งแกร่งพอสมควร
แต่เดิมนางมีพลังบ่มเพาะอยู่ที่สี่นิพพานทั่วไป แต่หลังจากผ่านการทดสอบของตำหนักเฉียนหลง พลังบ่มเพาะของนางก็ยกระดับขึ้นมาเป็นสี่นิพพานสูงสุด ยิ่งเมื่อใช้ประโยชน์จากกายหยาบเสน่ห์เก้าวัฏจักรและทักษะยั่วยวนด้วยแล้ว นางจึงสามารถรับมือกับราชาในระดับสี่นิพพานสูงสุดได้ถึงสองคน
แต่ถึงอย่างนั้น ศัตรูก็ยังมีมากเกินไปอยู่ดี
“คนยักษ์ ข้าให้เจ้ายืมอาวุธศักดิ์สิทธิ์!” คนแคระผู้หนึ่งโยนท่อนไม้ไปยังหลิงฮัน
คนแคระผู้นี้หลักแหลมและตัดสินใจหาวิธีเปลี่ยนสถานการณ์
“ฮ่าๆ ขอบใจมาก!” หนึ่งในจอมยุทธระดับนิรันดร์กล่าว เขากำก้อนหินเอาไว้ในมือและกล่าว “สลับ!”
หลิงฮันยื่นมือออกไปเพื่อคว้าท่อนไม้ แต่ทันใดนั้นเองจู่ๆห้วงมิติก็เกิดการผันผวนและท่อนไม้ได้ถูกเปลี่ยนไปเป็นก้อนหิน! เมื่อเขารีบหันไปมองยังจอมยุทธคนเมื่อครู่ ก็พบว่าท่อนไม้ได้ไปอยู่ในกำมือของอีกฝ่ายเสียแล้ว
อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติ!
ไม่น่าเชื่อว่าคนผู้นี้จะสามารถใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติได้ เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาไม่เคยแสดงพลังนี้ให้เห็นมาก่อน ทุกคนจึงคิดว่าเขาเชี่ยวชาญเพียงแต่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์อัคคีเท่านั้น
จอมยุทธผู้นี้มีชื่อว่าถานเว่ย ซึ่งมีพลังบ่มเพาะอยู่ในระดับสามนิพพานสูงสุด
“ตาย!” ถานเว่ยหันท่อนไม้ชี้มายังหลิงฮัน
“มิติเอกเทศน์!” หลิงฮันยื่นมือออกไปและโคจรทักษะ ‘พรึบ’ ร่างของถานเว่ยหายไปจากตำแหน่งเดิมในพริบตา หลิงฮันใช้โอกาสนี้เคลื่อนที่ด้วยแสงอัสนีไปหยุดที่ตำแหน่งนั้น ก่อนที่ร่างของถานเว่ยจะโผล่กลับมาอีกครั้ง
ถานเว่ยรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาเองก็ไม่คาดคิดว่าหลิงฮันจะเชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงมิติเช่นกัน หลังจากที่ปรากฏตัวกลับมา ถึงแม้เขาจะไม่ใด้หันหลังไปมองแต่รับรู้ได้จากสัมผัสสวรรค์ว่าหลิงฮันอยู่ด้านหลังเขาในตอนนี้
หลิงฮันปล่อยหมัดเข้าใส่หลังศีรษะของถานเว่ย โดยที่การโจมตีนี้ทรงพลังมากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายเสียชีวิตได้
“อย่าได้คิดว่าจะทำสำเร็จ!” หลินฟางลงมือขัดขวาง ‘พรึบ’ นางขยับมือขวากวัดแกว่งแส้สีดำรัดหมัดของหลิงฮันเอาไว้ ทำให้การโจมตีของหลิงฮันหยุดก่อนถึงศีรษะของถานเว่ยราวๆครึ่งนิ้ว
หลิงฮันเค้นเสียง เขานำดาบอสูรนิรันดร์ออกมาและสะบั้นใส่แส้ที่รัดมือ
“ช่างเพ้อฝัน!” หลินฟางแสยะยิ้ม แส้ของนางคืออุปกรณ์กึ่งนิรันดร์ที่ถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะกึ่งนิรันดร์สองดาวและถูกถักขึ้นรูปให้เป็นแซ่ด้วยเส้นเอ็นของสัตว์อสูรนิรันดร์ ทำให้แซ่ชิ้นนี้มีความทนทานเป็นอย่างมาก
คิดจะตัดแส้ของนางให้ขาดงั้นรึ? อย่าได้ฝันเลย!
‘พรึบ’ ดาบอสูรนิรันดร์กวัดแกว่งสะบั้นเข้าใส่แส้พร้อมกับระเบิดคลื่นแสงแห่งดาบอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา แน่นอนว่าดาบอสูรนิรันดร์ไม่อาจตัดแส้ให้ขาดได้ แต่แผนการของหลิงฮันคือกระตุ้นดาบอสูรนิรันดร์ให้ทำการดูดกลืนแก่นโลหะที่อยู่ภายในแส้
‘ฟุบ’ เวลาผ่านไปเพียงไม่ถึงสิบลมหายใจ แก่นโลหะของแส้ก็ถูกดูดกลืนจนหมดเกลี้ยงและเสื่อมสภาพ พริบตาหลังจากนั้นหลิงฮันได้ทำการโคจรเพลิงเก้าสวรรค์เพื่อเผาเส้นเอ็นสัตว์อสูรนิรันดร์ให้หลอมละลาย และใช้ปลายดาบแหลมคมของดาบอสูรนิรันดร์ฟันแส้จนขาดเป็นสองส่วน
เพียงแต่ว่าทันทีที่เขาสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ กลุ่มของพวกเป่ยหยิ่วย้งหลายคนก็กระโดดเข้ามาคุ้มกันถานเว่ย เพื่อเปิดโอกาสเว้นช่องว่างให้ถานเว่ยยกท่อนไม้ขึ้นมาเล็งใส่หลิงฮัน
“ฮ่าๆๆ!” พวกเป่ยหยิ่วย้งหัวเราะลั่น ถึงแม้หลังจากนี้พวกเขาทุกคนจะต้องสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ตอนนี้พวกเขาก็ถือว่าเป็นพันธมิตรชั่วคราวที่ต้องช่วยเหลือกัน
“ทีนี้เจ้าเสียใจรึยังที่ตั้งตนเป็นศัตรูกับพวกข้า?” เป่ยหยิ่วย้งแสยะยิ้ม เจ้าคิดว่าตนเองเป็นใครกัน? วีรบุรุษที่จะช่วยเหลือผู้บริสุทธิ์ทุกคนบนโลกนี้งั้นรึ?
หลิงฮันยิ้มอย่างไม่แยแสและกล่าว “สิ่งที่ข้าทำลงไป ข้าไม่เคยรู้สึกเสียใจ!”
“ถ้าเช่นนั้นก็ตายซะ!” ถานเว่ยคำราม เมื่อครู่เขาเกือบจะถูกการโจมตีของหลิงฮันสังหารเสียแล้ว เพราะงั้นเขาจึงรู้สึกอัปยศเป็นอย่างมาก
ในฐานะของผู้สืบทอดขุมอำนาจระดับสามดาว เขาจะถูกทำให้ตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นได้อย่างไร?
“ทุกๆคน ทำไมพวกเราต้องใช้กำลังตัดสินปัญหากันด้วยล่ะ?” ธิดาโร๋วกล่าวด้วยใบหน้าที่ประดับเอาไว้ด้วยรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ของทักษะยั่วยวน ภายใต้อำนาจของทักษะนี้ ความงดงามของนางได้ถูกยกระดับขึ้นหลายเท่า จนบุรุษผู้ใดที่เห็นนางจะต้องร่างกายร้อนผ่าวจนกระดูกหลอมละลาย
ต่อให้เป่ยหยิ่วย้งและคนอื่นๆจะเป็นราชาแห่งยุค แต่ในจังหวะนี้ จิตใจของพวกเขาเต้นแรงและตื่นเต้นเป็นอย่างมาก จนหลงลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าพวกเขาเป็นใครและทำอะไรอยู่
“นังแพศยา ตายซะ!” หลินฟางยิ้มอย่างโหดเหี้ยม นางถูกความงดงามของจักรพรรดินีและธิดาโร๋วกดขี่มาเป็นเวลานานแล้ว ตอนนี้จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้เอาคืน!
นางคว้าท่อนไม้จากมือถานเว่ยและเล็งไปยังธิดาโร๋ว
หากเป็นในสถานการณ์ปกติ ถานเว่ยคงไม่ถูกนางแย่งชิงอาวุธไปง่ายๆแบบนี้ เพียงแต่ว่าตัวเขาในตอนนี้กำลังตกอยู่ในภวังค์ของมนต์เสน่ห์ ทำให้ปฏิกิริยาตอบโต้ช้าลงไปจากปกติหลายหมื่นเท่า กว่าเขาจะรู้สึกตัวท่อนไม้ก็ถูกหลินฟางแย่งไปเสียแล้ว
ธิดาโร๋วใบหน้าเปลี่ยนเป็นซีดเผือด คลื่นแสงจากท่อนไม้สามารถสังหารนิรันดร์ระดับสามนิพพานสูงสุดได้ภายในพริบตา ต่อให้นางจะมีพลังบ่มเพาะสูงขึ้นมาในระดับสี่นิพพาน ก็เกรงว่าผลลัพธ์คงไม่ต่างกัน
“ไม่!” เป่ยหยิ่วย้งและคนอื่นๆได้สติกลับมาและอุทาน
เจ้าจะสังหารสตรีที่งดงามขนาดนั้นไม่ได้!
หลินฟางเผยรอยยิ้มโหดเหี้ยมและไม่ลังเลที่จะออกแรงกดไปยังท่อนไม้ ‘พรึบ’ คลื่นแสงถูกปลดปล่อยออกไป
แต่ในจังหวะพร้อมกันกับที่หลินฟางกดท่อนไม้นั้นเอง เงาของร่างหนึ่งก็พุ่งทะยานมาบังด้านหน้าธิดาโร๋ว