Alchemy Emperor of the Divine Dao – ตอนที่ 1766 มุ่งหน้าสู่เมืองหลีเฮิ่น

หลิงฮันและเม่าไต้ออกเดินทางไปยังเมืองหลีเฮิ่นพร้อมกัน

เมืองหลีเฮิ่นคือสถานที่ตั้งของตระกูลฟู่ แต่เดิม เม่าไต้คิดจะไปยังตระกูลฟู่หลังจากที่เขาบรรลุเป็นนิรันดร์สี่นิพพานแล้ว แต่หลังจากที่ได้เห็นพลังต่อสู้อันแข็งแกร่งของหลิงฮัน เขาก็รู้สึกว่าตนเองไม่ควรเสียเวลาอยู่ที่เมืองธุลีจันทราอีกต่อไป

ต้องรีบไปยังตระกูลฟู่เพื่อขัดเกลาพลังให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

หากไม่มีสมบัติที่ใช้สำหรับเหาะเหิน การเดินทางด้วยเรือก็ย่อมเป็นวิธีที่รวดเร็วที่สุด เนื่องจากการเคลื่อนย้ายในพริบตาด้วยรูปแบบอาคมนั้นฟุ่มเฟือยเกินไป

จุดนี้ทำให้หลิงฮันเริ่มนับถือในความสามารถของสุนัขตัวดำขึ้นมา

หลิงฮันคาดหวังกับการเดินทางครั้งนี้เป็นอย่างมาก เมื่อไปถึงตระกูลฟู่ เขาหวังเหลือเกินว่าจะตามหาตำแหน่งที่ตั้งของตำหนักมัจฉาวายุภักษ์พบ

เวลาผ่านไปเกือบๆปี เรือโดยสารก็มาถึงเมืองหลีเฮิ่น

เมืองสามดาวแห่งนี้แบ่งออกเป็นสี่เมืองเล็กคือ เมืองย่อยหลีเทียน เมืองย่อยเฮิ่นเปี๋ย เมืองย่อยต้าหวางและเมืองย่อยเซี่ยวหวาง ในหมู่เมืองย่อยทั้งสี่นี้ เมืองย่อยหลีเทียนคือเมืองที่ลำดับชั้นสูงที่สุด เมืองแห่งนี้มีเพียงสมาชิกตระกูลฟู่ และขุมอำนาจพันธมิตรเท่านั้นที่สามารถอาศัยอยู่ได้

ส่วนผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองย่อยเฮิ่นเปี๋ยนั้น จะเป็นเหล่าขุมอำนาจที่อยู่ภายใต้การปกครองของตระกูลฟู่ รองลงมาจากนั้นคือเมืองย่อยต้าหวางและเมืองย่อยเซี่ยวหวาง ที่คนอาศัยอยู่จะเป็นเพียงพลเมืองทั่วไป โดยที่เมืองต้าหวางมีลำดับชั้นที่สูงกว่า

เม่าไต้พาจางชงและเม่าซูอวี่ติดตามมาด้วย ในขณะที่หลิงฮันเองก็พาจักรรรดินีและสตรีนกอมตะติดตามมา พวกเขาจำเป็นต้องอาศัยอยู่ในเมืองเซี่ยวหวางก่อนเป็นอันดับแรก และรอคำอนุญาติจากตระกูลฟู่

ในหมู่เมืองย่อยทั้งสี่ มีเพียงเมืองเซี่ยวหวางเพียงเมืองเดียวเท่านั้น ที่สามารถอาศัยอยู่ได้หากจ่ายค่าพำนักด้วยศิลาดวงดาว ในขณะที่เมืองอีกสามเมืองจำเป็นต้องขอคำอนุญาติ

หลังจากรอคอยอยู่หลายวัน พวกหลิงฮันก็ได้รับอนุญาติให้เข้าสู่เมืองหลีเทียนได้

เมืองย่อยทั้งสี่มีโครงสร้างเรียงกันเป็นแนวตั้ง ซึ่งการจะไปยังเมืองหลีเทียนที่อยู่บนสุด จำเป็นต้องเดินทางผ่านรูปแบบอาคมเคลื่อนย้าย เหตุผลที่สามารถใช้รูปแบบอาคมเคลื่อนย้ายได้ก็เพราะว่า ระยะทางระหว่างเมืองนั้นไม่ได้ไกลกันจนเกินไป ทำให้การเผลาผลาญทรัพยากรอยู่ในระดับที่รับได้

หลังจากมาถึงเมืองหลีเทียน เม่าไต้และหลิงฮันก็แยกกัน

ถึงแม้ว่าเม่าไต้จะเป็นอัจฉริยะ แต่ศักยะภาพของเขาก็ยังด้อยกว่าหลิงฮัน เพราะงั้นการปฏิบัติที่ได้รับจากตระกูลฟู่จึงต่างกัน

หนึ่งวันต่อมา และแล้วฟู่เกาหยุนก็มาหาหลิงฮัน

“น้องชายหลิง ในที่สุดเจ้าก็มาเสียที!” ทันทีที่ปรากฏตัว ฟู่เกาหยุนก็กอดไหล่ต้อนรับหลิงฮันอย่างอบอุ่น

หลิงฮันยิ้มตอบรับอย่างเป็นมิตร ในขณะที่จักรพรรดินีนั้นไม่ใช่ ‘เจ้ากล้ามาแตะต้องบุรุษของข้างั้นรึ?’

ฟู่เกาหยุนนั้นไม่ทำให้หลิงฮันผิดหวังแม้แต่น้อย เขาสามารถหาซื้อแร่โลหะจำนวนมากมาให้หลิงฮันได้ ซึ่งหลิงฮันก็บังเอิญได้รับความมั่งคั่งมาจากทรัพยากร ที่ตระกูลติงสะสมมานานหลายล้านปีพอดี

หลิงฮันในตอนนี้มีศิลาดวงดาวมากถึงหนึ่งร้อยล้านก้อนอยู่ในมือ ซึ่งกล่าวได้ว่าร่ำรวยเป็นอย่างมาก

“น้องชายหลิง หากเจ้าไม่มาล่ะก็ ผู้เฒ่าเหยี๋ยนจะต้องพิโรธเป็นแน่” ฟู่เกาหยุนกล่าว เหตุผลที่เขาต้องการให้หลิงฮันมาที่ตระกูลฟู่เร็วๆนั้น ส่วนหนึ่งก็เพราะเขาต้องการพาหลิงฮันไปพบเซี่ยงเหยี๋ยน หากหลิงฮันไม่รีบมาล่ะก็ ปรมาจารย์นักปรุงยาที่ยิ่งใหญ่จะต้องระเบิดอารมณ์ใส่ตระกูลฟู่เป็นแน่

หลิงฮันหัวเราะและไปพบเซี่ยงเหยี๋ยนพร้อมกับฟู่เกาหยุน

อุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้สำหรับทดสอบอัจฉริยะเข้าตระกูลถูกนำกลับมาแล้ว พวกหลิงฮันเข้าสู่ประตูหินและมายังลานที่พักข้างปราสาท เมื่อเปิดประตูเข้าไป นอกจากเซี่ยงเหยี๋ยนแล้ว พวกเขายังพบเห็นชายชราผมขาวโพลน และสตรีงดงามผมดำยาวยืนอยู่ในห้องด้วย

เมื่อฟู่เกาหยุนเห็นสตรีงดงามผู้นั้น ใบหน้าของเขาก็กระตุกไปมา และมีท่าทางราวกับอยากจะเผ่นหนี

“โอ้ หยุนหยุนน้อย!” ทันทีที่สตรีผู้นั้นเห็นฟู่เกาหยุน นางก็ตะโกนเรียกเสียงดังโดยที่ไม่สำรวมกิริยาแม้แต่น้อย ท่าทางที่นางแสดงออกมานั้นห้าวหาญยิ่งกว่าบุรุษเสียอีก “เหตุใดเจ้าถึงทำท่าเหมือนกับอยากจะหนีให้พ้นๆหน้าข้ากัน? ข้าไม่ได้จะระเบิดรูทวารเจ้าเสียหน่อย”

เมื่อได้ยินคำพูดของนาง หลิงฮันก็ทำใจทันทีว่าทำไมฟู่เกาหยุนก็ทำท่าทางเช่นนั้น สตรีผู้นี้มีนิสัยห้าวเกินไป…

“เด็กโง่ ทำไมเจ้าถึงไม่ทำตัวให้เป็นสุภาพสตรีบ้าง?” ชายชราผมขาวกล่าวด้วยน้ำเสียงตำหนิ เขาคือซือถูถัง เมื่อถูกเซี่ยงเหยี๋ยนคะยั้นคะยออยู่หลายครั้ง ในที่สุดเขาก็ยอมมาที่นี่ในวันนี้

สตรีผู้นี้คือหลานสาวของเขา ชื่อของนางคือซือถูเซี่ยวเจิน เนื่องจากบุตรและสะใภ้ของเขาเสียชีวิตไปนานแล้ว หลานสาวคนนี้จึงเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวที่เขาเหลืออยู่

“คารวะผู้เฒ่าเหยี๋ยน ผู้เฒ่าถัง!” ฟู่เกาหยุนก้าวเดินมาด้านหน้าและแสดงความเคารพปรมาจารย์นักปรุงยาทั้งสอง

ชายชราสองคนนี้คือนักปรุงยาระดับสูงสุดในตระกูลฟู่ ซึ่งสมาชิกของตระกูลฟู่ทุกคนต่างมีความนอบน้อมต่อพวกเขา

ปรมาจารย์นักปรุงยาทั้งสองยิ้มตอบรับตามมารยาท และเมื่อเซี่ยงเหยี๋ยนพบเห็นหลิงฮัน เขาก็หัวเราะออกมาและกล่าว “เจ้าหนู ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว มานี่มานี่ ขอข้าทดสอบหน่อยว่าทักษะปรุงยาของเจ้าขึ้นสนิมบ้างรึเปล่า”

“เฒ่าเหยี๋ยน เจ้าเรียกข้ามาที่นี่ทำไม?” ซือถูถังกล่าวด้วยน้ำเสียงขึงขัง “เจ้าก็รู้ว่าข้ายุ่งอยู่ตลอดเวลา ข้าไม่มีเวลามามัวไร้สาระกับเจ้าหรอกนะ”

ซือถูเซี่ยวเจินจ้องมองหลิงฮันด้วยแววตาสงสัย เนื่องจากนางไม่เคยเห็นเซี่ยงเหยี๋ยนมีท่าทีเป็นมิตรต่อใครแบบนี้มาก่อน

ซือถูถังเค้นเสียงและกล่าวด้วยท่าทีเหยีดยหยาม “เฒ่าถัง ข้าแนะนำว่าเจ้าอย่ามัวเสียเวลาอยู่กับเม็ดยาวายุเพลิงเก้าเมฆาอย่างเปล่าประโยชน์เลยจะดีกว่า”

“ฮึ่ม เจ้ากล้าพูดได้อย่างไรว่าข้าเสียเวลาอย่างเปล่าประโยชน์?” เซี่ยงเหยี๋ยนแสยะยิ้มพร้อมกับโยนขวดเม็ดยาให้กับอีกฝ่าย แม้สีหน้าที่เขาแสดงออกมาจะดูเหมือนไม่แยแส แต่ภายในใจนั้นเขากำลังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก

ซือถูถังรับขวดเม็ดยามาตามสัญชาตญาณและกล่าว “นี่คืออะไร?”

“ลองเปิดดูสิ”  เซี่ยงเหยี๋ยนสะบัดมือด้วยท่าทางโอ้อวด

“มัวแต่อมพะนำอยู่ได้” ซือถูถังเค้นเสียงและเปิดขวดเม็ดยาอย่างระมัดระวัง หลังจากได้กลิ่นเม็ดยาที่ลอยออกมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นตกตะลึงราวกับเห็นผี

ทั่วร่างของเขาสั่นสะท้านก่อนจะอุทานออกมา “เม็ดยาวายุเพลิงเก้าเมฆา!”

Alchemy Emperor of the Divine Dao

Alchemy Emperor of the Divine Dao

อ่านนิยายจีนAlchemy Emperor of the Divine Dao เรื่องย่อ หลิงฮันสุดยอดจอมยุทธ์และจักรพรรดิปรุงยาเพียงหนึ่งเดียว เสียชีวิตลงในการบรรลุสู่การเป็นเทพเจ้า ในหนึ่งหมื่นปีต่อมาด้วยคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ เขาได้เกิดใหม่ในร่างของเด็กหนุ่มที่ชื่อเหมือนกัน จากนั้นทั้งสายลมและเมฆจะต้องแหวกออกเมื่อเขาได้ต่อกรกับเหล่าอัจฉริยะในยุคใหม่นับไม่ถ้วน เส้นทางในการเป็นตำนานของเขาได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ในทุกยุคสมัย ภายใต้สวรรค์ ข้าแกร่งที่สุด!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset