หลิงฮันหันหน้าและพบกับรุ่นเยาว์ชุดดำผู้หนึ่ง เขากล่าวกับอีกฝ่ายด้วยรอยยิ้ม “แล้ว้ข้าควรทำอย่างไรพวกนางถึงจะสนใจข้า?”
“อันที่จริงหน้าตาของเจ้าก็ไม่ได้แย่หรอกนะ แต่เจ้าคิดรึว่าจะหลอกล่อสตรีงดงามทั้งสองด้วยอาหารจำนวนมากได้?” รุ่นเยาว์ชุดดำกล่าว
หลิงฮันเอ่ยถาม “สหาย เจ้ามีชื่อว่าอะไร?”
“คู่อิง” รุ่นเยาว์ชุดดำกล่าว
หลิงฮันพยักหน้า “ถ้างั้นพวกเรามาเดิมพันกันเป็นไง?”
“เดิมพันแบบไหน?” คู่อิงชะงักก่อนจะเอ่ยถาม
“ข้าจะเข้าหาสตรีทั้งสองด้วยอาหารในมือเหล่านี้ หากพวกนางยอมรับข้า เจ้าจะต้องเรียกข้าว่าพี่ใหญ่” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
คู่อิงเค้นเสียงกล่าวอย่างหนักแน่น “ไม่มีปัญหา แต่หากทำไม่สำเร็จ เจ้าจะต้องเรียกข้าว่านายท่านคู่!”
แขกคนอื่นๆที่อยู่ด้านข้าง เมื่อได้ยินการเดิมพันของพวกหลิงฮันก็รู้สึกสนใจขึ้นมาทันทีและกล่าวแทรก “งั้นข้าขอเดิมพันด้วย”
รุ่นเยาว์เหล่านี้รู้สึกว่าเรื่องราวตรงหน้าน่าสนุก แถมการเดิมพันนี้หลิงฮันก็ไม่มีทางเป็นฝ่ายชนะแน่นอน สตรีทั้งสองคือสตรีที่งดงาม โดยเฉพาะสตรีคนที่สวมหน้ากาก กลิ่นอายที่นางปลดปล่อยออกมานั้นสูงส่งจนพวกเขาหลายคนไม่กล้าเข้าใกล้ เพราะฉะนั้นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาดที่สตรีอย่างนางจะถูกหลอกล่อด้วยอาหาร
เหนือสิ่งอื่นใดคือทุกคนที่นี่สามารถหยิบกินอาหารได้ตามใจชอบอยู่แล้ว จึงไม่มีทางเลยที่จะใช้อาหารดึงดูดความสนใจของพวกนางได้
เป็นความบังเอิญอย่างมากที่ไม่มีใครสังเกตเห็นว่า หลิงฮันกับสตรีทั้งสองนั้นเข้าร่วมงานเลี้ยงมาด้วยกัน เพราะไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่กล้าร่วมเดิมพันโดยไม่คิดหน้าคิดหลังเช่นนี้
“แต่ขอบอกไว้ก่อนนะว่า เจ้าต้องทำให้พวกนางยอมรับครบทั้งสองคน” ใครบางคนกล่าวเสริม
สตรีทั้งสองคนนั้นมีหนึ่งคนที่มีพลังบ่มเพาะระดับสร้างสรรพสิ่ง หากนางถูกบุรุษที่เป็นนิรันดร์ระดับโลกียนิพพานเข้าหา นางอาจจะเป็นฝ่ายเสนอตัวเข้าสู่อ้อมกอดด้วยตัวเองเลยก็เป็นได้
“ใช่แล้ว เจ้าต้องทำให้สตรีสวมหน้ากากผู้นั้นยอมรับด้วย” เหล่าฝูงชนเห็นพ้อง
หลิงฮันแสร้งทำเป็นขมวดคิ้วและกล่าว “ยากขนาดนั้นข้าจะทำได้รึ? ข้ายังเป็นมือใหม่ในด้านนี้อยู่เลยนะ”
“ถ้าอยากชนะเจ้าก็ต้องทำ!” ทุกคนโห่ร้องด้วยความตื่นเต้น เนื่องจากว่างานเลี้ยงที่มีแต่การดื่มกินนั้นน่าเบื่อจนไม่มีอะไรให้ทำ
“ก็ได้” หลิงฮันพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจ
เขาก้าวเดินไปหาภรรยาทั้งสองและกล่าว “แม่นางทั้งสอง พวกเจ้าต้องการกินซุปเนื้อสมุนไพรนิรันดร์รึไม่?”
“อืม” สตรีนกอมตะและจักรพรรดินีกล่าวตอบด้วยรอยยิ้ม
ฝูงชนตกตะลึง สตรีที่งดงามทั้งสองนี้แท้จริงแล้วเป็นพวกชื่นชอบการกินงั้นรึ? ต้องรู้ก่อนว่าก่อนหน้านี้ ไม่ว่าพวกเขาจะชวนพวกนางพูดคุยยังไง สตรีทั้งสองก็ไม่สนใจและแสดงสีหน้าเย็นชาอยู่ตลอดเวลา แต่ตอนนี้เพียงแค่เอ่ยว่าจะแบ่งอาหารให้ ท่าทีของพวกนางก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน!
“ถ้าพวกเจ้าทั้งสองต้องการ ก็เชิญกินได้ตามใจชอบ” หลิงฮันกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย
“มีข้อแลกเปลี่ยนอันใด?” สตรีนกอมตะและจักรพรรดินีเอ่ยถามอย่างให้ความร่วมมือ
“แค่จูบข้าก็พอ”
“ตกลง!”
ทั้งสองคนก้าวเดินเข้ามาและจูบแก้มของหลิงฮันคนละข้าง
แขกคนอื่นๆที่มองดูอยู่ไร้คำพูดใดๆจะกล่าวอย่างสิ้นเชิง… ที่แท้การหลอกล่อสตรีก็ทำได้ง่ายเพียงนี้!
หลิงฮันเปิดฝาหม้อและตักซุปให้ภรรยาทั้งสอง ทางด้านของสตรีนกอมตะนั้นสามารถกินซุปได้เพียงเล็กน้อยเนื่องจากยังไม่บรรลุระดับโลกียนิพพาน หากกินซุปเนื้อสมุนไพรนิรันดร์เข้าไปโดยตรงมากเกินไปนางอาจตายได้
แต่ทางด้านของจักรพรรดินีนั้น ซุปเนื้อสมุนไพรนิรันดร์มีความจำเป็นต่อนางมาก เนื่องจากนางสูญเสียร่างแยกไปมากมายในตอนที่พยายามตัดขาดสวรรค์และปฐพี
หลิงฮันหันหลังกลับไปมองฝูงชนและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ยังไม่รีบเรียกข้าว่าพี่ใหญ่อีก?”
“พี่ใหญ่!” ฝูงชนกล่าวด้วยความเลื่อมใสก่อนจะหันหลังวิ่งไปยังโต๊ะอาหาร เพื่อหาซุประดับนิรันดร์มาดึงดูดความสนใจของสตรีงดงามทั้งสอง
หลิงฮันหัวเราะสนุกสนานแต่สตรีนกอมตะกลับส่ายหัว บางครั้งนางก็คิดหลิงฮันทำตัวเหมือนเด็กเกินไป ในด้านของจักรพรรดินีนั้นนางไม่คิดอะไรมาก หากหลิงฮันชอบนางก็ยินดีจะสนับสนุน
แต่เนื่องจากว่าหลิงฮันนั้นนำซุปทั้งหม้อมาครอบครองไว้คนเดียวแล้ว แขกคนอื่นๆจึงรีบร้องเรียนไปยังฟู่เสี่ยวอวิ๋นให้นำซุปมาเพิ่ม ซึ่งผลเมื่อถูกเหล่าแขกกดดันฟู่เสี่ยวอวิ๋นจึงไม่มีทางเลือกนอกจากขอให้คนรับใช้นำซุปหม้อใหม่มาวาง
ทันทีที่ซุปหม้อที่สองถูกนำมาวาง ฝูงชนก็รุมแย่งชิงซุปกันอย่างเอาเป็นเอาตาย เพราะต้องการจะนำซุปที่ได้ไปสร้างความประทับใจต่อสตรีที่งดงามอย่างจักรพรรดินี
“ภรรยาข้า รออยู่นี่สักครู่” หลิงฮันทำการปกปิดใบหน้าของตัวเองและลอบเข้าไปแย่งชิงซุป ร่างของเขาเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วก่อนจะกลับออกมาพร้อมหม้อซุปโดยไม่มีใครรู้ตัว
เขากับจักรพรรดินีกินซุปที่ได้มาใหม่อย่างมีความสุข ในขณะที่สตรีนกอมตะกินต่อไม่ไหว
หลังจากการแย่งชิงอันชุลมุนดำเนินไปได้สักพัก ใครบางคนก็รู้สึกตัวในที่สุดว่าหม้อซุปนั้นหายไปและอุทานออกมาทันที “หม้อซุปหายไปแล้ว!”
เมื่อเหล่าฝูงชนรู้สึกตัว ทุกคนก็ตกอยู่ในความสับสน จู่ๆหม้อซุปจะหายไปราวกับอากาศที่ว่างเปล่าได้อย่างไร?
หลิงฮันเมินเฉยต่อความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เขากินซุปอย่างมีความสุขโดยไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย
“ดูเหมือนว่าเวลาเจ้าไปที่ไหนก็จะมีแต่เรื่องนะ” สตรีนกอมตะเอ่ยกล่าว
หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะพบว่าที่นางกล่าวมานั้นถูกต้อง
อย่างตอนที่เข้าไปยังเขตแดนลี้ลับ นอกจากเขาจะพบเจอศพของราชานิรันดร์แล้ว เขายังได้ครอบครองวารีพลังหยินเร้นลับอย่างไม่คาดฝัน ส่วนในตอนที่เขาอยู่ในเมืองธุลีจันทรา วิหารบรรพบุรุษของตระกูลติงก็ถูกทำลาย และตอนที่ออกเดินทางไปประลองยุทธในเมืองจันทราหม่นแสง ก็ได้เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้เขาต้องบาดหมางกับตระกูลเซียว
น่าแปลก… ทั้งๆที่เขาไม่เคยคิดจะสร้างปัญหาเลยแท้ๆ ทำไมเรื่องเล็กที่เขาทำกลับกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตขึ้นมาได้
นอกจากนั้นก็ยังมีเรื่องของเป่ยเสวียนหมิงอีกคน เขาอยู่ของเขาเฉยๆแท้ๆแต่อีกฝ่ายกลับมาล่วงเกินเขา ในขณะที่หลิงฮันกำลังครุ่นคิดเรื่อยเปื่อย จู่ๆฟู่เสี่ยวอวิ๋นก็ก้าวเดินไปยืนด้านหน้าทุกคนและกล่าว “แขกทุกๆคน หลังจากนี้ทางเราจะขอจัดการทดสอบเล็กๆน้อยๆขึ้น สำหรับใครที่ผ่านการทดสอบได้ คนคนนั้นจะได้รับการยินยอมให้เข้าร่วมกับตระกูลฟู่! และยิ่งกว่านั้นคือ ทางตระกูลฟู่ได้ทำข้อตกลงกับตำหนักวิหารพลิกผันชะตาเอาไว้แล้ว ใครที่มีพรสวรรค์โดดเด่น ทางเราจะมอบโอกาสให้คนผู้นั้นได้เข้าร่วมกับตำหนักวิหารพลิกผันชะตา ซึ่งเป็นขุมอำนาระดับสี่ดาว!”
นางหยุดกล่าวชั่วขณะและกวาดสายตามองแขกทุกคน ที่ตอนนี้ดวงตากำลังส่องประกายตื่นเต้น ก่อนจะกล่าวต่อ “ข้าหวังว่าทุกคนจะคว้าโอกาสนี้เอาไว้ได้”
เหล่าฝูงชนเอะอะขึ้นมาทันที ต่อให้ไม่มีโอกาสเข้าร่วมกับตำหนักวิหารพลิกผันชะตา แต่แค่ได้เข้าร่วมกับตระกูลฟู่ก็นับว่าเป็นความสำเร็จเหนือสิ่งอื่นใดแล้ว!
“ข้าขอถามแม่นางฟู่ได้รึไม่ว่า การทดสอบที่จัดขึ้นคือการทดสอบแบบใด?”