จ่างซุนเหลียงเป็นถึงทายาทของนิกายจันทราหม่นแสงและเป็นราชาไร้ผู้ใดเปรียบ การที่เขาจะมีนิสัยหยิ่งยโสย่อมไม่ใช่เรื่องแปลก
แต่ลึกๆแล้วตัวเขานั้นโดดเดี่ยวเป็นอย่างมาก ผู้คนรอบข้างมีแต่คนที่อ่อนแอกว่า จะให้เขาสร้างมิตรสหายจากไหน?
เพราะงั้นการที่หลิงฮันสามารถต่อสู้ได้ทัดเทียมกับเขาแถมยังมีจักรพรรดินีที่ทรงพลังกว่า ได้จุดประกายเพลิงสู้รบในใจของเขาขึ้นมาและยอมรับทั้งสองเป็นมิตรสหายอย่างง่ายดาย
หลังจากการปะทะของทั้งสองงานเลี้ยงก็ดำเนินต่อไป ทุกคนสับสนและใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะตั้งสติได้ หยวนซิ่งผิงและตันอวี่จิงมีสีหน้าบูดบึ้ง การประลองเมื่อครู่ได้แสดงให้เห็นถึงพลังของหลิงฮันแล้วว่าแข็งแกร่งขนาดไหน เมื่อเป็นเช่นนี้ในการประลองยุทธจะยังมีใครเอาชนะเอาได้อีก?
อย่าพูดถึงรุมสิบคนเลย ต่อให้สองร้อยคนร่วมมือกันจะเอาชนะได้รึเปล่าก็ไม่รู้
ทั้งสองทำได้เพียงหวังว่าจะไม่พบเจอกับหลิงฮันตั้งแต่รอบแรกๆ
หลังจากดื่มสุรากันเรียบร้อย จ่างซุนเหลียงและหลิงฮันก็เริ่มแลกเปลี่ยนความเข้าใจในศาสตร์แห่งวรยุทธ ตัวของหลิงฮันนั้นเป็นอัจฉริยะอย่างแท้จริง เพราะไม่งั้นแล้วเขาจะสามารถฝึกฝนคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์และผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของสองดินแดนในโลกบรรพกาลได้อย่างไร
ทั้งสองคนพูดคุยเกี่ยวกับศาสตร์วรยุทธเป็นเวลาหลายชั่วโมงโดยที่ผู้คนโดยรอบนั่งฟังอย่างตั้งใจ คำพูดที่ทั้งสองคนกล่าวออกมาคือประสบการณ์ของราชาแห่งยุค แม้ตอนนี้พวกเขาจะยังไม่เข้าใจแต่ก็สามารถจดจำไปศึกษาต่อในภายหลังได้ทีละเล็กน้อย
“น่าเสียดายนักที่น้องชายหลิงยังไม่บรรลุเป็นราชาเซียนจึงต้องพลาดโอกาสเข้าสู่หุบเหวสืบสานที่จะเปิดออกในไม่กี่ปีข้างหน้านี้” จ่างซุนเหลียงกล่าวด้วยความรู้สึกเสียดาย “พวกเราต้องเลือกสถานที่ทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานให้ดี ต่างสถานที่จะส่งผลให้ความสำเร็จในอนาคตหลังจากระดับโลกียนิพพานแตกต่างกัน ในความคิดข้าเจ้าควรรอเวลาและอย่าเร่งรีบทะลวงผ่านจะดีกว่า”
นี่ถือว่าเป็นคำแนะนำที่ดี จ่างซุนเหลียงกล่าวเพราะเป็นห่วงหลิงฮัน
หลิงฮันยิ้ม เขามั่นใจว่าภายในเวลาหนึ่งปีครึ่ง ไม่เพียงแต่เขาจะบรรลุเป็นราชาเซียนได้แต่ยังสะสมพลังปราณได้เพียงพอที่จะทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานแล้วอีกด้วย
นั่นเพราะเขามีต้นสังสารวัฏ!
จักรพรรดินีเองก็ไม่กังวลแม้แต่น้อย นางมั่นใจในตัวหลิงฮันเป็นอย่างมาก
ชายหนุ่มผมแดงตื่นขึ้นมาพอดี หลังจากรักษาบาดแผลเบื้องต้นแล้วเขาก็สามารถกลับมาเดินได้อย่างอิสระแต่ยังไม่อาจต่อสู้ได้เนื่องจากกระดูกที่แตกหักในร่างถูกเชื่อมต่อเข้าด้วยกันเพียงชั่วคราวเท่านั้น
และทันใดนั้นเองจู่ๆชั้นบรรยากาศภายนอกห้องโถงก็เกิดการสั่นสะเทือน ชายหนุ่มผมแดงรีบวิ่งไปตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ที่นี่คือเกาะเมฆาเซียน ใครกันที่กล้าบุกมาสร้างความวุ่นวาย?
ผ่านไปชั่วครู่เขาก็รีบกลับมากระซิบกล่าวกับจ่างซุนเหลียง “นายท่าน ประมุขตระกูลถงมาที่นี่ด้วยตนเองเพราะต้องการขออภัยต่อนายท่าน”
มากล่าวขออภัยเพราะคนของตระกูลตนเองถูกสังหาร?
ที่ประมุขตระกูงถงต้องทำเช่นนี้เป็นเพราะจ่างซุนเหลียงคือทายาทที่จะกลายเป็นผู้นำนิกายจันทราหม่นแสงในอนาคต ยิ่งกว่านั้นถงหลินเองก็สมควรถูกสังหารแล้วที่กล้ามาพลอดรักกลางแจ้งบนเกาะเมฆาเซียน เพื่อที่จะหลีกเลี่ยงความบาดหมางกับจ่างซุนเหลียง ประมุขตระกูลถงจึงจำเป็นต้องมากล่าวขออภัยด้วยตนเอง
จ่างซุนเหลียงครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะกล่าว “ให้เขาเข้ามา”
แม้เขาจะเป็นทายาทแต่ก็ยังจำเป็นต้องไว้หน้าอีกฝ่ายที่เป็นนิรันดร์ระดับสี่นิพพาน
ชายหนุ่มผมแดงรีบพยักหน้าและไปรายงานความประสงค์ของจ่างซุนเหลียง
ผ่านไปอีกครู่หนึ่ง ชายวัยกลางคนก็เดินเข้ามาในห้องโถง แม้เขาจะระงับพลังของตนเองเอาไว้แต่ผู้คนรอบข้างก็ยังรู้สึกกระอักกระอ่วนหายใจไม่ออกราวกับสวรรค์กำลังจะพังทลาย
ชายวันกลางคนผู้นี้คือประมุขตระกูลถง
หลังจากทะลวงผ่านระดับโลกียนิพพานจะได้รับอายุขัยอันไร้ขีดจำกัดและไม่แก่เฒ่า เพราะงั้นรูปลักษณ์ในตอนที่บรรลุระดับโลกียนิพพานเป็นแบบใดก็จะคงสภาพเอาไว้แบบนั้นตลอดไป
ประมุขตระกูลถงนั้นถือว่ามีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมเป็นอย่างมากที่สามารถทะลวงผ่านเป็นนิรันดร์ได้โดยที่อายุยังไม่เยอะ
จ่างซุนเหลียงลุกขึ้นยืนและผสานมือไปยังอีกฝ่าย “ยินดีที่ได้พบเฒ่าถง” อีกฝ่ายเป็นถึงนิรันดร์สี่นิพพาน แม้สถานะจะเทียบกับเขาไม่ได้แต่ก็มีพลังที่แข็งแกร่งพอจะได้รับการเคารพจากเขา
ประมุขตระกูลถงผสานมือเช่นกัน “คารวะรัชทายาท!”
ทั้งสองแสดงท่าทางสุภาพต่อกัน ประมุขตระกูลถงอธิบายเจตนาที่เขามาที่นี่ในวันนี้และตำหนิด่าถงหลิน เขากล่าวอีกด้วยว่าการกระทำของถงหลินนั้นสมควรแล้วที่จะถูกจ่างซุนเหลียงสังหาร และหลังจากกล่าวขอโทษหลายต่อหลายครั้ง ประมุขตระกูลถงก็ขอตัวและหันหลังจากไป
เพียงแต่ว่าก่อนที่เขาจะจากไปเขาได้นำตัวหลิวมู่อวี่ไปด้วย บางทีเขาอาจจะต้องการระบายความแค้นกับสตรีผู้นี้ซึ่งเป็นตัวการที่พลอดรักกับถงหลินกลางแจ้ง
สำหรับการตายของถงหลินนั้นหลิงฮันไม่รู้สึกเห็นใจเลยแม้แต่น้อย และหลิวมู่อวี่เองก็คงจะเล่าเหตุการณ์แท้จริงที่เกิดขึ้นให้กับประมุขตระกูลถงฟังด้วยและอีกฝ่ายก็จะกลายเป็นศัตรูของเขาในอนาคต
ต่อให้คนที่สังหารถงหลินจะเป็นจ่างซุนเหลียง แต่ตระกูลถงจะกล้าทำอะไรจ่างซุนเหลียงรึ?
แน่นอนว่าสุดท้ายตระกูลถงก็ต้องมาแก้แค้นหลิงฮัน
หนึ่งวันต่อมางานเลี้ยงก็มาถึงเวลาสิ้นสุด จ่างซุนเหลียงสั่งให้ชายหนุ่มผมแดงนำรถม้าพาหลิงฮันกลับไปส่งด้วยตัวเอง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาให้ความสำคัญกับหลิงฮันขนาดไหน
เมื่อทุกคนกลับออกมา เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างงานเลี้ยงก็ถูกแพร่กระจายไปถึงหูนิกายจันทราหม่นแสงและเหล่าขุมอำนาจระดับสี่นิพพานทันที แต่สำหรับเหล่าขุมอำนาจที่เป็นตัวแทนจากเมืองหนึ่งดาวที่อาศัยอยู่ในที่ทำการนั้น มีเพียงไม่กี่กลุ่มเท่านั้นที่รู้ว่าหลิงฮันแข็งแกร่งขนาดไหน
ทุกมหาขุมอำนาจในเมืองจันทราหม่นแสงรีบสืบหาที่มาของหลิงฮันกับจักรพรรดินี เป็นไปได้อย่างไรที่จู่ๆอัจฉริยะระดับนี้จะปรากฏตัวขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย?
ก่อนที่จะรู้ที่มาที่ไปอย่างชัดเจน เหล่ามหาขุมอำนาจเลือกที่จะยังไม่ยื่นข้อเสนอให้ทั้งสองคนเข้าร่วมกับตัวเอง หากกลายเป็นว่าทั้งสองคนคือทายาทจากนิกายที่ยิ่งใหญ่กว่า พวกเขาจะไม่กลายเป็นตัวตลกงั้นรึ?
เมื่อหลิงฮันและจักรพรรดินีกลับมาถึงที่พัก พวกเม่าซูอวี่ก็รีบวิ่งมาไถ่ถามถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นบนเกาะเมฆาเซียนทันที สำหรับพวกนางเกาะแห่งนั้นเปรียบเสมือนพื้นที่หวงห้ามที่ไม่อาจเข้าไปได้ ทำให้พวกนางรู้สึกสงสัยเป็นอย่างยิ่ง
หลิงฮันรู้สึกตลก พวกเม่าซูอวี่ถือว่าเป็นอัจฉริยะในสายตาของคนอื่นๆแท้ๆ แต่ตอนนี้พวกนางกลับทำตัวขี้สงสัยราวกับเด็กน้อย
อันที่จริงไม่ใช่แค่พวกเม่าซูอวี่เท่านั้น แม้แต่ล้งเกาเฟยเองก็รู้สึกสงสัยเป็นอย่างมาก เขาเข้ามาเอ่ยถามอย่างละเอียดราวกับจะนำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกลับไปเล่าให้คนอื่นๆโดยดูเหมือนว่าตนเองได้ไปที่นั่นมาแล้ว
ในวันรุ่งขึ้น จ่างซุนเหลียงได้มาหาหลิงฮันอย่างไม่คาดฝันเพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ในศาสตร์วรยุทธ การปรากฏตัวของจ่างซุนเหลียงทำให้ล้งเกาเฟยรู้สึกตื่นเต้นเกินพรรณนา
อีกฝ่ายคือทายาทของนิกายจันทราหม่นแสงและจะเป็นผู้สืบทอดอำนาจในอนาคต!
หากเมืองธุลีจันรทรา… ไม่สิ หากตระกูลล้งสามารถสร้างสายสัมพันธ์กับอีกฝ่ายได้ ตระกูลล้งจะต้องเติบโตขึ้นมากเป็นแน่
เขาที่เคยวางแผนว่าหลังจากกลับตระกูลจะให้รุ่นเยาว์ตระกูลล้งหาโอกาสใกล้ชิดกับจักรพรรดินีนั้นรีบเปลี่ยนความคิดทันที สถานะของหลิงฮันในตอนนี้ทะยานสูงขึ้นจนกลายเป็นตัวตนที่สำคัญเป็นอย่างมาก
“เจ้าไปสนทนากับรัชทายาทตามสบายโดยไม่ต้องสนใจเวลา เอาไว้การประลองจะเริ่มเมื่อไหร่เดี๋ยวข้าจะเป็นฝ่ายไปเตือนเอง” ล้งเกาเฟยกล่าวก่อนจะปิดประตูให้ทั้งสองคนได้คุยกัน
แต่ในขณะที่เฒ่าล้งกำลังยิ้มอย่างมีความสุขและเดินไปยังสวนของลานที่พักนั้นเอง จู่ๆประตูที่พักก็ถูกทำลายและมีชายชราผู้หนึ่งปรากฏตัวเข้ามา