หลิงฮันก้าวเดินเข้าไปอย่างไม่ลังเล
เมื่อขยับมาถึงกลางมิติที่เหมือนมีกระจกขวางกั้นอยู่ เขาก็ปล่อยการโจมตีครั้งสุดท้ายออกไป
เพล๊ง!
เสียงกระจกแตกดังกึกก้องไปทั่วทั้งดินแดนศักดิ์สิทธิ์และดินแดนใต้พิภพ กระจกนี้คือกำแพงขวางกั้นระหว่างโลกบรรพกาลและดินแดนแห่งเซียน การจะทำลายมันจำเป็นต้องมีอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ที่สมบูรณ์
ในที่สุดประตูสู่ดินแดนแห่งเซียนก็เปิดออกอย่างสมบูรณ์
‘ครืนน’ ออร่าอันไร้สิ้นสุดพรุ่งพรูไหลทะลักออกมา เบื้องหลังหลิงฮันมิติอวกาศค่อยๆฟื้นฟูสภาพกลับสู่ปกติด้วยความเร็วที่น่าอัศจรรย์ สวรรค์และปฐพีมีสัญชาตญาณในการรักษาตัวเองเพื่อป้องกันไม่ให้พลังวิญญาณอันทรงพลังของดินแดนแห่งเซียนเล็ดลอดเข้ามายังโลกบรรพกาล
ร่างของหลิงฮันพุ่งทะยานดิ่งเคลื่อนที่ไปด้านหน้าเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนในขณะที่ห้วงมิติด้านหลังๆค่อยๆฟื้นสภาพไล่ตามมาติดๆ
‘พรึบ’ ทันทีที่ร่างของเขาปรากฏตัวอยู่กลางอากาศ ช่องว่างมิติเบื้องหลังเขาก็ถูกปิดตายอย่างรวดเร็ว
หลิงฮันยืนอยู่กลางท้องฟ้าที่เบื้องล่างเต็มไปด้วยพื้นที่ป่าไม้อันกว้างสุดลูกหูลูกตา ต้นไม้ทุกๆมีความสูงอย่างน้อยพันฟุต ใบและผลของมันมีขนาดใหญ่กว่าบ้านทั้งหลัง
พลังวิญญาณของที่นี่หนานานกว่าในเขตแดนลี้ลับต้าเหอหลายเท่า เพียงแค่กวาดสายตามองผ่านๆหลิงฮันก็พบเจอสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ที่มีระดับสิบขั้นไปอย่างน้อยสิบเจ็ดต้น
รัศมีของสัมผัสสวรรค์ที่ปลดปล่อยออกไปได้ถูกลดลงหลายเท่า ความสูงที่สามารถลอยบนฟ้าเองก็มีจำกัดเช่นกัน
ดินแดนแห่งเซียนแต่งต่างจากโลกบรรพกาลอย่างชัดเจน
ดินแดนแห่งเซียนมีขนาดใหญ่เป็นอย่างมาก เมืองหนึ่งเมืองใหญ่เทียบเท่าได้กับดาวหนึ่งดวง ทั่วทั้งดินแดนถูกมหาสมุทรแบ่งออกเป็นสองทวีปคือดินแห่งเซียนฝั่งตะวันออกและดินแห่งเซียนฝั่งตะวันตก
ตามมหาสมุทรมีพวกเกาะต่างๆกระจัดกระจายอยู่เช่นกัน ซึ่งไม่ว่าจะเป็นเกาะไหนก็ล้วนแต่มีขนาดใหญ่เทียบได้กับเขตดวงดาวในโลกบรรพกาล
ตามที่จักรพรรดิเพลิงอัสนีเล่า มหาสมุทรเป็นพื้นที่ที่อันตรายมาก เนื่องจากสามารถพบเจอสัตว์อสูรได้ทั้งระดับโลกียนิพพานจนถึงระดับขอบเขตตำหนักอมตะ
โดนปกติแล้วจะมีเพียงขุมอำนาจขนาดใหญ่เท่านั้นที่จะเปิดเส้นทางข้ามมหาสมุทรได้และเก็บเงินค่าเรือข้ามสมุทร
ทำไมไม่บินข้ามมหาสมุทรไปเลย? ความคิดเช่นนั้นไม่นับว่าฉลาด ด้วยระดับการเหาะเหินที่ถูกจำกัดของดินแดนแห่งเซียน หากพบเจอสัตว์อสูรที่ทรงพลัง พวกมันสามารถกลืนกินจอมยุทธที่ลอยอยู่บนฟ้าด้วยการเขมือบเพียงครั้งเดียวซึ่งอันตรายเป็นอย่างยิ่ง
ตอนนี้หลิงฮันไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องข้ามมหาสมุทร เขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าตำหนักมัจฉาวายุภักษ์อยู่ที่ไหน
อันดับแรกสุดคงต้องเดินด้วยเท้า!
หลิงฮันนำจักรพรรดิเพลิงอัสนี สุนัขตัวดำและจักรพรรดินีออกมาจากอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์และหอคอยทมิฬ จักรพรรดิเพลิงอัสนีนั้นแต่เดิมเคยเป็นตัวตนที่ทรงพลังระดับขอบเขตตำหนักอมตะ ส่วนสุนัขตัวดำเองก็มีความเกี่ยวข้องบางอย่างกับดินแดนแห่งเซียน
“ในที่สุดก็ได้กลับมา!” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าวด้วยท่าทางระลึกความหลัง ด้วยร่างกายของเด็กหนุ่มอายุราวๆยี่สิบปีช่างดูไม่เหมาะสมเอาเสียเลย
“ที่นี่คือที่ไหน?” หลิงฮันเอ่ยถาม
“ดินแดนแห่งเซียนมีขนาดกว้างใหญ่ไพศาล ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าที่นี่คือที่ไหน?” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกรอกตา “อย่าว่าแต่ข้าเลย ต่อให้เป็นราชานิรันดร์ก็ใช่ว่าจะเคยเหยียบย่ำทุกซอกทุกมุมของดินแดนแห่งเซียน มีเขตหวงห้ามมากมายที่แม้แต่ราชานิรันดร์ก็ไม่กล้าเข้าใกล้”
“ก่อนอื่นต้องหาเมืองให้พบ หากมัวแต่เอ้อระเหยอยู่ในป่าและพบเจอสัตว์อสูรระดับรินัรด์ พวกเราจะไม่มีทางหลบหนีความตายไปได้”
“และห้ามเหาะเหินบนท้องฟ้าเนื่องจากจะกลายเป็นเป้าหมายได้ง่าย”
หลิงฮันและจักรพรรดินีพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของจักรพรรดิเพลิงอัสนี ในป่ามหึมาเช่นนี้ ร่างของพวกเขาทั้งสี่มีขนาดเล็กยิ่งกว่าใบไม้เสียอีก
แต่ก็ใช่ว่าสัตว์อสูรของดินแดนแห่งเซียนจะทรงพลังไปทั้งหมด หลิงฮันพบเจอสัตว์อสูรรูปร่างมดทั่วไปที่มีขนาดใหญ่และมีพลังระดับห้วงจิตวิญญาณ
จากที่จักรพรรดิเพลิงอัสนีเล่า ผู้คนส่วนใหญ่ของดินแดนแห่งเซียนจะเกิดมาพร้อมกับพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติ ยิ่งบิดามารดาทรงพลัง ระดับพลังเริ่มต้นของบุตรก็จะสูงขึ้นตาม มีคำกล่าวว่าบุตรที่เกิดจากบิดามารดาระดับราชานิรันดร์ทั้งคู่นั้นจะมีพลังระดับโลกียนิพพานตั้งแต่เกิด
ในดินแดนแห่งเซียน ระดับของขุมอำนาจจะยึดตามจำนวนของเมือง ขุมอำนาจระดับราชานิรันดร์สามารถปกครองเมืองได้นับล้านเมืองซึ่งแสดงให้เห็นว่าพวกเขาทรงพลังเป็นอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นเมืองหนึ่งดาวที่เล็กขนาดไหน ก็จำเป็นต้องมีจอมยุทธระดับโลกียนิพพานคอยปกครองไม่เช่นนั้นจะไม่อาจเรียกว่าเป็นเมืองได้และเป็นได้เพียงจุดพักระหว่างทาง
พวกหลิงฮันทั้งสี่เดินทางในป่าโดยไม่รู้ทิศรู้ทาง เป้าหมายของพวกเขาคือมุ่งตรงไปข้างหน้าอย่างเดียว
ในดินแดนแห่งเซียนกลางวันและกลางคืนไม่มีความแตกต่างใดๆ แม้จะมีดวงดาวปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าแต่พวกมันก็ไม่ใช่ดวงดาวที่แท้จริงแต่เป็นอุกกาบาตขนาดใหญ่
ตามความรู้สึกแล้ว ดินแดนแห่งเซียนนั้น นอกจากที่มีขนาดใหญ่กว่าและระดับวรยุทธที่สูงกว่าแล้ว มันก็ไม่ได้ต่างจากโลกใบเล็กเท่าไหร่นัก
เพราะเหตุนี้พวกเขาจึงต้องใช้เวลาเล็กน้อยกว่าจะคำนวณเวลาได้
ราวๆสิบวันต่อมา ในที่สุดพวกเขาก็เดินหลุดพ้นจากป่าขนาดใหญ่และพบแม่น้ำมหึมาด้านหน้า มันเป็นแม่น้ำที่กว้างหลายพันไมล์และมีสายน้ำที่ไหลยาวอย่างไร้สิ้นสุด
“หืม มีเรือด้วย!” ด้านหลังพวกเขา เรือมหึมาที่มีความยาวหมื่นฟุตและกว้างพันฟุตได้แล่นผ่านเข้ามา ความเร็วของเรือเองก็น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมากและแล่นผ่านพวกหลิงฮันไปในพริบตา
ในดินแดนแห่งเซียน ขีดจำกัดของความเร็วได้ถูกยกระดับขึ้นจากโลกบรรพกาล แม้แต่เรือก็ยังสามารถเคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่ยิ่งกว่าความเร็วสูงสุดของหลิงฮัน
“ทีนี้ก็ง่ายแล้ว หากเดินทางไปตามแม่น้ำพวกเราจะพบเจอเมืองระหว่างทางแน่นอน” จักรพรรดิเพลิงอัสนีกล่าว
พวกเขาไม่สามารถไล่ตามเรือทัน แต่อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าหากเดินเลียบแม่น้ำไปพวกเขาจะพบเจอเมืองอย่างแน่นอน แต่ที่น่าคิดหนักก็คือไม่รู้ว่าต้องเดินย้อนหรือเดินขึ้นหน้าถึงจะพบเจอเมืองได้ไวกว่ากัน
พวกเขาครุ่นคิดก่อนจะตัดสินใจมุ่งไปด้านหน้า
ผ่านไปอีกราวๆหนึ่งเดือน ในที่สุดพวกเขาก็พบเห็นเมืองขนาดมหึมาปรากฏที่เบื้องหน้า ขนาดของเมืองใหญ่จนไม่สามารถมองเห็นขอบเมือง แม่น้ำได้ไหลผ่านไปยังฝั่งซ้ายของเมืองและที่บริเวณนั้นมีเรือจำอย่างน้อยหลักร้อยลำจอดเทียบท่าอยู่