หลังจากสลักตระกูลจ้าวที่ไล่ตามได้พ้นแล้ว หลิงฮันก็ให้เสี่ยวกู่รออยู่ด้านนอกในขณะที่ตัวเขาเข้าสู่หอคอยทมิฬ
“หลิงฮัน!” สตรีนกอมตะและเซียนหวู่เซียงเอ่ยทัก
หลิงฮันพยักหน้าและกล่าว “ข้าขอเก็บตัวระยะหนึ่ง”
เขามายังต้นสังสารวัฏและนำสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำออกมากินอย่างไม่ลังเล
สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำนั้นเกิดมาพร้อมกับอำนาจแห่งเต๋าสวรรค์และปฐพีที่อัดแน่นอยู่ภายใน ประสิทธิภาพสูงสุดของมันคือช่วยให้จอมยุทธรู้แจ้งถึงวิถีแห่งเต๋า! แน่นอนว่าในด้านของการสะสมพลังปราณมันก็ช่วยได้มาก แต่นั่นไม่ใช่ผลประโยชน์หลักของมัน
ตอนนี้ระดับพลังบ่มเพาะของหลิงฮันคือเซียนระดับกลางสูงสุด และหลายวันที่ผ่านมาในเขตแดนลี้ลับที่สภาพแวดล้อมมีพลังวิญญาณหนาแน่น ทำให้พลังปราณของเขาถูกสะสมเพียงพอเป็นที่เรียบร้อย
เมื่อความเข้าใจในวิถีแห่งเต๋าของระดับพลังถึงจุดสมบูรณ์เมื่อไหร่ เขาจะสามารถทะลวงผ่านได้ทันที!
ภายใต้ต้นสังสารวัฏ หลิงฮันดูดซับสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำและยกระดับความเข้าใจในวิถีแห่งเต๋าอย่างต่อเนื่อง
รากฐานพลังบ่มเพาะของเขาค่อยๆมั่นคงขึ้น สิบวันผ่านไปหลิงฮันก็ปรากฏตัวออกจากหอคอยทมิฬ
‘ครืนน’ เมฆสีดำก่อตัวรวมกัน อำนาจสายฟ้าที่พัวพันอยู่รอบก้อนเมฆทรงพลังจนไม่ว่าใครก็ตามที่จ้องมองย่อมรู้สึกหวาดผวา
ตอนหลิงฮันทะลวงผ่านเซียนระดับต้น ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่เขาได้รับคือทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่ทรงพลังเทียบเท่าเซียนระดับสูง เมื่อตอนทะลวงผ่านเซียนระดับกลางทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่เขาได้รับเองก็ทรงพลังเทียบเท่าทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ของราชาเซียน แล้วตอนนี้ล่ะ?
สวรรค์และปฐพีของดินแดนศักดิ์สิทธิ์มีอำนาจจำกัด ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์จึงไม่สามารถมีพลังเกินกว่าระดับราชาเซียนสูงสุดไปได้ เพราะงั้นสิ่งที่มันยกระดับขึ้นมาจึงไม่ใช่พลังทำลายแต่เป็นจำนวน ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ คลื่นสายฟ้าถูกผ่าลงมาพร้อมกันสิบคลื่นก่อนจะแปรเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นยักษ์อัสนีสิบตน
ร่างของยักษ์อัสนีแต่ละตัวถูกปกคลุมไปด้วยอำนาจแห่งเต๋า มันกระหน่ำโจมตีหลิงฮันอย่างไร้ปรานีด้วยอาวุธมากมายอย่างหอกอัสนีหรือดาบอัสนี
หลิงฮันไม่หวั่นเกรง เขาชี้นำอำนาจสายฟ้าจากการโจมตีของพวกมันเข้าสู่ร่างกายเพื่อขัดเกลากายหยาบ
เขารู้สึกว่าหากเขายังอยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ต่อ นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่กายหยาบของเขาจะถูกขัดเกลา เนื่องจากอำนาจของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ระดับราชาเซียนจะไม่เพียงพออีกต่อไป
ต้องรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่ทรงพลังกว่านี้
“ยี่ ยา ย่า!” เสี่ยวกู่นั่งรออยู่ที่มุมหนึ่งอย่างว่าง่ายตามที่หลิงฮันบอก แต่ทันทีที่มันเห็นทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์มันก็แสดงรีบรุดหน้าเข้ามาใกล้ด้วยท่าทางตื่นเต้นทันที
ตราบใดที่มันไม่ได้ยืนมือแทรกแซง ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก็จะไม่ทำอะไรมัน
“เสี่ยวกู่ อยู่ห่างๆเอาไว้” หลิงฮันกล่าวในขณะที่ชี้นำอำนาจสายฟ้าเข้าสู่ร่างกาย กระดูกภายในร่างของเขาในตอนนี้กำลังยกระดับขึ้นเป็นเทียบเท่าแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับยี่สิบ เมื่อใดที่บรรลุระดับยี่สิบได้ กายหยาบของเขาจะไร้เทียมทานที่สุดในโลกบรรพกาล ต่อให้ถูกห้อมล้อมด้วยราชาเซียนมากเพียงใดเขาก็ไม่หวาดกลัว
หากต้องการจะทำให้เขาบาดเจ็บ มีเพียงต้องใช้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์หล่อหลอมร่างของเขาทีละน้อยเท่านั้น
“ยี่ ยา ย่า” เสี่ยวกู่กล่าวและขยับออกมาจากรัศมีของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์
กระดูกของหลิงฮันใกล้จะบรรลุระดับยี่สิบเข้าไปทุกที หลังจากขัดเกลาต่อไปได้อีกสักพักในที่สุดก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
ระดับยี่สิบ!
เพียงแต่หลิงฮันยังไม่หยุดเท่านี้ เขายังคงดูดซับพลังของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ต่อเพื่อขัดเกลากายหยาบให้ทนทานยิ่งขึ้นและหวังให้บรรลุถึงระดับกึ่งนิรันดร์
แร่โลหะกึ่งนิรันดร์นั้นเกิดจากการผสมรวมแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับยี่สิบซ้อนทับกันหลายชั้นเพื่อให้คุณภาพของมันยกระดับขึ้นสู่ระดับใหม่ การซ้อนทับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับยี่สิบสองชั้นจะทำให้เกิดเป็นแร่โลหะกึ่งนิรันดร์หนึ่งดาว ซึ่งหากอ้างอิงตามหลักที่ว่าการจะได้แร่โลหะกึ่งนิรันดร์ระดับสิบมา จำเป็นต้องผสมซ้อนทับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับยี่สิบถึงสิบเอ็ดชิ้นให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
การจะผสมแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ที่สำคัญคือแร่โลหะชนิดเดียวกันไม่สามารถนำมาซ้อนทับกันได้
เมื่อเวลาผ่านไปสามชั่วโมง หลิงฮันก็เลิกทำการขัดเกลากายหยาบเนื่องจากถึงขีดจำกัดที่จะขัดเกลาได้แล้ว ภายใต้สวรรค์และปฐพีของโลกบรรพกาล กายของเขาสามารถบรรลุได้เพียงแค่ระดับกึ่งนิรันดร์ครึ่งดาวเท่านั้น ไม่อาจขัดเกลาให้ถึงระดับหนึ่งดาวได้
แต่เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว!
เขาทะยานร่างขึ้นสู่เมฆสายฟ้าเพื่อเก็บเกี่ยวหยดสายฟ้าสวรรค์
สวรรค์และปฐพีเกรี้ยวกราดทันที ยักษ์อัสนีราชาเซียนสูงสุดปรากฏจำนวนมากปรากฏตัวออกมาและกระหน่ำโจมตีหลิงฮัน
แต่ต่อหน้าหลิงฮันในตอนนี้ ราชาเซียนจะนับเป็นอันใดได้?
‘ตูม ตูม ตูม’ ร่างของเขาพุ่งทะลวงกระแทกใส่ร่างของเหล่ายักษ์อัสนีแหลกออกเป็นเศษซาก แม้พวกมันจะสามารถฟื้นสภาพกลับมาเหมือนเดิมได้หลิงฮันก็ไม่สนใจ หากไม่สามารถทำลายพลังป้องกันของเขาได้ ต่อให้จำนวนจะเพิ่มขึ้นเป็นพันล้านตัวก็ไร้ประโยชน์
เขาเคลื่อนที่มาถึงจุดศูนย์กลางของเมฆสายฟ้า แท่นบูชาปรากฏขึ้นเบื้องหน้าของเขาอีกครั้ง เขาก้าวไปเก็บหยดสายฟ้าสวรรค์มาอย่างไม่พูดพร่ำทําเพลง พริบตาหลังจากนั้นเมฆสายฟ้าก็สลายหายไปทั้งๆที่เวลายังผ่านไปไม่ถึงครึ่งวัน
เขาร่อนลงพื้นและปล่อยสตรีนกอมตะ เซียนหวู่เซียงและสองสาวตระกูลหลงออกมาจากหอคอยทมิฬ สองสาวตระกูลหลงที่ยังหมดสติอยู่เมื่อถูกกระตุ้นด้วยเศษเสี้ยวพลังปราณของหลิงฮัน พวกนางก็ลุกขึ้นตื่นพร้อมกัน
“หลิงฮัน เจ้าทำอะไรกับข้า?” หลงอวี่ซานโอดครวญ นางไม่รู้ว่านางหมดสติไปนานเพียงใดทำให้นางเป็นกังวลว่าในระหว่างนั้นหลิงฮันจะทำอะไรกับนางบ้าง
ในทางกลับกัน หลงเซียงเยว่นั้นส่องประกาย นางคาดหวังเป็นอย่างมากที่จะถูกกระทําชําเรา
หลิงฮันหัวเราะเบาๆก่อนจะกล่าว “ไปกันได้แล้ว พวกเราจะกลับไปเอาคืน!”
“หลิงฮัน ข้ากำลังถามเจ้าอยู่นะ!” หลงอวี่ซานที่เห็นหลิงฮันไม่ตอบคำถามของนาง ก็ตะโกนใส่อารมณ์
แววตาของหลิงฮันแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ‘พรึบ’ แรงกดดันอันรุนแรงถูกปลดปล่อยออกมาส่งผลให้หลงอวี่ซานขาอ่อนและทรุดตัวลงกับพื้น “ข้าให้เกียรติเจ้ามาตลอด แต่เจ้ากลับแสดงท่าทีเช่นนั้นต่อข้า? หากเป็นแบบนี้พวกเราคงต้องแยกทางกัน”
“หลิงฮัน อย่าได้ถือโทษอาสาวของข้าเลย นางแค่ปากไม่ตรงกับใจเท่านั้น” หลงเซียงเยว่รีบกล่าว
หลงอวี่ซานกัดฟันแน่น ด้วยนิสัยรักในศักดิ์ศรีของนาง นางย่อมไม่ก้มหัวให้ใคร
หลิงฮันส่ายหัว ถึงแม้อีกฝ่ายจะเคยมอบเขามังกรให้เขา แต่เขาก็สะสางงานแต่งงานให้นางแล้ว เขาไม่ได้ติดค้างอะไรกับนางทั้งนั้น
หากนางจะเป็นคุณหนูเจ้าอารมณ์ก็ควรไปทำนิสัยนี้กับคนอื่นไม่ใช่กับเขา
หลิงฮันหันหลังเดินจากไป เซียนหวู่เซียงและสตรีนกอมตะเองก็ไม่ได้สนใจหลงอวี่ซานและเดินไปกับหลิงฮัน มีเพียงเสี่ยวกู่เท่านั้นที่ไม่เข้าใจสถานการณ์ “ยี่ ยา ย่า” มันกล่าวก่อนจะวิ่งตามหลิงฮันไป