สำหรับจอมยุทธที่แข็งแกร่ง แค่แขนขาดนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากหลิงฮันกล้าที่จะฉีกแขนล่ะก็ทำไมเขาจะไม่กล้าฉีกศีรษะของจากลำคอ!
“เจ้าต้องการอะไร?” ประมุขตระกูลจ้าวเอ่ยถามอย่างเย็นชา ฟังจากน้ำเสียงจะรู้ได้ว่าตอนนี้เขากำลังโกรธอย่างแท้จริง
เมื่อใดที่ได้ตัวประกันกลับมา เขาจะลงมือสังหารหลิงฮันทันที!
เรื่องสงครามกับตระกูลหลางนั้นเอาไว้ว่ากัน ไม่ว่าอย่างไรคนของตระกูลจ้าวก็ไม่อาจถูกทำให้อัปยศ
สมาชิกตระกูลจ้าวคนอื่นๆก็คิดตรงกัน
หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำสิบต้น!”
“เป็นไปไม่ได้!” ประมุขตระกูลจ้าวส่ายหัวอย่างรวดเร็ว บ้ารึเปล่า เจ้าคิดว่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำเป็นผักกาดรึไง? ต่อให้พลังวิญญาณของที่นี่จะหนาแน่นจนสามารถปลูกสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำจำนวนขนาดนั้นได้ แต่มันก็ล้ำค่าเกินที่จะมอบให้คนอื่น
หลิงฮันกล่าว “เจ็ดต้น ค่าไถ่ตัวคือหนึ่งต้นต่อหนึ่งคน หรือเจ้าจะบอกว่าตัวตนระดับเซียนมีค่าน้อยกว่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ?”
ขุมอำนาจที่แข็งแกร่งอย่างตระกูลจ้าวย่อมรู้ถึงความสำคัญของจอมยุทธระดับเก้าลวดลายดี
“หนึ่งต้น!” ประมุขตระกูลจ้าวกล่าวอย่างเด็ดขาด ในตระกูลจ้าวมีสมุนไพรศักดิ์ศิทธิ์ลึกล้ำเพียงแค่สามต้นเท่านั้น
หลิงฮันมองดูสีหน้าของอีกฝ่ายและรับรู้ว่านี่คือจำนวนสูงสุดที่อีกฝ่ายขะยอมให้ได้แล้ว
เขาหัวเราะและกล่าว “สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำหนึ่งต้นถือว่าน้อยเกินไป ต้องเพิ่มวัสดุเซียนอีกหกชิ้น!”
มารดาเจ้าสิ!
จอมยุทธของตระกูลจ้าวเกรี้ยวกราดยิ่งกว่าเดิม ช่างโลภมากยิ่งนัก เจ้าคิดว่าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำกับวัสดุเซียนเป็นสิ่งที่พบได้ตามข้างทางรึไง?
ประมุขตระกูลจ้าวลังเลเล็กน้อยแต่ก็หยักหน้าตกลง “อืม!”
ที่เขาปฏิเสธจะทำให้สมุนไพรจำนวนมากกับหลิงฮันเป็นเพราะเขากลัวสมุนไพรจะถูกหลิงฮันกิน หากเป็นเช่นนั้นต่อให้สังหารหลิงฮันแล้วผ่าท้อง ก็ไม่อาจนำสมุนไพรคืนมาได้ แต่วัสดุเซียนนั้นต่างออกเพราะมันกินไม่ได้?
ถึงจะมอบให้ไปก็นำกลับมาได้อยู่ดี
เหล่าผู้อาวุโสคนอื่นๆก็คิดเช่นนั้นจึงไม่ได้แย้งอะไร
“มาแลกเปลี่ยน” ประมุขตระกูลจ้าวนำสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำและวัสดุเซียนหกชิ้นออกมาพร้อมกับใช้พลังควบคุมพวกมันให้ลอยไปหาหลิงฮัน
หลิงฮันปล่อยตัวประกันทั้งเจ็ดและโยนร่างพวกเขาให้กับประมุขตระกูลจ้าว
หลิงฮันรีบคว้าสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำและวัสเซียนเข้าไปยังหอคอยทมิฬ ด้วยประสิทธิภาพของสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำ ระยะเวลาที่เขาจะทะลวงผ่านเป็นเซียนระดับสูงได้จะลดลงหลายเท่าตั้ว
ตราบใดที่เขาบรรลุเป็นเซียนระดับสูง ในโลกบรรพกาลใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้?
“ลงมือ!”
ประมุขตระกูลจ้าวเป็นคนแรกที่โจมตีหลิงฮัน ลวดลายสีดำปรากฏขึ้นทั่วร่างของเขา
“ยี่ ยา ย่า!” เสี่ยวกู่คำรามอย่างเกรี้ยวกราด มันอดกลั้นมานานมากพอแล้ว เมื่อออร่าของศัตรูตามสัญชาตญาณของมันถูกปลดปล่อยออกมา ความอดทนของมันก็ถึงขีดจำกัดทันที
‘พรึบ’ คลื่นแสงมรกตถูกปลดปล่อยเข้าใส่ประมุขตระกูลจ้าว
“คลื่นแสงมรกต!”
“ผู้นำพาภัยพิบัติ!”
ทันทีที่จอมยุทธตระกูลจ้าวเห็น พวกเขาก็อุทานออกมาทันที พวกเขาคิดมาตลอดว่าผู้นำพาภัยพิบัตินั้นเป็นเพียงตำนานไร้สาระจากอดีตกาล แต่ทว่าตอนนี้ตำนานที่ว่าได้เกิดขึ้นจริงตรงหน้าพวกเขาแล้ว
“ฆ่า!” พวกเขาระเบิดจิตสังหารออกมา ตำนานที่เล่าสืบทอดต่อกันมาคือผู้ใช้คลื่นแสงมรกตสีเขียวนั้นจะนำความล่มสลายมาสู่ตระกูลทั้งหมด
“พวกเจ้าถอยไป!” หลิงฮันกล่าวกับพวกสตรีนกอมตะ หากทั้งสามถูกตระกูลจ้าวจับตัวไปคงลำบากแน่
“อืม!” ทั้งสามคนคือเซียน ตราบใดที่เตรียมพร้อมหลบหนีเอาไว้ก่อน นอกจากหลิงฮันที่มีคลื่นแสงอัสนีแล้ว ไม่ว่าใครก็ไม่อาจจับเซียนเช่นพวกเขาได้
หลิงฮันและเสี่ยวกู่ร่วมมือกันเข้าปะทะกับเหล่าจอมยุทธตระกูลจ้าว
ครั้งนี้จำนวนจอมยุทธของตระกูลจ้าวมีมากกว่าตระกูลหย่วน พวกเขามีราชาซียนสูงสุดมากกว่ายี่สิบคน
เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับครั้งที่ปะทะกับตระกูลหย่วนแล้ว หลิงฮันเองก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมเช่นกัน พลังต่อสู้ของเขาในตอนนี้สามารถเทียบได้กับราชาเซียนสูงสุด และด้วยการสนับสนุนจากรูปแบบอาคมสังหาร พลังของเขาจึงแข็งแกร่งยิ่งกว่าราชาเซียนสูงสุดทั่วไป
เสียวกู่นำกระดูกผลึกใสที่เป็นร่างจริงของมันออกมากวัดแกว่งโจมตี แต่ถึงแม้จะมีหลิงฮันช่วยสู้ด้วยทั้งสองก็ยังตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
จำนวนของศัตรูมีมากเกินไป สถานการณ์ค่อยๆย่ำแย่ขึ้นเรื่อยๆ
หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะกระโดดล่าถอยและโคจรแสงอัสนีไปหาพวกสตรีนกอมตะ “อย่าต่อต้าน”
คำพูดนี้เขาพูดกับหลงอวี่ซาน
‘พรึบ’ สตรีนกอมตะและเซียนหวู่เซียงหายเข้าไปในหอคอยทมิฬทันทีในขณะที่หลงอวี่ซานยังอยู่ที่เดิมเนื่องจากนางเผลอต่อต้านสัมผัสสวรรค์ของหลิงฮันไปตามสัญชาตญาณ
หลิงฮันไม่พูดพล่ามเสียเวลา เขาลงมือทำให้นางหมดสติก่อนจะนำร่างของหลงเซียงเยว่ออกมาจากอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ และยังไม่ทันที่หลงเซียงเยว่จะได้เปิดปากพูดอะไรเขาก็ทำให้นางหมดสติไปอีกคนก่อนจะนำร่างของทั้งสองคนเข้าไปในหอคอยทมิฬ
หลิงฮันพุ่งทะยานกลับไปที่เดิมและกล่าว “เสี่ยวกู่ อย่าได้ต่อต้าน!”
เขาตั้งใจจะนำเสี่ยวกู่เข้าหอคอยทมิฬไปด้วยแต่กลับไม่อาจทำได้ สัมผัสสวรรค์ใช้กับอีกฝ่ายไม่ได้ผล ราวกับว่าร่างของเสี่ยวกู่นั้นมีหนามแหลมคมอันทรงพลังที่มองไม่เห็นปกคลุมอยู่
เสี่ยวกู่จ้องมองหลิงฮันด้วยสีหน้ามึนงง ‘อย่าได้ต่อต้าน’ หมายความว่าอะไร มันไม่เข้าใจแม้แต่น้อย
หลิงฮันขมวดคิ้วและกล่าว “เผ่น!”
เสี่ยวกู่คำใจคำพูดนี้ แม้สติปัญญาของมันจะเติบโตยังไม่เต็มที่แต่มันก็ไม่ได้โง่ มันเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างพลังดี หากเอาชนะไม่ได้ก็ค่อยกลับมาทวงคืนชัยชนะใหม่ในภายหลัง
หลิงฮันคว้าร่างของเสี่ยวกู่และโคจรแสงอัสนีพุ่งทะลวงผ่านวงล้อมของเซียนนับร้อย ต่อหน้าความเร็วอันไร้ผู้ใดเทียบ การจะปิดล้อมเขาเอาไว้ด้วยจำนวนคนนั้นไม่มีความหมาย
“ฮึ่ม” เสียงคำรามอันเกรี้ยวกราดของเหล่าจอมยุทธตระกูลจ้าวดังตามหลังพวกเขามา
หลิงฮันแสยะยิ้มในใจ ครั้งนี้เขาอาจะเป็นฝ่ายหลบหนี แต่เมื่อใดที่เขาดูดซับพลังของสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำต้นนี้ได้ ระดับพลังบ่มเพาะของเขาจะทะลวงผ่านเป็นเซียนระดับสูงได้อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นคอยดูว่าเขาจะกลับมาเอาคืนพวกบัดซบเหล่านี้อย่างไร!