ปรมาจารย์ตระกูลจ้าวปรากฏตัวทั้งหมดหกคน เท่าที่สัมผัสได้พวกเขาไม่ใช่ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งที่สุด บางทีตระกูลจ้าวอาจจะคิดว่าเพียงแค่คนเหล่านี้ก็คงเพียงพอในการกำราบหลิงฮัน
หลิงฮันรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยก่อนจะชำเลืองมองและกล่าว “อย่าได้ยั่วยุข้า ไม่เช่นนั้นคนที่ลงมานอนแผ่จะไม่ใช่แค่คนเดียว”
“ช่างอวดดี!” ทั้งหกคนคำรามอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมกัน
แม้พวกเขาจะไม่ได้แข็งแกร่งเทียบเท่าผู้อาวุโสของตระกูล แต่พวกเขาก็แข็งแกร่งกว่าชายร่างกำยำเมื่อครู่ไม่รู้กี่เท่า
“จัดการเขาเลย!”
ทั้งหกคนลงมือจู่โจมเข้าใส่หลิงฮัน
หลิงฮันคว้าจับข้อเท้าของชายร่างกำยำและใช้ร่างของอีกฝ่ายแทนอาวุธฟาดฟันตอบโต้ทั้งหกคน
‘ฟึบ’ ร่างของชายร่างกำยำกวัดแกว่งไปมา
ใบหน้าของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียวและรีบโคจรพลังทั่วร่างกาย ไม่เช่นนั้นหากถูกทั้งหกคนโจมตีใส่ล่ะก็ ร่างของเขาคงถูกบดขยี้เป็นฝนโลหิต
ทั้งหกคนหยุดมือทันทีเนื่องจากไม่ต้องการทำร้ายคนตระกูลเดียวกัน
“ต้องเป็นจอมยุทธที่ไร้ศักดิ์ศรีขนาดไหนถึงได้ใช้คนอื่นเป็นตัวประกัน?” พวกเขากล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
“ข้าจะทำอะไรก็เรื่องของข้า!” หลิงฮันคำราม เขาพุ่งทะยานเข้าใส่จอมยุทธทั้งหกพร้อมกับโคจรปราณดาบด้วย‘ดาบมนุษย์’ ปราณดาบมากมายถูกปลดปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องจากภายในร่างของชายร่างกำยำ
ต่อให้โคจรพลังคุ้มกันร่างกายเอาไว้ขนาดไหนก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทานปราณดาบของหลิงฮัน ผิวหนังของชายร่างกำยำปริแตกจนเห็นกล้ามเนื้อและมีโลหิตไหลออกมา
หลิงฮันกวัดแกว่งชายร่างกำยำเข้าใส่จอมยุทธทั้งหกคนและกำราบพวกเขาได้ภายในพริบตา
และด้วยความเร็วของเขาแล้วย่อมไม่มีใครสามารถหลบหนีไปได้
เสี่ยวกู่ที่ยืนดูอยู่จ้องมองอย่างไม่ลดละ ตัวมันในตอนนี้เป็นเหมือนฟองน้ำที่กำลังดูดซับเรียนรู้ทุกอย่างที่เห็น หลิงฮันคือคนที่มีอิทธิพลต่อความคิดของมันที่สุด เพราะงั้นมันจึงพยายามเลียนแบบทุกอย่างให้เหมือนหลิงฮัน
หลังจากจัดการทั้งหกคนเสร็จสิ้น หลิงฮันก็ยืนนำมือทั้งสองข้างพาดไว้ด้านหลัง ในเมื่อความบาดหมาง
ผ่านไปครู่หนึ่งปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งของตระกูลจ้าวปรากฏตัวเพิ่มขึ้น ครั้งนี้จำนวนของพวกเขามีมากถึงร้อยคน
หลิงฮันเผลอถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ ปรมาจารย์ในโลกแห่งนี้มีมากมายจริงๆ
ทั้งร้อยคนที่ปรากฏตัว ทุกคนล้วนแต่เป็นจอมยุทธเก้าลวดลาย ยิ่งกว่านั้นยังมีราวๆสิบกว่าคนที่ลวดลายเส้นที่เก้ามีสีดำเข้มราวกับหมึก พวกเขาคือตัวตนที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับราชาเซียนสูงสุด
เมื่อเห็นศัตรูตามสัญชาตญาณปรากฏตัวมากมายขนาดนี้ ดวงตาของเสี่ยวกู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นสีเขียวมรกต โชคดีที่มันนึกถึงคำเตือนของหลิงฮันขึ้นมาได้ก่อนจึงรีบก้มหัวลงและไม่โจมตีคนเหล่านั้น
สติปัญญาของมันเริ่มสูงขึ้นและเหมือนมนุษย์ขึ้นเรื่อยๆ
“จงปล่อยคนเหล่านั้น!” ชายชราที่สวมมงกุฎขนนกยาวห้าฟุตกล่าว ในหมู่ปรมาจารย์ที่ปรากฏตัวขนนกของเขามีขนาดยาวที่สุด มีความเป็นไปได้สูงมากที่เขาจะเป็นประมุขของตระกูลจ้าว ใบหน้าของเขาในตอนนี้แสดงออกถึงความเย็นชา ดวงตาส่องประกายเกรี้ยวกราดราวกับสายฟ้าฟาด
หลิงฮันส่ายหหัวและกล่าว “เฒ่าชรา ข้าไม่ชอบน้ำเสียงการพูดของเจ้าเลย หากต้องการขอร้องอะไรก็ช่วยใช้น้ำเสียงแบบอื่นด้วย”
“รนหาที่ตาย!” ชายชราที่เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งลงมืออย่างไม่รีรอ ‘ตูม’ ฝ่ามือขนาดใหญ่ถูกผลักออกไป
หลิงฮันปล่อยหมัดตอบโต้ซึ่งๆหน้า
ปัง!
หลังจากแลกเปลี่ยนกระบวนท่าเสร็จ สีหน้าของผู้อาวุโสคนนั้นก็แสดงออกถึงความตกตะลึง
แม้อีกฝ่ายจะบ่มเพาะพลังในรูปแบบบ่มเพาะที่แตกต่างออกไป แต่เขาที่เคยประมือกับจอมยุทธภายนอกมาก่อนย่อมรู้ดีว่าออร่าของหลิงฮันนั้นอ่อนแอกว่าเขา
แต่เขาก็ต้องตกตะลึงเนื่องจากว่า พลังที่อีกฝ่ายแสดงให้เห็นเมื่อครู่ไม่ได้อ่อนแอไปกว่าเขาเลยแม้แต่น้อย
“ฮึ่ม!” ประมุขตระกูลจ้าวเปิดปากแทรก เขาสะบัดมือออกไปสั่งให้ผู้อาวุโสชายชราหยุดมือและกล่าว “จอมยุทธจากภายนอก หากเจ้าต้องการยืมใช้เส้นทางก็ตามสะดวก! รีบปล่อยคนของพวกข้าและมอบของกำนัลแทนคำขอโทษมาโดยเร็ว”
“ท่านประมุข!” เหล่าผู้อาวุโสอุทานคัดค้าน หากปล่อยอีกฝ่ายไปเช่นนั้นตระกูลจ้าวก็เสียหน้าไม่ใช่รึไง?
ประมุขตระกูลจ้าวส่ายหัวและกล่าวด้วยเสียงต่ำ “ต้องมองสถานการณ์โดยรวมในตอนนี้เป็นหลัก”
พวกเขากำลังเตรียมตัวทำสงครามกับตระกูลหลางที่จะเริ่มขึ้นในอีกไม่กี่ปี ด้วยเหตุนี้หากหลีกเลี่ยงได้พวกเขาก็อยากหลีกเลี่ยงปัญหาที่ไม่จำเป็น เพราะจากที่เห็นแล้ว พลังของหลิงฮันเองก็ไม่ใช่สิ่งที่จะประมาทได้เลย
เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลไม่พอใจแต่ก็ไม่คัดค้าน พวกเขาแอบคิดในใจว่าเมื่อตอนที่หลิงฮันกลับมา พวกเขาจะแสดงให้เห็นเองว่าพลังของพวกเขาแข็งแกร่งเพียงใด
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “พวกเจ้าคงเข้าใจอะไรผิด ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อขอผ่านทาง! ทั้งเจ็ดคนของตระกูลเจ้าในตอนนี้คือตัวประกัน พวกเจ้าจ้องจ่ายค่าไถ่ที่ทำให้ข้าพึงพอใจให้ได้ข้าถึงจะยอมปล่อยตัวพวกเขา”
เจ้ากล้าข่มขู่พวกข้า?
จอมยุทธทุกคนของตระกูลจ้าวเกรี้ยวกราด แม้กระทั่งประมุขตระกูลจ้าวเองก็มีสีหน้ามืดมนและปลดปล่อยจิตสังหารออกมา
เขาไม่ได้หวาดกลัวหลิงฮันแต่แค่ไม่ต้องการให้มีการสูญเสียโดยเปล่าประโยชน์ก่อนที่จะเริ่มสงครามกับตระกูลหลาง
“จัดการเขาซะ!” ประมุขตระกูลจ้าวกล่าวโหดเหี้ยมโดยไม่อดทนอีกต่อไป
“เฒ่าหก ลงมือพร้อมกันกับข้า!” ชายชราผู้หนึ่งก้าวออกมา เขาคือผู้อาวุโสเจ็ดของตระกูลจ้าวและเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดกับผู้อาวุโสหก การโจมตีผสานของพวกเขากล่าวได้ว่าเข้าขากันที่สุด
“อืม!” ผู้อาวุโสหกก้าวออกมา ทั้งสองคนยืนเคียงข้างกันและจดจ้องหลิงฮันด้วยสายตาโหดเหี้ยม
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับเขาโคจรทักษะกายาแสงตะวันทองคำไร้เทียมทาน แขนทั้งหกข้างของเขาคว้าจับไปที่ร่างของตัวประกันหกคนบนพื้นและใช้พวกเขาเป็นอาวุธ “เข้ามา!”
นี่มัน!
เจ้าต้องเป็นคนไร้เกียรติขนาดไหนถึงได้ใช้ตัวประกันเป็นอาวุธเช่นนี้!
ผู้อาวุโสหกและเจ็ดไม่กล้าลงมือผลีผลาม ร่างของพวกเขาหยุดชะงักและทำได้เพียงมองไปยังหลิงฮัน พวกเขาไม่เคยพบเห็นใครที่ไร้ยางอายขนาดนี้มาก่อน!
หลิงฮันกล่าว “หากไม่มีค่าไถ่ตัวมาต่อรองก็อย่าได้กล่าวโทษว่าข้าไม่เมตตา!”
ใบหน้าของเหล่าจอมยุทธตระกูลจ้าวกลายเป็นมืดมน แต่ให้พวกเขาจะสามารถฝึกฝนสร้างจอมยุทธที่แข็งแกร่งขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย แต่จอมยุทธที่สามารถบรรลุระดับเก้าลวดลายได้นั้นมีเพียงอัจฉริยะไม่กี่คนที่ไม่อาจหาใครมาทดแทนได้ เหล่าตระกูลที่อยู่ในช่วงแม่น้ำที่ต่ำกว่าต่างจ้องหาโอกาสอยู่ตลอดเวลา ตราบใดที่พลังของตระกูลจ้าวอ่อนแอลง ตระกูลเหล่านั้นจะบุกจู่โจมเพื่อหวังมาแทนที่ตระกูลของพวกเขาทันที
“สมุนไพรระดับสูงร้อยต้น!” ประมุขตระกูลจ้าวกล่าวและสะบัดมือนำสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์จำนวนมากออกมา
แต่ทว่าหลิงฮันกลับแสยะยิ้มและกล่าวตอบ “เจ้าคิดว่าข้าเป็นขอทานรึไง ถึงได้ต่อรองกับข้าด้วยสมุนไพรระดับนั้น? สมุนไพรที่เจ้านำออกมาต้นที่ล้ำค่าที่สุดเป็นเพียงสมุนไพรระดับสิบหกเท่านั้น”
เขาลงมืออย่างไร้เมตตา แขนของตัวประกันถูกกระชากหลุดออกมาและโยนเข้าหาเหล่าจอมยุทธตระกูลจ้าว