พลังวิญญาณของที่นี่หนาแน่นจนจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ต้านทานไม่ไหว!
ช่างน่าทึ่งนัก
พวกเขาทุกคนเลือกที่จะเดินหน้าต่อ สภาพแวดล้อมภายในนี้ดูเงียบสงัดเป็นอย่างมาก พื้นที่โดยรอบปกคลุมไปด้วยป่าหนาทึบที่ไม่มีร่องรอยของสัตว์หรือแมลงเลยแม้แต่ตัวเดียว ราวกับว่าโลกภายในโบราณสถานแห่งนี้มีเพียงป่าไม้ธรรมชาติ
พวกเขาไม่รู้ว่าจะมุ่งหน้าไปทางไหนดีจึงเลือกที่จะปีนขึ้นไปบนยอดเขา
ผ่านไปครึ่งวันพวกเขาก็ยังปีนขึ้นไปไม่ถึงยอด ยิ่งพวกเขาขึ้นไปสูงเท่าไหร่แรงกดดันที่ได้รับก็ยิ่งเพิ่มขึ้นจนรู้สึกทรมาน โดยเฉพาะหลงเซียงเยว่ เหงื่อของนางหยดไหลเป็นทางไม่หยุด
แต่ถึงอย่างนั้นนางกลับใจแข็งไม่ยอมแพ้ นางกัดฟันเดินต่อโดยที่ไม่ปริปากขอพักเลยสักคำ
หลงอวี่ซานที่เห็นเช่นนั้นก็ทนดูไม่ไหวและจับนางเข้าไปในอุปกรณ์มิติศักดิ์สิทธิ์ หากไม่ทำเช่นนี้แม้นางจะสามารถประคองตัวเองไหว แต่ก็มีแต่จะเป็นตัวถ่วงคนอื่นเสียเปล่าๆ
หลิงฮันไม่กล่าวอะไร ในขณะที่กำลังเดินอยู่จู่ๆจิตใจของเขาก็สั่นไหว เขารีบหันกลับไปผลักฝ่ามือเข้าใส่หลงอวี่ซาน
“หมายความว่าอย่างไร?” แม้หลงอวี่ซานจะไม่ได้ระวังตัวเอาไว้ แต่ประสาทสัมผัสของเซียนก็สามารถทำให้สัญชาตญาณของนางปัดป้องการโจมตีของหลิงฮันได้ทัน ร่างของนางถูกคลื่นแทกส่งลอยลอยไปด้านหลังสามร้อยเมตร
นี่เป็นเพราะหลิงฮันไม่ได้เอาจริง ไม่เช่นนั้นแค่พลังต่อสู้ของเซียนระดับกลางทั่วไปก็สามารถสังหารหลงอวี่ซานได้ในหนึ่งกระบวนท่าแล้ว
หลิงฮันไม่กล่าวอธิบายเพราะมันไม่จำเป็น
‘ตูม!’
เงาสีดำปรากฏออกมาและทำการโจมตี เป้าหมายของมันคือตำแหน่งเดิมที่หลงอวี่ซานเคยยืนอยู่
“ฮึ่ม!” เซียนหวู่เซียนสะบัดมือนำดาบออกมาสะบั้นเข้าใส่เงาสีดำ
ดาบนั่นคืออุปกรณ์เซียนที่หลิงฮันมอบให้เขา สมบัติระดับเซียนจำนวนมากที่เขาได้มาจากห้องสมบัติของราชันวารีสวรรค์แทบจะทุกชิ้นนั้นเขามอบให้สหายของเขาไปแทบทั้งหมด
‘พรึบ’ ดาบเซียนส่องประกายด้วยอักขระรูปแบบอาคม อำนาจที่สัมผัสได้ทรงพลังเป็นอย่างมาก
แต่ทว่าเงาสีเดานั้นมีปฏิกิริยาตอบโต้ที่รวดเร็วมาก ‘ฉึบ’ มันใช้กรงเล็บของมันต้านทานคลื่นดาบได้อย่างทันท่วงที
‘ปัง’ คลื่นปะทะดังก้องกังวาน เงาสีดำสั่นสะท้านล่าถอยหลังในขณะที่ร่างของเซียนหวู่เซียงเองก็โซเซเล็กน้อยและก้าวถอยหลังยี่สิบกว่าก้าว หลิงฮันตกตะลึง โครงสร้างของสวรรค์และปฐพีภายในนี้ทนทานเป็นอย่างมาก ภายใต้อำนาจของคลื่นปะทะเมื่อครู่ แม้พืชบางต้นจะถูกบดขยี้ไม่เหลือซากแต่ภูเขากลับไม่ได้รับความเสียหายใดๆแม้แต่น้อย
หลงอวี่ซานเขาใจแล้วว่าเมื่อครู่นางเข้าใจหลิงฮันผิดและจดจ้องไปยังเงาสีดำ
เงาสีดำนั้นแท้จริงแล้วคือเสือดำทมิฬที่มีลำตัวยาวราวๆหนึ่งฟุตและสูงครึ่งฟุตเท่านั้น ที่สะดุดตาคือหางของมันที่ยาวถึงสามฟุต ปลายหางของมันปรากฏเป็นหัวอสรพิษที่กำลังขยับไปมา
หลงอวี่ซานเค้นเสียงเย็นชา นางกระตุ้นสายเลือดเผ่ามังกรและลงมือโจมตีเสือดาวแปลกประหลาดทันที หมัดของนางแปรเปลี่ยนเป็นหัวมังกรแท้จริงและปลดปล่อยลมหายใจมังกร
มังกรแท้จริงนั้นภายใต้เจ็ดย่านฟ้ามันคือสัตว์อสูรที่ทรงพลังที่สุดในโลก
เพียงแต่ว่าเสือดาวประหลาดตนนี้ราวกับว่ามันไม่หวาดกลัวอำนาจมังกรเลยแม้แต่น้อย ในทางกลับกันท่าทางของมันเหมือนกับถูกยั่วยุด้วยซ้ำ มันอ้าปากแยกเขี้ยวหน้าสองเขี้ยวที่ยาวและมีอักขระรูปแบบอาคมสลักเอาไว้ราวกับอุปกรณ์เซียน!
ร่างของมันพุ่งทะยานจู่โจมหลงอวี่ซานด้วยความเร็วที่รวดเร็วเกินพรรณนา
‘พรึบ!’
มันยกอุ้งเท้าหน้าขึ้น กรงเล็บของมันเองก็มีอักขระรูปแบบอาคมส่องประกายอยู่เช่นกัน กรงเล็บอันแหลมคมของมันถูกกวัดแกว่งต้านทานลมหายใจมังกรของหลงอวี่ซานพร้อมกับอ้าปากเพื่อหวังกัดเข้าที่ข้อมือของนาง
ด้วยเขี้ยวที่แหลมคมราวกับอุปกรณ์เซียน เกรงว่าหากแขนของหลงอวี่ซานถูกกัด แขนของนางจะต้องขาดแน่นอน
ร่างของหลิงฮันเคลื่อนที่ด้วยแสงอัสนี ความเร็วของเขาเหนือกว่าเสือดาวทมิฬและยื่นแขนออกไปป้องกันหลงอวี่ซานได้ทัน
ฟันของเสือดาวทมิฬกัดเข้าที่ข้อมือหลิงฮัน
หลงอวี่ซานอุทานด้วยความตะลึง พริบตาเดียวเมื่อครู่จู่ๆความรู้สึกบางอย่างก็ผุดขึ้นมาในจิตใจของนาง
ก่อนหน้านี้นางเพิ่งตำหนิด่าอีกฝ่ายไปแท้ๆ แต่ทว่าหลิงฮันกลับไม่เก็บเรื่องนั้นมาใส่ใจแถมยังยอมสูญเสียแขนของตัวเองแทนนางอีก!
จิตใจของนางรู้สึกหวั่นไหวอยู่ชั่วครู่ก่อนที่จะแปรเปลี่ยนเป็นความตะลึง ฟันของเสือดาวที่กัดลงมานั้นไม่สามารถทำให้ข้อมือของหลิงฮันหลุดออกจากแขนได้ ในทางกลับกันเป็นเสือดาวทมิฬเองที่ค่อยๆอ้าปากดึงฟันกลับไปพร้อมกับมีโลหิตไหลออกมาจากปาก เกรงว่าหากไม่ใช่เพราะฟันของมันทนทานเทียบเท่าอุปกรณ์เซียน ฟันหน้าอันแหลมคมทั้งสองของมันคงจะแตกหักไปแล้ว
นี่เจ้ายังเป็นมนุษย์อยู่รึเปล่า?
หลงอวี่ซานมองไปยังหลิงฮันด้วยแววตาตะลึง นางรู้ว่าในโลกนี้มีจอมยุทธบางคนที่มีกายหยาบพิเศษ แต่เมื่อเทียบกับหลิงฮันที่สามารถใช้ร่างกายตนเองต้านทานอุปกรณ์เซียนได้แล้ว เกรงว่ากายหยาบพิเศษที่นางเคยเห็นมาจะไม่อาจเทียบได้เลยแม้แต่น้อย
เสือดาวทมิฬปากชาและไม่อาจรู้สึกได้ถึงฟันคู่หน้าของตัวเอง มันรีบกระโดดล่าถอยไปด้านหลังและโค้งตัวเล็กน้อย ดวงตาของมันจดจ้องมายังหลิงฮันราวกับเตรียมพร้อมกับจะจู่โจมตลอดเวลา
“น่าแปลก” หลิงฮันกล่าว “เสือดาวตัวนี้เป็นสัตว์อสูรระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นต้นไม่ผิดแน่แต่มันกลับไม่มีสติปัญญาใดๆและคิดแต่จะเข่นฆ่าสังหารศัตรู”
อัศจรรย์นัก
พูดตามหลักแล้วเมื่อใดที่สัตว์อสูรบรรลุระดับภูผาวารี ไม่เพียงแค่พวกมันจะมีสติปัญญานึกคิดแต่พวกมันยังสามารถแปลงกายให้อยู่ในรูปร่างมนุษย์ได้ด้วย แต่ว่าทั้งๆที่เสือดาวตัวนี้มีพลังบ่มเพาะอยู่ในระดับแนวหน้าของดินแดนศักดิ์สิทธิ์แล้วมันกลับมีเพียงสัญชาตญาณฆ่าฟัน?
“แปลกอย่างที่ว่า!” เซียนหวู่เซียงพยักหน้า “พลังต่อสู้ของมันเองก็ทรงพลังมากเช่นกัน กล่าวได้ว่ามันคือราชาในหมู่เซียนระดับต้น!”
เซียงหวู่เซียงกับหลงอวี่ซานเคยปะทะกับเสือดาวทมิฬมาแล้ว แม้จะเป็นเพียงกระบวนท่าเดียวก็เพียงพอให้พวกเขาคาดเดาพลังต่อสู้ของมันได้
แต่เซียนระดับต้นจะอยู่ในสายตาของหลิงฮัน?
ฝ่ามือของเขาถูกผลักออกไป ‘ครืนน’ ภายในฝ่ามือของเขาปรากฏดวงตะวัน จันทรา และดวงดาวราวกับกำลังสร้างโลกใบใหม่
เสือดาวประหลาดขนลุกซู่ไปทั่วร่างด้วยความหวาดกลัว มันรีบหันหลังเผ่นหนีอย่างรวดเร็ว
โชคร้ายที่ต่อหน้าหลิงฮัน ความเร็วของเซียนนั้นไม่เพียงพอ
ตูม!
เสือดาวทมิฬถูกกำราบลงไปนอนกองกับพื้นทันที มันคำรามโอดครวญใส่หลิงฮันอย่างโหดเหี้ยมราวกับจะกลืนกินหลิงฮันทั้งเป็น นิสัยของมันเต็มไปด้วยสัญชาตญาณดิบของสัตว์ป่า