ดูเหมือนว่าสวรรค์และปฐพีจะปลดปล่อยอำนาจได้อย่างจำกัด ไม่เช่นนั้นอำนาจของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์คงไม่ใช่ระดับของเซียนระดับสูงแต่เป็นระดับราชาเซียน
การจะเปิดเส้นทางสู่ดินแดนแห่งเซียนจำเป็นต้องผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ทั้งสองและมีพลังบ่มเพาะระดับราชาเซียน ซึ่งตอนนี้ทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่เขาได้รับก็คือทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ระดับเซียน ดูเหมือนทั้งสองอย่างนี้จะมีความเกี่ยวข้องกันบางอย่าง
หลิงฮันคำรามพร้อมกับกระหน่ำปลดปล่อยทักษะนิรันดร์ออกไปไม่ยั้ง
เพียงแต่ว่ามนุษย์อัสนียักษ์นั้นไม่มีวันตาย ต่อให้ร่างของมันถูกบดขยี้คลื่นสายฟ้าก็จะกลับมารวมตัวกันใหม่ จำนวนของพวกมันมีแต่จะเพิ่มขึ้นไม่ลดลง
เหมือนกับจักรพรรดินีก่อนหน้านี้ เมื่อมนุษย์อัสนียักษ์มีจำนวนเพิ่มขึ้นมาถึงห้าสิบตัวอำนาจโดยรวมของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ก็ทรงพลังจนน่าหวาดหวั่น
หลิงฮันไม่อาจต้านทานไหว เขากระอักโลหิตออกมาพร้อมกับกระดูกในร่างแตกหักทันที
แม้แต่เซียนซิงฉาที่มองดูอยู่ก็ใบหน้าซีดเผือด หากจะสามารถรอดชีวิตจากการโจมตีที่รุนแรงขนาดนั้นได้เขาต้องบรรลุเป็นเซียนระดับสูงขั้นกลางเสียก่อน แต่ในตอนนี้ตัวเขาที่เป็นเพียงเซียนระดับสูงขั้นต้นนั้นหากถูกกระหน่ำโจมตีใส่เหมือนกับหลิงฮัน เขาคงไม่อาจหนีพ้นความตายแน่นอน
ครั้งแรกก็จักรพรรดินี ครั้งนี้ก็หลิงฮัน สามีภรรยาคู่นี้เป็นสัตว์ประหลาดหรืออย่างไร?
แค่บรรลุเป็นเซียนระดับต้นยังทรงพลังขนาดนี้ หากทั้งสองบรรลุเป็นราชาเซียนใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของทั้งสองได้?
ไม่ใช่แค่เซียนซิงฉา แต่ราชาเซียนจากดินแดนต้องห้ามคนอื่นๆก็คิดเช่นนั้น แต่ไม่ว่าอย่างไรในสายตาของราชาเซียนที่มีเป้าหมายคือเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนเช่นพวกเขานั้น ต่อให้หลิงฮันจะเป็นราชาเซียนที่ไร้เทียมทานพวกเขาก็ไม่คิดอะไร ในดินแดนแห่งเซียนไม่ว่าจะเป็นราชาเซียนที่แข็งแกร่งขนาดไหนแต่ก็ย่อมพ่ายแพ้ระดับพลังที่สูงกว่า!
หลิงฮันโคจรหยดวารีอมตะเพื่อฟื้นฟูบาดแผล ด้วยการที่ใช้หยดวารีอมตะติดต่อกันในระยะเวลาสั้นๆ ประสิทธิภาพของมันจึงลดลงมาก เขาคำรามพร้อมกับมีแขนทั้งสี่งอกออกมา
ทักษะกายาแสงตะวันทองคำไร้เทียมทาน!
แม้ชื่อของทักษะนี้จะฟังดูยาว แต่อำนาจของมันทรงพลังอย่างไม่ต้องสงสัย พริบตาที่โคจรทักษะพลังต่อสู้ของหลิงฮันก็ทะยานสูงขึ้นหลายเท่าตัว หนึ่งมือถือดาบอสูรนิรันดร์ หนึ่งมือถือดาบไม้พุพัง หนึ่งมือปลดปล่อยอำนาจของมิติรูปแบบเอกเทศ หนึ่งมือปลดปล่อยศรฆ่ามังกรทะลวงดารา หนึ่งมือปลดปล่อยทักษะร่างเงามังกรทะยานและอีกหนึ่งมือปลดปล่อยกาลเวลาแปรผันพันปี
ร่างของมนุษย์อัสนียักษ์ที่พุ่งเข้ามาถูกทำให้หายไปด้วยมิติรูปแบบเอกเทศหรือไม่ก็ถูกทำให้สลายไปด้วยกาลเวลาแปรผันพันปี
ในขณะเดียวกัน กระดูกในร่างของหลิงฮันได้ทำการปลดปล่อยแสงสลัวสีทองออกมาพร้อมกับอักขระลึกลับจำนวนนับไม่ถ้วนเนื่องจากกายหยาบของเขากำลังอยู่ในสภาวะถูกขัดเกลาให้ทรงพลังยิ่งขึ้น
ตูมม!
หลิงฮันคำรามและเป็นฝ่ายบุกจู่โจม ร่างมนุษย์อัสนียักษ์ถูกดาบอสูรนิรันดร์ถูกผ่าครึ่งอย่างง่ายดายและใช้เวลาหลายลมหายใจกว่าจะฟื้นสภาพกลับมาได้เหมือนเดิม นี่แสดงให้เห็นถึงพลังทำลายอันน่าเกรงขามของดาบอสูรนิรันดร์
เหล่าราชาเซียนแน่นิ่งไร้คำพูด
ด้วยระดับพลังอันสูงส่ง ปกติแล้วไม่น่ามีอะไรทำให้พวกเขาตะลึงได้ ทว่าตอนนี้พวกเขากลับอยากจะได้ยาระงับความตกตะลึงเสียเหลือเกิน
แข็งแกร่งเกินไป… ในโลกนี้มีสัตว์ประหลาดเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร?
เซียนระดับต้นที่สามารถต่อกรกับเซียนระดับสูงจำนวนมากได้ เรื่องเช่นนี้ไม่เคยมีมาก่อน!
พวกเขาไม่รู้ว่าจักรพรรดินีเองก็ผ่านทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ที่รุนแรงเท่ากันมาก่อนแล้วเหมือนกัน
ใบหน้าของราชาไค่หยุนเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม ด้วยสายเลือดของมังกรทองแดงเขาสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่าในร่างกายของหลิงฮันมีอำนาจแห่งห้วงเวลาถูกปลดปล่อยออกมา เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมาก หากได้ดูดซับหลิงฮันอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลาของเขาจะพัฒนาขึ้นขนาดไหน?
อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ห้วงเวลาแทบจะเป็นอำนาจที่ไม่สามารถฝึกฝนได้ด้วยตัวเอง มีต้องดูดซับพลังของสมุนไพรหรือสมบัติล้ำค่าเท่านั้น
ในสายตาของราชาไค่หยุน หลิงฮันไม่ใช่คนอีกต่อไปแต่เป็นทรัพยากรบ่มเพาะ
หลิงฮันกระหน่ำโจมตีอย่างบ้าคลั่ง ทั่วร่างของเขาปลดปล่อยแสงสลัวสีทองและอักขระลึกลับออกมาไม่หยุด แม้แต่ตัวตนจากดินแดนแห่งเซียนที่ทรงพลังอย่างจักรพรรดิเพลิงอัสนีก็ยังเผยสีหน้าตกตะลึงอย่างปิดไม่มิดเนื่องจากไม่สามารถทำความเข้าใจอักขระลึกลับบนร่างของหลิงฮันได้
“นั่นมัน! อักขระนั่น!” สุนัขตัวดำแสดงท่าทางตื่นตระหนกจนอยู่ไม่สุข ดวงตาของมันแทบจะถลนออกมาจากเบ้าพร้อมกับตบหัวตัวเองอย่างแรง “ทำไมข้าถึงได้นึกไม่ออกกัน! อักขระนั่นดูคุ้นเคยนัก!”
ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าร่างกายของสุนัขตัวดำได้มีอักขระสีทองแวบออกมาครู่หนึ่งซึ่งคล้ายคลึงกับอักขระบนร่างของหลิงฮันอย่างมาก อันที่จริงแม้แต่ตัวของมันเองก็ไม่สังเกตเห็นเช่นกัน
ต่อให้ไม่ต้องสลายพลังป้องกันกายหยาบของหลิงฮันก็ยังถูกขัดเกลา ณ เวลานี้กายหยาบของเขายกระดับขึ้นมาเทียบกับเท่ากับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบแปดเป็นที่เรียบร้อยและยังคงพัฒนาต่อไม่หยุด
ด้วยกายหยาบที่ทรงพลังขึ้นหลิงฮันก็ต้านทานทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้ง่ายขึ้น
“หอคอยทมิฬชั้นที่หกกำลังจะเปิด!” เสียงของหอคอยน้อยดังก้องอยู่ภายในห้วงจิตวิญญาณหลิงฮัน
ห้าชั้นแรกของหอคอยทมิฬคืออำนาจที่สอดคล้องกับธาตุพื้นฐานทั้งห้า ส่วนชั้นที่หกนั้นคืออำนาจแห่งสายฟ้า!
‘ครืนน’ สายฟ้าสวรรค์สีม่วงปรากฏขึ้นในหอคอยทมิฬและผ่าทำลายล้างสมุนไพรที่ปลูกเอาไว้เป็นเศษซาก สมุนไพรกว่าเก้าในสิบส่วนในหอคอยทมิฬถูกทำลายทิ้งในพริบตา แต่สมุนไพรบางส่วนที่เหลือรอด มันได้ถูกสายฟ้าสวรรค์สีม่วงชำระล้างจนยกระดับคุณภาพขึ้นไปอีกขั้น
ต้นสังสารวัฏก็ได้รับความเสียหายหนักเช่นกัน ลำต้นครึ่งหนึ่งของมันถูกผ่าจนขาด ใบของมันเหี่ยวแห้งและพลังชีวิตหดหายไปเกือบหมด
ต้นสังสารวัฏต้นนี้ถูกเร่งการเติบโตด้วยหอคอยทมิฬเพราะงั้นมันจึงไม่ถือว่าเป็นต้นสังสารวัฏที่แท้จริง แต่ตอนนี้มันได้ถูกชำระล้างด้วยสายฟ้าสวรรค์สีม่วงซึ่งหากมันรอดพ้นความตายไปได้ ต้นสังสารวัฏก็จะงอกเงยขึ้นมาใหม่อีกครั้งกลายเป็นต้นสังสารวัฏที่แท้จริง
หลิงฮันใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบสิ่งที่เกิดขึ้นในหอคอยทมิฬก่อนจะตระหนักได้ว่า สายฟ้านั้นแม้จะเป็นอำนาจที่เต็มไปด้วยพลังทำลายล้างแต่ก็สามารถมอบโอกาสให้เกิดเป็นพลังชีวิตที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
เขาแหงนหน้าขึ้นมองเมฆสายฟ้าเหนือศีรษะ ที่ผ่านมาจอมยุทธทุกคนต่างก็ยอมรับทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์แต่โดยดี แต่ไม่มีใครคิดขึ้นไปดูเลยรึว่าส่วนลึกภายในเมฆสายฟ้ามีอะไรอยู่?
อำนาจทำลายล้างที่ทำให้เกิดชีวิต เบื้องหลังเมฆสายฟ้าที่ทำให้เกิดทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์นั้น แท้จริงแล้วคืออะไร?
เมื่อผุดความคิดเช่นนี้ขึ้นมาหลิงฮันก็ไม่ชักช้าและทะยานร่างขึ้นไปยังเมฆสายฟ้า
“บ้าไปแล้ว!”
เหล่าราชาเซียนตกตะลึงอย่างมากทันทีที่เห็นการกระทำของหลิงฮัน
ไม่เคยมีใครอยากขึ้นไปดูส่วนลึกภายในของเมฆสายฟ้า? ผิดแล้ว ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งหลายคนเคยคิดเช่นนี้ เพียงแต่ทุกคนที่กล้าทำล้วนแต่ตายไปหมดแล้ว!
ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่ามีปรมาจารย์กี่คนที่ตายไปเพราะความคิดนี้จนไม่มีใครกล้าทำตาม
ทว่าหลิงฮันกลับเลือกที่จะเดินตามรอยเส้นทางแห่งความตายนี้!