รุ่นเยาว์ผู้นั้นกล่าวราวกับไม่มีใครอื่นอยู่ที่นี่และบุปผานิรันดร์กลายเป็นของเขาแล้ว
หลิงฮันประหลาดใจมาก
บุปผาห้วงมิติคือสมุนไพรนิรันดร์ การที่จะรู้ชื่อของมันได้ผู้พูดต้องเป็นคนของดินแดนแห่งเซียนเท่านั้น แม้จะเป็นดินแดนต้องห้ามก็อาจจะไม่รู้ชื่อของบุปผาต้นนี้เนื่องจากบุปผานิรันดร์นั้นพบเจอได้ยากยิ่ง ด้วยกาลเวลาที่ผ่านมายาวนานเหล่าดินแดนต้องห้ามคงไม่มีข้อมูลใดๆของบุปผานิรันดร์หลงเหลืออยู่
นั่นหมายความว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้มาจากดินแดนแห่งเซียน!
มีโอกาสสูงมากที่จะเป็นอย่างที่หลิงฮันคิด แต่ว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้มีพลังบ่มเพาะเพียงระดับสร้างสรรพสิ่งเท่านั้น หากเขามาจากดินแดนแห่งเซียนจริงเบื้องหลังของเขาจะต้องทรงพลังมากเป็นแน่ ไม่เช่นนั้นคงไม่สามารถส่งคนมาที่นี่ได้
แต่คนของดินแดนแห่งเซียนจะมาที่นี่ทำไมกัน?
การที่หลิงฮันเคยมีพลังบ่มเพาะระดับสร้างสรรพสิ่งมาแล้วครั้งหนึ่งทำให้เขาสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจนว่ารุ่นเยาว์ผู้นี้ไม่ใช่จ้าวอสูรหรือเซียนอย่างใดอย่างหนึ่งแต่เป็นทั้งสองอย่าง อีกฝ่ายคือจอมยุทธระดับสร้างสรรพสิ่งที่แท้จริง
จ้าวอสูรหลายคนจดจ้องไปยังชายหนุ่ม ท่าทางของเขาอวดดีเป็นอย่างมากและไม่เห็นใครอยู่ในสายตา แต่ทว่าการที่สามารถบรรลุเป็นจ้าวอสูรได้ด้วยอายุที่ดูเยาว์วัยเช่นนี้นับว่าอัศจรรย์มาก จึงไม่น่าแปลกใจที่เขาจะมีท่าทีหยิ่งผยอง
รุ่นเยาว์ผู้นั้นชำเลืองมองฝูงคนโดยไม่กล่าวอะไรออกมาสักคำ แววตาของเขาแสดงออกถึงความเหยียดหยามอย่างถึงที่สุด ท่าทางดูถูกของเขานั้นเหนือยิ่งไปกว่าคนของดินแดนต้องห้ามเสียอีก เพราะงั้นหลิงฮันจึงมั่นใจว่าอีกฝ่ายต้องมาจากดินแดนแห่งเซียนไม่ผิดแน่
“เหอะ พวกเศษสวะคิดจะแย่งชิงบุปผานิรันดร์กับข้า?” รุ่นเยาว์ผู้นั้นส่ายหัวและยิ้ม “ชื่อของคือหานฉี ส่วนข้าจะมาจากไหนนั้นพวกเขาไม่จำเป็นต้องรู้ ที่พวกเจ้าควรตระหนักไว้มีอย่างเดียวคือข้าเป็นตัวตนสูงส่งที่พวกเจ้าทำได้เพียงคารวะบูชา”
“ไสหัวไปเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารพวกเจ้าทั้งหมดทุกคน!”
เขากล่าวเหมือนกับจ้าวอสูรห้วงอวิ๋นก่อนหน้านี้ แต่ทว่าในครั้งนี้จ้าวอสูรทุกคนต่างแสดงท่าทีเหยียดหยามออกมา แม้แต่จ้าวอสูรห้วงอวิ๋นก็ยังเค้นเสียงดูถูกเช่นกัน
ห้วงมิติบิดเบี้ยวของบริเวณนี้นั้น แม้ดูแล้วจะเหมือนทุกคนอยู่ห่างกันเพียงสิบฟุต แต่ระยะห่างที่แท้จริงนั้นอาจจะไกลยิ่งกว่าร้อยล้านไมล์ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครสามารถทำร้ายใครได้
‘คอยก่อนเถอะ!’
ทุกคนคิด แน่นอนว่าพวกเขาไม่เก็บคำพูดของรุ่นเยาว์ผู้นั้นมาใส่ใจ ในความคิดของพวกเขาอีกฝ่ายที่เยาว์วัยขนาดนั้นหากจะบรรลุเป็นจ้าวอสูรได้ก็คงเป็นเพียงจ้าวอสูรระดับเหลืองเท่านั้น
พวกเขาคลำทางต่อไปเพื่อหวังครอบครองบุปผาห้วงมิติ
หลิงฮันกับจักรพรรดินีออกมาจากอุปกรณ์บินแหวกเมฆาเนื่องจากในห้วงมิติบิดเบี้ยวนี้ความเร็วไม่ใช่ปัจจัยสำคัญ อุปกรณ์บินแหวกเมฆาจึงไม่จำเป็นอีกต่อไป
เมื่อจักรพรรดินีปรากฏตัว ห้วงจักรวาลอันมืดมิดก็ราวกับสว่างไสวขึ้นมาทันตา ทุกคนหลงไหลในความงดงามหาใครเปรียบอันเป็นเอกลักษณ์ของจัรพรรดินีทันที
หานฉีเผลอจดจ้องไปยังจักรพรรดิโดยไม่รู้ตัว สีหน้าของเขาแสดงออกถึงท่าทางตกตะลึงอย่างปิดไม่มิด
สตรีที่งดงามเช่นนี้ ตั้งแต่เกิดมาเขาเพิ่งเคยพบเห็นเป็นครั้งแรก!
จิตใจของเขาสั่นสะท้านและตัดสินใจว่าสตรีงดงามผู้นี้ต้องเป็นของเขา
ไม่คาดคิดว่าการถูกตระกูลส่งมาหาประสบการณ์ในครั้งนี้จะทำให้เขาได้ครอบครองทั้งสมุนไพรนิรันดร์และสตรีงามล่มเมือง!
บุปผานิรันดร์นั้นแม้จะเป็นในดินแดนแห่งเซียนก็ยังล้ำค่าเกินพรรณนา ส่วนสตรีที่งดงามขนาดนี้ เกรงว่าในดินแดนแห่งเซียนก็คงหาใครเปรียบไม่ได้
ทุกคนพยายามเต็มที่เพื่อเคลื่อนที่ไปด้านหน้า แต่เพียงมิติที่บิดเบี้ยวนั้นซับซ้อนเกินไป การก้าวพลาดเพียงก้าวเดียวมีโอกาสที่จะย้อนกลับไปยังจุดเริ่มต้น
เพียงแต่ว่าหลังจากเคลื่อนที่ไปด้านหน้าอย่างต่อเนื่องสี่วัน จู่ๆทุกคนก็รู้สึกว่าสัมผัสสวรรค์ของพวกเขาไม่อาจสัมผัสห้วงมิติที่บิดเบี้ยวได้อีกต่อไป
ไม่คาดคิดว่าห้วงมิติในระยะสามร้อยเมตรจะกลับกลายเป็นห้วงมิติธรรมดา!
บุปผาห้วงมิติพลิ้วไหวไปมากลางอวกาศ แม้มันไม่ปลดปล่อยกลิ่นหอมใดๆออกมา ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศผ่อนคลายที่ลอยผ่านเข้ามาทางจมูก
หานฉีตะโกนออกมาอย่างเหยียดหยามทันที “พวกเจ้าทุกคนไสหัวไป อย่าได้บังอาจมาแย่งวาสนาของข้าผู้นี้!”
“รุ่นเยาว์ เจ้ามันบ้าไปแล้ว!” จ้าวอสูรห้วงอวิ๋นกล่าวอย่างเย็นชา
“รนหาที่ตาย!” หานฉีชี้นิ้ว คลื่นแสงสีแดงทะยานออกจากปลายนิ้วของเขาพุ่งเข้าใส่จ้าวอสูรห้วงอวิ๋นด้วยความเร็วสูง
‘โพล๊ะ’ คลื่นแสงทะลุผ่านหน้าผากของจ้าวอสูรห้วงอวิ๋นพร้อมกับมีโลหิตไหลทะลักออกมา แววตาของจ้าวอสูรห้วงอวิ๋นดับวูบและกลายเป็นซากศพในทันที
กลางอวกาศไม่มีแรงโน้มถ่วง ร่างที่ไร้ดวงวิญญาณของเขาจึงยังคงยืนแน่นิ่งอยู่แบบนั้นโดยที่แขนและขาห้อยลงมาอย่างไร้เรี่ยวแรง
จอมยุทธทุกคนที่อยู่โดยรอบชะงักตกตะลึง
จ้าวอสูรห้วงอวิ๋นเป็นถึงจ้าวอสูรระดับดำ แต่ถึงอย่างนั้นเขากลับถูกรุ่นเยาว์ผู้นี้สังหารภายในหนึ่งกระบวนท่าโดยที่ไม่สามารถตอบโต้ได้เลยแม้แต่น้อย นี่พวกเขากำลังฝันไปรึเปล่า? พวกเขาทุกคนต่างรู้สึกสงสัยดวงตาของตัวเอง
“ข้าบอกไปแล้วไม่ใช่รึว่าให้ไสหัวไป ไม่เช่นนั้นอย่าได้หาว่าข้าไร้ความเมตตา!” หานฉีกล่าวอย่างโหดเหี้ยมพร้อมกับปลดปล่อยออร่าพลังบ่มเพาะออกมาอย่างไม่ปิดบัง
“จะ จะ จะ… จ้าวอสูรสวรรค์!” จอมยุทธทุกคนสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว
โดยสถานการณ์ปกติแล้วจ้าวอสูรระดับเหลืองไม่ได้หวาดกลัวจ้าวอสูรสวรรค์มากเท่าไหร่เนื่องจากความเร็วของจ้าวอสูรนั้นแทบจะไม่ต่างกัน
แต่สถานการณ์ตอนนี้กลับไม่ใช่สถานการณ์ปกติทั่วไป
นอกจากบริเวณที่พวกเขาอยู่ ห้วงมิติรอบด้านนั้นซับซ้อนมากจนพวกเขาต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะผ่านพ้นมาได้ หากพวกเขาจะเผ่นหนีกลับทางเดิมพวกเขาก็ต้องใช้เวลานานเหมือนกับตอนที่ผ่านเข้ามา ดังนั้นกว่าพวกเขาจะหนีพ้นคงถูกจ้าวอสูรสวรรค์สังหารไปแล้วเกินกว่าร้อยครั้งแล้ว
พวกเขากำลังตกอยู่ในสถานการณ์สิ้นหวังอย่างแท้จริง!
ใครหลายคนมองไปยังบุปผานิรันดร์ พวกเขาเชื่อว่าเหตุผลที่ห้วงมิติรอบด้านปั่นป่วนนั้นมีสาเหตุมาจากบุปผาแปลกประหลาดต้นนี้ เพราะงั้นหากพวกเขาเก็บบุปผาไปห้วงมิติปั่นป่วนโดยรอบก็ต้องกลับคืนสู่สภาพปกติและพวกเขาก็จะหลบหนีจากเงื้อมมือของจ้าวอสูรสวรรค์พ้น
“เหอๆ อย่าได้คิดอะไรเพ้อฝัน!” หานฉีหัวเราะ ร่างของเขาปลดปล่อยหมอกควันสีขาวออกมาปกคลุมพื้นที่โดยรอบ
ร่างทุกคนชะงักทันที พวกเขารู้สึกราวกับว่าร่างของพวกเขาถูกทักษะอาคมบางอย่างสะกดเอาไว้ ทำให้แม้แต่หนึ่งนิ้วก็ไม่อาจขยับเขยื้อนได้
จบสิ้นแล้ว!