หนึ่งวัดถัดมา วาสนาศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬก็หายไป
หลิงฮันขับเคลื่อนอุปกรณ์บินแหวกเมฆามุ่งหน้ากลับสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์
ก่อนหน้านี้เขาได้สนทนากับโอวหยางไท่ซานอยู่เป็นเวลานาน ชายชราได้สอนประสบการณ์มากมายให้แก่เขา
อย่างเช่นเหตุผลที่ทำไมอัจฉริยะบางคนถึงสามารถควบแน่นดวงดาราในวิถีโคจรดาราจักรได้สองล้านหรือสามล้านดวง
อย่างม่อหลีหรือจูป้านั้น ไม่ใช่ว่าทั้งสองยังพยายามไม่มากพอแต่เป็นเพราะทั้งสองไม่มีคุณสมบัติ เหตุผลที่อัจฉริยะของดินแดนต้องห้ามควบแน่นสร้างดวงดาวได้มากกว่าสองล้านดวงเป็นเพราะสายเลือดอันบริสุทธิ์ได้รับสืบทอดมา
และมีตำนานหนึ่งกล่าวเอาไว้ว่าหากควบแน่นสร้างดวงดาวในวิถีดวงโคจรดาราจักรได้ถึงสิบล้านดวงก่อนทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่ง จอมยุทธผู้นั้นจะได้รับวาสนาพิเศษจากสวรรค์และปฐพีทำให้เมื่อบรรลุระดับโลกียนิพพาน จอมยุทธผู้นั้นจะแข็งแกร่งเหนือกว่าจอมยุทธระดับเดียวกัน
และสำหรับดินแดนศักดิ์สิทธิ์หรือดินแดนใต้พิภพ การที่ควบแน่นดวงดาวได้สิบล้านดวงก็ยังมีประโยชน์อีกอย่างหนึ่งคือจะทำให้สามารถผสานอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของทั้งสองดินแดนได้!
แน่นอนว่าเรื่องนี้เป็นเพียงตำนานที่เล่าขานกันมา มีบางคนเชื่อว่าดวงดาวสิบล้านดวงคือขีดกำจัดที่แท้จริงของระดับวารีนิรันดร์
เหตุผลที่ทำไมมันถึงเป็นตำนานก็เพราะในระดับวารีนิรันดร์ยังไม่มีใครเคยควบแน่นดวงดาวไปถึงสิบล้านดวงมาก่อน แม้แต่เหล่าอัจฉริยะของดินแดนต้องห้ามก็ไม่สามารถทำได้
สิ่งที่โอวหยางไท่ซานอยากบอกก็คือ เขาหวังไม่ให้หลิงฮันรีบร้อนทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งเร็วเกินไปและพยายามขัดเกลาพลังให้ได้ตามที่ตำนานกล่าวเอาไว้
หลิงฮันมั่นใจว่าตนเองจะสามารถเข้าสู่ดินแดนแห่งเซียนได้แน่นอน เพราะงั้นหากต้องการอยู่เหนือกว่าอัจฉริยะของดินแดนแห่งเซียนเขาก็ต้องขัดเกลาพลังบ่มเพาะให้เหนือกว่ามาตรฐานของที่นั่น ไม่เช่นนั้นเมื่อไปถึงดินแดนแห่งเซียนเขาคงเป็นได้เพียงอัจฉริยะทั่วไปไม่ใช่ราชา
เมื่อรู้แบบนี้หลิงฮันก็ตัดสินใจว่าเขาจะต้องควบแน่นดวงดาวให้บรรลุถึงสิบล้านดวงให้ได้ ส่วนจักรพรรดินีน่ะรึ?
หากนางต้องการควบแน่นดวงดาวสิบล้านดวงเช่นกัน นางก็ต้องเลื่อนระยะเวลาทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่งออกไปอีก
“เห้อ เพื่ออนาคตของนางคงข้าคงต้องทน” หลิงฮันถอนหายใจ “จะช้าแค่ไหนนางก็ยังเป็นภรรยาของข้า แต่หากพลาดที่จะขัดเกลาพลังให้บรรลุขีดจำกัดไปครั้งหนึ่งจะส่งผลต่อชีวิตทั้งชีวิตของนาง”
จักรพรรดินีมีแก่นกำเนิดนิรันดร์อันไร้เทียมทานและบ่มเพาะทักษะราชานิรันดร์ เพราะงั้นจึงมีความเป็นไปได้ที่นางจะสามารถบรรลุขีดจำกัดของระดับวารีนิรันดร์ ส่วนสตรีนกอมตะนั้นคงเป็นไปไม่ได้
หลิงฮันปรึกษากับจักรพรรดินี ทั้งคู่ตัดสินใจจะขัดเกลาพลังบ่มเพาะให้บรรลุขีดจำกัดของระดับวารีนิรันดร์
ส่วนสตรีนกอมตะนางได้ตัดสินใจตั้งเป้าหมายคือต้องบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งให้เร็วที่สุด
เขาระบุพิกัดให้อุปกรณ์บินแหวกเมฆาเคลื่อนที่แวะผ่านดาวไห่คงด้วย ในเมื่อเขากำลังจะออกจากดินแดนใต้พิภพหลิงฮันก็ต้องไปกล่าวลาจ้าวอสูรขวงล่วนและจ้าวอสูรป้าเจี้ยนเสียก่อนเนื่องจากทั้งสองคนมีบุญคุณเคยออกหน้าปกป้องเขา
ก่อนหน้านี้โอวหยางไท่ซานเป็นคนพาเขาเดินทางจึงบรรลุถึงจุดหมายได้รวดเร็ว แต่เมื่อเขาต้องเดินทางด้วยอุปกรณ์บินแหวกเมฆาเอง การเดินทางกลับไปดาวไห่คงจึงกินเวลาถึงครึ่งปี
เมื่อระบุพิกัดของห้วงอวกาศแล้วหลิงฮันก็ไม่จำเป็นต้องควบคุมอุปกรณ์บินแหวกเมฆาด้วยตัวเอง เขาเก็บตัวอยู่ในหอคอยทมิฬและบ่มเพาะพลังใต้ต้นสังสารวัฏ
แต่หลิงฮันออกมาภายนอกเป็นระยะเพื่อดูสถานการณ์ เนื่องจากการเดินทางในห้วงอวกาศนั้นไม่มีความแน่นอน ตามเส้นทางพวกเขาอาจจะพบเจอโจรอวกาศก็เป็นได้
หลังจากเวลาผ่านไปเกือบสี่เดือน เมื่อหลิงฮันออกมาจากหอคอยทมิฬใบหน้าของเขาก็ต้องแสดงออกถึงความประหลาดใจ
ที่ด้านหน้าของเขามีบุปผาขนาดมหึมาที่ไม่อาจสรรหาคำมาอธิบายความใหญ่โตของมันได้ปรากฏอยู่ แม้แต่สีของมันหลิงฮันก็ไม่รู้จะเรียกว่าสีอะไร
แต่ทั้งๆที่มันมีขนาดใหญ่มหึมาแท้ๆ เขากลับรู้สึกว่าบุปผาตรงหน้าไม่อาจเอื้อมถึงราวกับไม่มีอยู่จริง น่าประหลาดนัก…
“นั่นมันบุปผาอะไร?” หลิงฮันจ้องมอง จากความรู้ที่เขาเคยศึกษามา บุปผาตรงหน้าไม่เหมือนกับสมุนไพรใดๆของดินแดนศักดิ์สิทธิ์เลย
จะบอกว่าเป็นเพราะที่นี่คือดินแดนใต้พิภพก็ไม่ใช่ เนื่องจากดินแดนทั้งสองเคยเป็นหนึ่งเดียวกันมาก่อน มีเพียงสมุนไพรบางชนิดเท่านั้นที่สามารถเติบโตได้ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ แต่ไม่สามารถเติบโตในดินแดนใต้พิภพ หรือไม่ก็สามารถเติบโตได้ในดินแดนใต้พิภพแต่ไม่สามารถเติบโตในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
“หรือว่า… บุปผามหึมาจะเป็นสมุนไพรนิรันดร์!”
จิตใจของหลิงฮันสั่นสะท้าน แม้ความคิดนี้จะฟังดูไร้สาระแต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ต้นสังสารวัฏที่เขามีก็เป็นสมบัติของดินแดนแห่งเซียนไม่ใช่รึ?
“หอคอยน้อย ดูให้หน่อยว่าสิ่งนี้คืออะไร?” หลิงฮันเอ่ย
“บุปผาห้วงมิติ” หอคอยน้อยกล่าวทันที “มันคือบุปผานิรันดร์ประเภทหนึ่งที่จะเติบโตในช่องว่างมิติเท่านั้น การที่มันจะปรากฏขึ้นที่ดินแดนใต้พิภพแห่งนี้ไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจ”
หลิงฮันรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “บุปผานิรันดร์? ด้วยบุปผาที่ว่าจะช่วยให้กลายเป็นนิรันดร์ได้?”
หอคอยน้อยเค้นเสียงดูถูกและกล่าว “ช่างเพ้อฝัน สมุนไพรนิรันดร์แบ่งออกเป็นหลายประเภทนับไม่ถ้วน แต่ส่วนใหญ่แล้วมันไม่ได้มีไว้สำหรับช่วยเพิ่มระดับพลังบ่มเพาะ สมุนไพรประเภทบุปผานิรันดร์นั้นจะช่วยทำให้สามารถรู้แจ้งถึงอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ระดับสูงของดินแดนแห่งเซียน กล่าวคือหากเจ้าดูดซับอำนาจของมันเจ้าจะสามารถฝึกฝนอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของมันได้”
“บุปผาห้วงมิติคือบุปผานิรันดร์ที่แฝงเอาไว้ด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มิติ หากเจ้าทำความเข้าใจอำนาจของมันได้เจ้าจะสามารถควบคุมมิติภายในดินแดนแห่งเซียน”
“สิ่งนี้คือสมบัติของดินแดนแห่งเซียนที่แม้แต่ราชานิรันดร์ก็อาจจะเกิดความสนใจ”
ดวงตาของหลิงฮันส่องประกาย “งั้นก็ต้องนำมันมาให้ได้”
“ฮ่าๆ” หอคอยน้อยหัวเราะเยาะเย้ย “บุปผาห้วงมิตินั้นแฝงเอาไว้ด้วยอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มิติ แม้เจ้าจะเห็นเหมือนมันอยู่ตรงหน้า แต่แท้จริงแล้วไม่มีใครรู้ว่ามันอยู่ห่างไกลออกไปเพียงใด บางทีในขณะที่เจ้ามุ่งหน้าไปครึ่งทางมันก็อาจจะถูกเก็บเกี่ยวไปก่อนแล้วก็ได้”
“ถ้าเจ้าไม่ขัดข้าเจ้าจะตายรึไง?” หลิงฮันไม่สบอารมณ์ เขาลังเลเล็กน้อยก่อนจะควบคุมทิศทางอุปกรณ์บินแหวกเมฆามุ่งไปยังตำแหน่งของบุปผานิรันดร์
สองวัน… สามวัน… หนึ่งเดือน… สองเดือน!
เป็นอย่างที่หอคอยน้อยกล่าว บุปผาห้วงมิติที่ดูเหมือนจะมองเห็นจากทุกระยะทาง แท้จริงแล้วอยู่ห่างไกลเป็นอย่างมาก
หลิงฮันเริ่มท้อแท้เนื่องจากไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานกี่ปีกว่าจะไปถึง แต่ไหนๆเขาก็เสียเวลามาถึงสองเดือนแล้วจะให้ยอมแพ้ง่ายๆก็กระไรอยู่จึงตัดสินใจเดินหน้าต่อ
ผ่านไปอีกหนึ่งเดือน มิติของห้วงอวกาศก็เริ่มแปลกประหลาด ทั้งๆที่เขากำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าแท้ๆ แต่ผ่านไปครู่หนึ่งเขากลับพบว่าไม่รู้ทำไมตัวเขาถึงได้เคลื่อนที่กลับมายังเส้นทางเดิมที่เคยผ่านไปแล้ว
หลิงฮันไม่ประหลาดใจเท่าไหร่ ในเมื่อห้วงมิติเกิดการผันผวนนั่นหมายถึงเขาเริ่มเข้าใกล้บุปผาห้วงมิติแล้ว