“โอ้ นั่นน้องชายฮันไม่ใช่รึ?” นิสัยของยั่วยวนบุรุษของนางยังคงไม่เปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย นางส่งสายตาเปล่งประกายเย้ายวนไปยังหลิงฮัน
จักรพรรดินียิ้มและกวาดสายตามองอีกฝ่าย
“พะ พี่สาว!” หลินอวีฉีตัวหดเหมือนหนูเห็นแมว นางก้มหัวและขยำชายเสื้อตนเองราวกับไม่รู้จะทำตัวอย่างไรดี นางยังคงจำได้ดีว่าจักรพรรดินีมีนิสัยเหี้ยมโหดเพียงใด
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ดูเหมือนการค้าของสาขาแห่งนี้จะไม่ค่อยดีเท่าไหร่นะ”
“เฮ้อ อย่าพูดว่าค้าขายไม่ค่อยดีเลย แม้แต่ลูกค้าที่เดินผ่านประตูมาสักคนยังยากที่มีให้เห็น” หลินอวีฉีกล่าวอย่างเศร้าสลด “ตอนนี้พี่สาวยากจนจนอาจจะต้องขายตัวเองแทนแล้ว”
หลิงฮันกล่าว “เช่นนั้นข้าก็มีการค้าบางอย่างมาเสนอเจ้า”
หลินอวีฉีมองไปที่หลิงฮันด้วยความสงสัย “นี่เจ้าคิดจะแนะนำให้พี่สาวคนนี้ไปขายตัวจริงๆ?”
ฮึ่ม!
หลิงฮันส่ายหัวและนำแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์บางส่วนออกมา “ข้าอยากให้เจ้าขายแร่โลหะเหล่านี้ให้ข้า นอกจากนั้นข้าก็ต้องการซื้อแร่โลหะระดับต่ำลงมาอย่างแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเอ็ดถึงสิบสาม”
เขามีแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่มากเกินกว่าที่ต้องการ ดังนั้นเขาจึงอยากจะขายส่วนที่ไม่จำเป็นให้หมดและเปลี่ยนพวกมันเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเอ็ดถึงสิบสามเพื่อนำมาใช้ยกระดับดาบอสูรนิรันดร์
“นะ นี่มันแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่!” หลินอวีฉีวิ่งพรวดราวกับจะขโมยแร่โลหะที่หลิงฮันนำออกมา “นี่เจ้าไปปล้นชิงมามากมายเท่าใดกันถึงได้มีแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์เยอะขนาดนี้ แต่ก็แปลกๆนะ ทำไมแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ส่วนใหญ่ถึงดูมีรูปร่างเหมือนกับ…”
นางคาดเดาในใจแต่ก็ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตนเองคิด
หลิงฮันยิ้ม “เหมือนกับแผ่นปูทางเดิน?”
หลินอวีฉีพยักหน้า แต่นางก็คิดว่าหลิงฮันเพียงแค่หยอกล้อเล่นเท่านั้น แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่ที่ล้ำค่าเช่นนี้ใครจะนำไปใช้เป็นแผ่นปูทางเดิน? นางเผยสีหน้าประหลาดใจพร้อมกับกล่าว “ร้านของข้าค้าขายเม็ดยา แต่เจ้ากลับขอให้ข้าช่วยขายแร่โลหะ?”
“เจ้าทำไม่ได้รึ?” หลิงฮันกล่าว
หลินอวีฉีครุ่นคิด แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่นั้นผู้นี้มีความมั่งคั่งพอจะซื้อได้คงมีไม่มาก แต่มันจะต้องดึงดูดผู้คนมากมายให้มาดูแน่นอน เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้วไม่ใช่ว่าร้านของนางก็จะเป็นที่รู้จักไปด้วยหรอกรึ?
“ไม่มีปัญหา!” นางรีบพยักหน้าและส่งสายตายั่วยวน “เจ้าช่วยเหลือพี่สาวขนาดนี้ หรือเจ้าอยากจะได้ตัวพี่สาวเป็นสิ่งตอบแทน?”
“ข้าไม่ต้องการผลึกก่อเกิด เจ้าแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ของข้าเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเอ็ดจนถึงสิบสาม รับแหวนนี่ไป ภายในนี้มีแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่มากพอที่จะแลกเปลี่ยนเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบเอ็ดถึงสิบสามในจำนวนที่ข้าต้องการ” หลิงฮันโยนอุปกรณ์มิติให้กับหลินอวีฉีโดยไม่สนใจคำพูดหยอกล้อของนาง
หลินอวีฉีตกตะลึง เพียงแค่แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบสี่ที่หลิงฮันนำออกมาก่อนหน้านี้ก็นับว่าล้ำค่ามากพอแล้ว นี่เจ้ายังมีมากกว่านั้นอีก? เมื่อนางใช้สัมผัสสวรรค์ตรวจสอบภายในแหวนมิตินางก็แทบจะเป็นลม
บ้าไปแล้ว ภายในแหวนมิติมีแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์กองพะเนินรวมกันเป็นภูเขาลูกย่อมๆ ถึงแม้นางจะไม่ได้ตรวจสอบทีละชิ้นแต่เขาสามารถบอกได้ว่าแต่ละชิ้นเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสูงแน่นอน
นี่หลิงฮันไม่คิดว่านางจะแอบขโมยเลยรึไง?
หลิงฮันราวกับเดาความคิดของนางออกจึงจงใจปลดปล่อยออร่าออกมาเล็กน้อย
“ระดับวารีนิรันดร์!” ใบหน้าอันงดงามของหลินอวีฉีเปลี่ยนสี นางไม่สามารถมองเห็นพลังบ่มเพาะของหลิงฮันได้ก็จริง แต่นางหลงคิดไปว่าหลิงฮันจงใจปกปิดพลังบ่มเพาะของตนเองเอาไว้ทำให้นางไม่สามารถตรวจสอบพลังบ่มเพาะได้
เวลาเพิ่งผ่านมาไม่กี่ปีเอง ยากจะเชื่อว่าหลิงฮันสามารถยกระดับพลังจากระดับสุริยันจันทรามาเป็นระดับวารีนิรันดร์ได้
หากพลังบ่มเพาะของเขายังคงพัฒนาอย่างรวดเร็วเช่นนี้ต่อไป อีกไม่นานไม่ใช่ว่าเขาจะกลายเป็นเซียนเลยงั้นรึ?
“อีกไม่กี่ปีข้าจะกลับมา” หลิงฮันสะบัดมือให้แก่นางโอบกอดจักรพรรดินีเดินจากไป
“เจ้าหนูคนนี้ช่างฝืนสวรรค์ยิ่งนัก!” หลินอวีฉีส่ายหัวและยิ้ม “บางทีเมื่อพบกับเขาครั้งหน้า เขาอาจจะกลายเป็นเซียนแล้วก็ได้”
……
หลิงฮันกับจักรพรรดินีรีบกลับมาอย่างรวดเร็วเนื่องจากเป็นห่วงสตรีนกอมตะ
ในด้านของทรัพยากรบ่มเพาะจากสำนักละอองดารานั้นเขาได้ให้ติงผิงหรือไม่ก็จิ่วเยาเป็นคนนำมาให้ ข่าวคราวเกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆก็รับฟังจากทั้งสอง
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วจนมาถึงเก้าปี
ในวันนี้เอง จู่ๆร่างของนกอมตะทั้งสามก็ปลดปล่อยเปลวเพลิงลุกโชนออกมาราวกับกำลังกำเนิดใหม่
เมื่อสังเกตเห็นหลิงฮันย่อมมาถึงเป็นคนแรก แต่ทันใดนั้นก็ได้มียานเหาะดาราขนาดเล็กพุ่งจากบริเวณนี้ไปยังดาวมู่ถู หลิงฮันครุ่นคิดและไม่ไล่ตามยานลำนั้นไป เขาโคจรทักษะเปลี่ยนรูปลักษณ์ตนเองและพุ่งทะยานไปยังจอมยุทธคนอื่นๆที่คอยคุ้มกันบริเวณแห่งนี้อยู่
แน่นอนว่าเหล่าจอมยุทธที่ถูกทิ้งไว้ให้ทำหน้าที่ดูสถานการณ์ย่อมไม่ใช่ปรมาจารย์ที่แข็งแกร่ง ยังไม่ทันที่พวกเขาจะตอบสนองได้ทันก็ถูกหลิงฮันจู่โจมจนหมดสติ
เซียนสามารถเดินทางจากดาวมู่ถูมาที่นี่ได้ในไม่กี่อึดใจ แต่ยานเหาะดาราจำเป็นต้องใช้เวลากลับไปส่งข่าวอย่างน้อยสามวัน หรือก็คือหลิงฮันมีเวลาวันก่อนที่เซียนจะมาถึง
หลิงฮันจ้องมอง นกอมตะทั้งสามสมควรระเบิดพลังชีวิตที่เหลืออยู่ทั้งหมดออกมา ร่างของพวกเปลี่ยนเป็นโปร่งใสทำให้มองเห็นสตรีนกอมตะที่อยู่ภายใน นางกำลังนั่งกอดเข่าลอยอยู่กลางอากาศราวกับไร้น้ำหนัก
“เร็วเข้าภรรยาข้า หากเซียนมาถึงที่นี่ก่อนพวกเราคงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหลบหนีไปจากเขตดวงดาวแห่งนี้” หลิงฮันพึมพำ
สองวันต่อมา เปลวเพลิงของของอมตะทั้งสามก็ถูกเผาผลาญจนถึงขีดจำกัด สตรีนกอมตะค่อยๆยืนขึ้นอย่างองอาจพร้อมกับสยายปีกด้าน ขนาดปีกของนางไม่ได้เปลี่ยนไปจากเดิมเลยแมแต่น้อย แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปคือรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ที่ลอยอยู่เหนือปีกของนางนั้นดูซับซ้อนอีกกว่าเดิมมาก
วาสนาของนางไม่ใช่การเพิ่มระดับพลังบ่มเพาะให้สูงขึ้นพรวดพราดแต่เป็นการสร้างศักยะภาพพื้นฐานให้เหมือนเกิดใหม่ วาสนาที่สตรีนกอมตะได้รับในครั้งนี้นั้นไม่รู้ว่ายิ่งใหญ่ขนาดไหน
“ภรรยาข้า!” หลิงฮันตะโกนเรียก สตรีนกอมตะลืมตาและลอยเข้าสู่อ้อมกอดของหลิงฮันด้วยท่าทางตื่นเต้นเล็กน้อย
นางไม่ได้พบเจอหลิงฮันมาเป็นปีแล้ว
“ไปกันเถอะ!” หลิงฮันนำอุปกรณ์บินแหวกเมฆาออกมาและรีบเผ่นทันที หลังจากวนเลี่ยงเส้นทางได้ครึ่งรอบเขาก็ควบคุมอุปกรณ์บินแหวกเมฆาให้มุ่งหน้ากลับดาวมู่ถู
และในตอนนั้นเอง แสงแห่งเต๋าที่ทองก็สาดส่องออกมาจากดาวมู่ถูเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าเซียนกำลังเดินทางออกจากดาว