เซียนซิงฉาคืนแหวนให้กับหลิงฮัน และทุกคนได้ออกจากโลกจำลองภายในกล่อง
“ให้คนคุ้มกันที่นี่ไว้ หากศพของนกอมตะทั้งสามมีการเปลี่ยนแปลงหรือมีการเคลื่อนไหวใดๆรีบแจ้งข้าโดยด่วน” เซียนซิงฉาออกคำสั่ง
“ขอรับ!” เซียนทั้งเก้าตอบเสียงดัง
เซียนทั้งสิบเคลื่อนย้ายกลับดาวมู่ถูด้วยแสงแห่งเต๋าสีทอง พวกเขาให้ปรมาจารย์บางคนส่วนอยู่ที่นี่ต่อเพื่อเฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของนกอมตะทั้งสาม
เมื่อเหล่าเซียนจากไปแล้ว คนอื่นๆก็ไม่มีเหตุผลที่จะอยู่ที่นี่ต่อเช่นกัน ทุกคนออกเดินทางกลับดาว
ถึงแม้ทุกคนจะไม่ได้รับผลเก็บเกี่ยวใดๆจากการเดินทางมาในครั้งนี้ แต่พวกเขาก็ไม่ได้มาเสียเที่ยว
พวกเขาได้เห็นร่างของราชาเซียนด้วยตาตนเองแล้ว ยังไม่นับว่าเป็นวาสนารึอย่างไร?
หลิงฮันยังไม่จากไปไหนเนื่องจากเป็นกังวลเรื่องสตรีนกอมตะ เมื่อนางรับวาสนาเสร็จสิ้นเขาจะจัดการทุกคนที่คอยดูสถานการณ์อยู่ที่นี่และรีบจากไปก่อนที่เซียนจะกลับมา
เขาแยกตัวออกมาห่างพอสมควรและเข้าไปรอคอยในหอคอยทมิฬ
ในขณะเดียวกัน ในโลกภายนอกตอนนี้ได้เกิดความโกลาหลขึ้นที่สำนักละอองดารา
กู่ต้าวอี้หายตัวไป!
เซียนซิงฉาเกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก แม้แต่เซียนทั้งเก้าก็ยังถูกเขาออกคำสั่งให้ไปตามหาตัวกู่ต้าวอี้ การที่คนๆหนึ่งหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยเช่นนี้ตัวเขาที่เป็นเซียนระดับสูงไม่อาจยอมรับได้
อย่างน้อยหากอีกฝ่ายตายก็น่าจะหลงเหลือศพเอาไว้บ้าง
เมื่อเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปเหล่าศิษย์ใหม่ทุกคนก็ตื่นเต้นมีความสุขเป็นอย่างมาก
หากกู่ต้าวอี้ตายจริงๆ ไม่ใช่ว่าความหวังที่จะได้เป็นเซียนจะตกมาถึงพวกเขาหรอกรึ?
นอกจากเรื่องของซากศพนกอมตะสามตัวแล้ว เหตุการณ์ต่างๆก็ค่อยๆกลับสู่ความสงบตามกาลเวลา
แม้จะหากู่ต้าวอี้ไม่พบเซียนซิงฉาก็ไม่รับศิษย์เพิ่ม แถมยังมีข่าวลืออีกว่างเซียนซิงฉานั้นมีความคิดที่จะบ่มเพาะบุตรของตนเองให้เป็นผู้สืบทอด
เรื่องเช่นนั้นเป็นไปไม่ได้เด็ดขาด
ถึงแม้เซียนจะเปรียบเสมือนตัวแทนสวรรค์ แต่อย่างมากเขาก็สามารถช่วยบ่มเพาะให้ใครสักบรรลุระดับวารีนิรันดร์เท่านั้น การจะบรรลุเป็นเซียนนั้นจำเป็นต้องพึ่งพาความสามารถของตนเอง
แต่ว่าเซียนซิงฉานั้นได้เก็บกรงเล็บมหึมาของราชาเซียนกลับมาด้วย ซึ่งนั่นได้เพิ่มโอกาสความเป็นไปได้ขึ้นมา
เขาแยกแก่นพลังและโลหิตของราชาเซียนออกมาจากกรงเล็บและชำระล้างพลังอำนาจที่น่าสะพรึงกลัวทั้งหมดออกไป หากใช้แก่นพลังและโลหิตราชาเซียนที่แยกออกมานี้กับใครสักคนละก็ รากฐานวิถียุทธของคนๆนั้นจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
ในเมื่อมีความหวังที่จะฝึกฝนบุตรของตนเองได้สำเร็จ ทำไมเซียนซิงฉาถึงจะต้องไปตั้งความหวังไว้กับคนนอกสายเลือด?
พริบตาเดียววันเวลาก็ผ่านไปสามปี
ภายในหอคอยทมิฬ จักรพรรดิออกจากการเก็บตัวบ่มเพาะพลังและมายืนด้านหน้าหลิงฮันด้วยรอยยิ้ม
“สำเร็จแล้ว?” หลิงฮันเผยสีหน้าประหลาดใจอย่างมีความสุข
จากที่เห็นแม้พลังบ่มเพาะของจักรพรรดินีจะไม่เพิ่มขึ้นแต่ความรู้สึกที่สัมผัสได้จากตัวนางนั้นแตกต่างไปจากเดิม อำนาจของแก่นกำเนิดนิรันดร์ทำให้นางดูมีเสน่ห์และทรงพลังยิ่งกว่าเดิม
จักรพรรดินียิ้มและกล่าว “ข้าสร้างแก่นกำเนิดนิรันดร์ขึ้นมาได้แล้ว ข้าสามารถใช้ทักษะสร้างร่างแยกให้เป็นสิบคนได้”
ร่างของนางสั่นไหวเล็กน้อย ร่างแยกที่เหมือนกับนางไม่มีผิดเพี้ยนก้าวเดินออกมาจากร่างของนางทีละคน สองคน สามคน… เก้าคน เมื่อร่วมกับร่างต้นแล้ว จักรพรรดินีที่ยืนอยู่ตอนนี้มีทั้งสิ้นสิบคน
หลิงฮันชะงักเล็กน้อย จักรพรรดินีภรรยาของเขามีถึงสิบคน? เพียงแค่คนเดียวก็แทบจะทำให้เขาคลั่งตายแล้วแต่นี่กลับมีถึงสิบคน!
“ตอนนี้ร่างแยกของมีพลังบ่มเพาะเท่ากับข้าที่เป็นร่างหลัก แต่ที่ยอดเยี่ยมก็คือข้าสามารถบ่มเพาะพลังได้พร้อมกับถึงสิบร่าง เมื่อร่างแยกทั้งเก้าผสานกลับเข้ามาร่วมกับข้า พลังที่บ่มเพาะมาจะหลั่งไหลเข้ามาสู่ข้าที่เป็นร่างหลัก”
หลิงฮันตกตะลึง นี่มันน่าอัศจรรย์อย่างมาก!
ยิ่งกว่านั้นคือทักษะเก้าสวรรค์ดับสูญในตอนนี้ยังไม่ได้ใช่ทักษะที่สมบูรณ์แท้จริง
หลิงฮันโผโอบกอดจักรพรรดินี “อีกนานแค่ไหนเจ้าถึงจะบรรลุระดับเซียน?”
จักรพรรดินียิ้มอย่างมั่นใจ “ร้อยปี!”
หลิงฮันยิ้ม อีกแค่ร้อยปีเท่านั้น หลิงฮันน้อยของข้า… อดทนไว้!
เนื่องจากสตรีนกอมตะยังคงรับวาสนาไม่เสร็จ พวกเขาจึงรออยู่ในหอคอยทมิฬต่อไป หลิงฮันสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำต้นที่สองออกมาและเริ่มทำซุป
ครั้งนี้กินซุปสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ลึกล้ำไปหลายส่วนไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิงฮัน เนื่องจากมีร่างแยกทั้งเก้าค่อยสนับสนุน
ไม่กี่วันต่อมา พลังบ่มเพาะของหลิงฮันได้บรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นปลายในขณะที่จักรพรรดินีบรรลุระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้นชั้นสูงสุด ความเร็วในการบ่มเพาะพลังใสตอนนี้ของนางรวดเร็วมากจนแม้แต่หลิงฮันก็ได้เพียงเหลียวมองตามหลัก
แต่หลิงฮันไม่ได้รู้สึกอิจฉาอะไรเลย เขาอยากจะให้จักรพรรดินีบ่มเพาะพลังได้เร็วกว่านี้ด้วยซ้ำ
ทางด้านของสตรีนกอมตะยังคงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง หลิงฮันมุ่งหน้ากลับดาวมู่ถูเพื่อตามหาหลินอวีฉี แน่นอนว่าเขาได้ฝากจักรพรรดินีให้ทำหน้าที่เฝ้าคุ้มครองสตรีนกอมตะเอาไว้ หากมีการเปลี่ยนแปลงใดๆนางจะแจ้งให้หลิงฮันรีบกลับมาทันที
ถึงแม้เซียนจะเคลื่อนที่ได้รวดเร็วกว่าเขา แต่การที่เซียนจะรู้ข่าวนั้นจำเป็นต้องมีคนไปแจ้ง ขอแค่เขาได้รับข่าวก่อนเซียนการจะกลับไปถึงก่อนก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ตำหนักเป่าหลินตั้งสาขาไว้ที่นี่เช่นกัน แต่สาขาที่นี่ไม่ได้ยิ่งใหญ่เหมือนกับที่เขตดวงดาวแสงคงกระพัน ตำหนักเป่าหลินสาขาที่นี่ไม่มีอิทธิพลใดๆ ประตูร้านค้าเปิดอ้างว้างโดยไร้วี่แววผู้คน
หลิงฮันเดินเข้าไปและกล่าว “ผู้ดูแลร้านอยู่ไหน ข้าต้องทำการค้าครั้งใหญ่!”
เขาปลดปล่อยออร่าของระดับวารีนิรันดร์ออกมาเล็กน้อย พนักงานของร้านที่เห็นเช่นนั้นก็มีท่าทีสุภาพเป็นอย่างมากและรีบไปแจ้งผู้ดูแลสาขาที่สวนด้านหลังร้านอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปชั่วครู่ เสียงกระดิ่งของร้านก็ดังขึ้นพร้อมกับกลิ่นอันหอมหวานที่ลอยฟุ้งเข้ามา สตรีผู้หนึ่งค่อยๆก้าวเดินออกมาอย่างงดงาม เสน่ห์ของนางนั้นเย้ายวนจนชายหนุ่มทุกคนที่เห็นต้องตาร้อนผ่าว