เซียนซิงฉาอายุเท่าไหร่?
ตามหลักแล้วเซียนระดับสูงจะมีอายุขัยสามพันล้านปี แต่ปรมาจารย์ระดับนั้นจำเป็นต้องรับทัณฑ์สวรรค์ทุกร้อยล้านปี ซึ่งบางคนก็ตกตายเพราะสิ่งนี้ก่อนที่จะอยู่ครบอายุขัย
ดังนั้นจึงไม่จำเป็นว่าเซียนซิงฉาจะมีอายุครบสามพันล้านปี แต่อีกฝ่ายก็สมควรมีอายุราวๆนั้นแล้ว
กล่าวได้ว่าเซียนซิงฉาอยู่ในช่วงชีวิตที่ต้องการผู้สืบทอด ทว่าในหมู่ศิษย์ทั้งเก้ากลับไม่มีใครที่เขาสามารถสืบสานวิถีวรยุทธต่อให้ได้เลย
เหตุผลนั้นง่ายมาก ศิษย์ทั้งเก้าของเขาไม่มีใครเลยที่ทะลวงผ่านกลายเป็นเซียนระดับกลางหรือระดับสูง
แต่ถึงอย่างนั้นการที่ชายชราใกล้ลงโลงเช่นเขา คิดจะสืบทอดมรดกโดยการเพิ่งให้กำเนิดบุตรอายุสี่ปีนั้นค่อนข้างจะแปลกประหลาดเกินไป!
เห็นหลิงฮันแน่นิ่งไปชายหนุ่มคนนั้นจึงคิดว่าหลิงฮันหวาดกลัว เขาแสยะยิ้มและกล่าว “ในเมื่อเจ้ารู้สถานะของนายน้อยหยุนแล้วก็รีบคุกเข่าแสดงความเคารพซะ!”
ชื่อของเขาคือโม่หลี่เป็นศิษย์ของสำนักย่อยที่เจ็ด เขาโชคดีที่เมื่อมาที่นี่ได้พบกับเซียนน้อยโดยบังเอิญ หลังจากรับรู้สถานะของอีกฝ่ายเขาก็พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ใกล้ชิดกับนายน้อย
หลิงฮันส่ายหัวและกล่าว “ข้ามาที่นี่เพื่อฝึกฝนไม่ได้มาเพื่อเป็นม้าขี่ให้ใคร! เด็กน้อยนั้นไร้เดียงสายังพอให้อภัย แต่หากเจ้ายังพล่ามไร้สาระอยู่อีกข้าก็ไม่รังเกียจที่จะมอบกำปั้นให้เจ้า”
“เจ้ากล้า!” โม่หลี่คำราม เจ้าบ้าไปแล้วรึไง เมื่อมีนายน้อยหยุนอยู่ที่นี่เจ้าที่เป็นศิษย์ธรรมดาทั่วไปจะทำอะไรได้?
“ข้าอยากขี่ม้า! ข้าอยากขี่ม้า!” เด็กน้อยรู้เพียงแต่การสร้างปัญหา เท้าของเขาเตะไปมาเข้าใส่ร่างของโม่หลี่ แต่แน่ว่าด้วยกำลังของเด็กน้อยเป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้ปรมาจารย์ระดับดาราบาดเจ็บ
หลิงฮันมองไปยังโม่หลี่พร้อมกับส่ายหัว จอมยุทธที่มีจิตใจอ่อนแอเช่นนี้มีคุณสมบัติจะกลายเป็นตัวตนที่ทรงพลัง?
การที่โม่หลี่เข้าร่วมสำนักละอองดาราได้นั้นเขาต้องเป็นราชาไม่ผิดแน่ แต่น่าเสียดายที่ราชาไม่ใช่ว่าจะเป็นราชาได้ตลอดไป เขาลดศักดิ์ศรีของตนเองลงมาเพื่อไขว่คว้าทางลัดจนลืมไปแล้วว่าสิ่งสำคัญที่สุดของศาสตร์วรยุทธคืออะไร
ความมั่นใจและศักดิ์ศรีของตัวเอง!
“ไปกันเถอะ” หลิงฮันจับข้อมือของสตรีนกอมตะอละคร้านที่จะใส่ใจทั้งสองคน
“คิดหนีรึ!” โม่หลี่ที่ไม่รู้เอาความกล้ามาจากไหนปล่อยหมัดเข้าใส่แผ่นหลังหลิงฮัน
หลิงฮันเค้นเสียงและสะบัดหลังมือสลายพลังโจมตีของหมัดที่พุ่งเข้ามาและเอื้อมมือไปคว้าคอของโม่หลี่
ระดับดาราจะนับเป็นอันใดได้เมื่ออยู่ต่อหน้าระดับวารีนิรันดร์ นอกเสียจากว่าจะเป็นราชาระดับสามที่มีพลังต่อสู้ทัดเทียมกับระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น
“เจ้าแส่หาเรื่องเอง!” หลิงฮันยกมือขวาขึ้นลง ด้วยอำนาจของปราณก่อเกิดจากฝ่ามือ ร่างของโม่หลี่มีเสียงแตกหักของกระดูกดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
โม่หลี่ไม่ได้มีกายหยาบที่ทรงพลัง เพียงแค่ถูกเขย่าร่างไปมาเช่นนี้กระดูกทั่วทั้งร่างของเขาก็แตกหักไปกว่าครึ่งร่าง ใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความทรมานและกรีดร้องออกมา
เขาไม่ร้องขอความเมตตาแต่กลับกล่าวข่มขู่ “เจ้ากล้าทำร้ายข้า! เจ้าบังอาจทำให้ข้าบาดเจ็บ! ตอนนี้ต่อให้พระเจ้ามาที่นี่ก็ช่วยเจ้าไม่ได้ ข้าจะไปรายงานว่าเจ้าคิดทำร้ายนายน้อยหยุน เจ้าตายแน่!”
เขามองไปยังหลิงฮันด้วยสีหน้ามืดมน ในสำนักละอองดาราไม่มีใครกล้าลงมือสังหาร ดังนั้นเขาตั้งใจจะใช้สถานการณ์นี้ให้เป็นประโยชน์
เขาถูกได้รับบาดเจ็บจากการช่วยเหลือนายน้อยหยุน และหลิงฮันเป็นคนร้ายที่คิดทำลายนายน้อยหยุน
หลิงฮันยิ้มและตบไปหน้าของอีกฝ่าย “ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะใช้สมองไปในทางที่ผิดเช่นนี้ หากลองใช้สมองของเจ้าไปกับการบ่มเพาะพลังเจ้าคงทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ได้ไปแล้ว!”
โม่หลี่อดไม่ได้ที่จะรู้สึกสงสัยว่าเหตุใดหลิงฮันถึงไม่หวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย? นี่มันไม่ถูกต้อง!
เมื่อเขากล่าวข่มขู่ออกมา ไม่ใช่ว่าหลิงฮันสมควรต้องหวาดกลัวความตายจนยอมก้มหัวคุกเข่าร้องขอความเมตตาจากเขาหรอกรึ?
หรือว่าเขาจะมีผู้หนุนหลังที่สามารถต่อกรกับเซียนซิงฉา?
ไม่มีทาง หากมีเบื้องหลังที่แข็งแกร่งขนาดนั้นอีกฝ่ายจะมาที่นี่ทำไม?
หลิงฮันยิ้มและชี้ไปยังสตรีนกอมตะพร้อมกับกล่าว “ดูนั่น”
โม่หลี่มองตามและชะงักแน่นิ่งไร้คำพูด
นายน้อยหยุนกำลังเล่นกับสตรีผู้นั้นอย่างมีความสุข สตรีผู้นั้นไม่ได้คุกเข่าคลานให้นายน้อยขี่แต่นางจับนายน้อยอุ้มกอด ซึ่งใบหน้าของนายน้อยก็แสดงออกถึงความสุขอย่างเต็มที่
บะ.. แบบนี้ก็ได้ด้วย! โม่หลี่อยากจะกระอักโลหิตออกมา
“จงบ่มเพาะพลังไปในทางที่ถูกต้อง การที่เจ้าสามารถเข้าร่วมสำนักละออกดาราได้นั่นหมายถึงเจ้าเองก็มีพรสวรรค์ในระดับราชา ทำไมต้องจะต้องลดตัวลงไปใช้วิธีลัดที่ต่ำช้าเช่นนั้น?” หลิงฮันกล่าวน้ำเสียงตักเตือน
โม่หลีแสดงสีหน้าครุ่นคิดระลึกความหลัง ในอดีตเขาเป็นคนที่มีความทะเยอทะยานอย่างมาก เมื่อตอนที่เข้าร่วมสำนักละอองดาราเขาถูกบังคับให้คลานลอดผ่านช่องสุนัข ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ดิ้นรนฝ่าฟันความลำบากจนพลังบ่มเพาะทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
เพียงแต่ว่าราชาในสำนักละอองดารานั้นมีมากมายดั่งหมู่เมฆบนท้องฟ้า เขาสูญเสียความมั่นใจจนหลงเดินไปในทางที่ผิดและไม่มุ่งมั่นกับศาสตร์วรยุทธอีกต่อไป
เขากำลังเดินไปในเส้นทาง? เขากำลังทำอะไรอยู่?
ร่างของโม่หลี่สั่นสะท้าน ความกระจ่างแวบผ่านแววตาของเขาและใบหน้าได้กลับกลายเป็นรู้สึกเศร้าเสียใจ
ในเมื่อเขาเป็นราชา จิตวิใจของเขาย่อมแกร่งกล้า
“ข้าเข้าใจแล้ว” โม่หลี่พยักหน้า “ศิษย์พี่ ข้าจะมุ่งมั่นฝึกฝนวรยุทธให้ดีและวันหนึ่งข้าจะตอบแทนความช่วยเหลือของศิษย์พี่ในวันนี้แน่นอน”
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เจ้าไปได้แล้ว”
“แล้วนายน้อยหยุน…” โม่หลี่มองไปยังเด็กน้อย ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นทายาทของเซียนระดับสูง หากมีอะไรเกิดขึ้นเขาจะรับผิดชอบไหวได้อย่างไร?
“ไม่ต้องกังวล พวกข้าจะพาเขากลับไปส่งให้เอง” หลิงฮันพยักหน้า
โม่หลี่ลังเลแต่ก็กล่าวออกไป “ศิษย์พี่ มารดาของนายน้อยหยุนเป็นคนอารมณ์ร้อนอย่างมาก ท่านห้ามขัดใจนางเด็ดขาด” ในขณะที่กล่าวประโยคนี้ เขาลดเสียงตนเองลงราวกับหวาดกลัวว่าจะมีใครได้ยิน
มารดาของนายน้อยหยุน หรือก็คือภรรยาของเซียนซิงฉา