กู่ต้าวอี้ตกตะลึง ดรรชนีโลหิตพระเจ้าเป็นทักษะที่เขาฝึกฝนในชีวิตที่สอง ทักษะนี้เป็นการควบแน่นพลังปราณทั้งหมดมารวมเป็นการโจมตีเดียว ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่อำนาจกาลเวลาของหลิงฮันจะสลายพลังของทักษะนี้ได้อย่างสมบูรณ์
ซึ่งนั่นก็เป็นไปตามที่เขาคาดคิด แต่กายหยาบของอีกฝ่ายถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะนิรันดร์รึอย่างไร?
ขนาดตัวเขาก็ยังไม่คาดคิดว่าภายใต้สวรรค์จะมีกายหยาบที่ไร้เทียมทานขนาดนี้อยู่
“นี่ข้าตาฝาดรึเปล่า?”
“เจ้าหนูนั่นรับการโจมตีที่รุนแรงของกู่ต้าวอี้เข้าไปแล้ว แต่กลับไม่เป็นอะไรเลย?”
“ไม่ใช่ เห็นไหวว่าเขาได้รับบาดเจ็บ”
“ไร้สาระ แค่โลหิตไม่กี่หยดไหลออกมาจากมุมปากเจ้าเรียกว่าบาดเจ็บงั้นรึ?”
ผู้คนด้านล่างเอามือกุมหัวด้วยความตะลึง แม้กระทั่งการโจมตีของกู่ต้าวอี้ก็ไม่ได้ผล หลิงฮันต้องมีกายหยาบที่แข็งแกร่งเพียงใดกัน?
หลิงฮันเช็ดเลือดที่มุมปาก สมกับเป็นกู่ต้าวอี้ ขนาดพลังต่อสู้ลดลงมาเป็นระดับดาราขั้นต้นแล้วก็ยังทำให้เขาบาดเจ็บได้ แต่นั่นก็เป็นเพราะกายหยาบของเขาก็ถูกลดระดับลงมาเช่นกัน
เพียงแต่ว่าบาดแผลแค่นี้ไม่นับเป็นอันใดได้ เขาดีดนิ้วปลดปล่อยปราณดาบนับไม่ถ้วนเข้าใส่กู่ต้าวอี้
ทักษะดาบฟ้าคำราม!
‘พรึบ พรึบ พรึบ’ ปราณแค่แต่ละอันรวดเร็วเป็นอย่างมาก กู่ต้าวอี้เผยใบหน้าตื่นตระหนกและรีบลงมือตอบโต้ เมื่อปราณดาบทั้งหมดสลายไปก็พบกับเสื้อผ้าของเขาที่ถูกเฉือนขาดแหว่ง ผมเผ้ายุ่งเหยิงกระเซอะกระเซิง ที่ยิ่งกว่านั้นคือบริเวณแก้มของเขาปรากฏฟันที่มีโลหิตไหลออกมา
กู่ต้าวอี้ได้รับบาดเจ็บ!
เมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าทุกคนก็อุทานออกมา เหล่าผู้ติดตามของกู่ต้าวอี้กลายเป็นเกรี้ยวกราดจนอยากกระทืบหลิงฮันให้เละ ในความคิดพวกเขา กู่ต้าวอี้คือพระเจ้าที่ทำได้เพียงสักการะบูชา
กู่ต้าวอี้ที่ถูกกล่าวว่าเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งที่สุดในทุกยุคสมัยกลับถูกทำให้บาดเจ็บด้วยคู่ต่อสู้ที่มีระดับพลังเท่ากัน
ฮึ่ม! ที่แท้หลิงฮันก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน!
มาถึงตอนนี้ในที่สุดก็มีคนยกย่องหลิงฮัน ถึงแม้เขาจะไม่สามารถเอาชนะได้แต่อย่างน้อยก็แข็งแกร่งพอที่จะตอบโต้กู่ต้าวอี้ ราชาอันหนึ่งหนึ่งแห่งยุค
กู่ต้าวอี้เช็ดเลือดที่แก้ม ใบหน้าของเขาค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นเย็นชา ตั้งแต่ถูกขับไล่ออกมาจากดินแดนแห่งเซียนและมีชีวิตมาตลอดเก้าชาติภพ ในทุกภพเขาล้วนแต่สามารถบรรลุระดับสร้างสรรพสิ่งขั้นสูงสุด ผ่านมานานเพียงใดแล้วที่เขาถูกทำให้ได้รับบาดแผล?
เขาที่มีแก่นกำเนิดนิรันดร์ในชีวิตที่สิบและอำนาจกฎเกณฑ์ของดินแดนแห่งเซียนนั้นสมควรจะมีพลังที่ไร้เทียมทานที่สุดในระดับพลังเดียวกันแท้ๆ ต่อให้เป็นในดินแดนแห่งเซียนเขาก็มั่นใจว่าอัจฉริยะที่สามารถทัดเทียมเขาได้คงมีเพียงหยิบมือ
แต่ในสถานที่ล้าหลังจากดินแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้กลับมีคนที่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้ นอกจากนั้นอีกฝ่ายก็ยังไม่ได้ขัดเกลาพลังบ่มเพาะระดับที่สามให้บรรลุขั้นสมบูรณ์เสียด้วย ตามหลักแล้วทั้งใจแง่ของพลังและอำนาจแห่งกฎเกณฑ์หลิงฮันต้องด้อยกว่าเขา
กู่ต้าวอี้จ้องมองหลิงฮันและกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทุกๆชาติภพของข้าล้วนแต่ฝึกฝนทักษะบ่มเพาะที่ไร้เทียมทาน เจ้าคิดว่าจะสามารถป้องกันพวกมันได้ทั้งหมด?”
“งั้นก็ให้ข้าลองหน่อย!” หลิงฮันหัวเราะ เขาสะบัดมือปลดปล่อยปราณดาบโจมตีเข้าใส่กู่ต้าวอี้
เขาหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีเป็นอย่างยิ่ง ในเมื่อกู่ต้าวอี้ไม่ใช่อาวุธเขาก็จะไม่ใช้ดาบอสูรนิรันดร์เช่นกัน
“บัญญัติเทพกระบี่!” กลิ่นอายของกู่ต้าวอี้ราวกับว่าตัวเขาได้กลายเป็นกระบี่ไร้เทียมทานที่สามารถฟาดฟันได้ทุกสรรพสิ่ง
หลิงฮันเผยรอยยิ้มแม้ว่าภายในใจจะตื่นตัวก็ตาม
จักรพรรดินีกับอู่เมียนนั้นมีความเกี่ยวข้องกับดินแดนแห่งเซียนเช่นกัน ทั้งสองมีสายเลือดของบรรพบุรุษที่ถูกขับไล่ออกมาจากดินแดนแห่งเซียนไหลเวียนอยู่ในร่างกายทำให้สามารถใช้ทักษะของดินแดนแห่งเซียนได้
เพียงแต่ว่าเมื่อเทียบกับกู่ต้าวอี้ ทั้งสองคนยังห่างชั้นนัก
อีกฝ่ายเป็นจอมยุทธจากดินแดนแห่งเซียนตัวเป็นๆ ถึงแม้ตอนนี้พลังบ่มเพาะจะถูกลดลงมาแต่รากฐานพลังบ่มเพาะของเขานั้นมั่นคงกว่าใครๆ
ทักษะที่เขาปลดปล่อยออกมาจึงไม่อาจดูถูกได้เลย
ด้านบนศีรษะของกู่ต้าวอี้ มีเงากระบี่ไร้เทียมทานปรากฏออกมา กระบี่นี้มีความยาวถึงหมื่นฟุตและมีสีดำสนิท เพียงแค่จ้องมองก็รู้สึกเหมือนกับว่าวิญญาณจะถูกดูดออกไปจากร่าง
“จงหายไปตราบชั่วนิรันดร์!” กู่ต้าวอี้ชี้นิ้วมายังหลิงฮัน ‘ฉึบ’ กระบี่เหนือศีรษะของเขาสั้นบั้นโจมตี อำนาจของมันราวกับเป็นตัวแทนแห่งสวรรค์และปฐพีที่ไม่มีอะไรหยุดยั้งมันได้
หลิงฮันใช้งานกาลเวลาแปรผันพันปี แต่ในเมื่อทั้งการโจมตีของกับกู่ต้าวอี้เป็นทักษะระดับนิรันดร์ทั้งคู่ กาลเวลาแปรผันพันปีจึงไม่สามารถสลายการโจมตีได้อย่างสมบูรณ์ พลังทำลายของกระบี่ถูกลดลงไปสามในสิบส่วนเท่านั้น
‘ตูม’ กระบี่ไร้เทียมทานที่ขยายออกจนมีความยาวเจ็ดถึงแปดพันฟุตทะลวงใส่ร่างของหลิงฮันก่อนจะหายไป
“ฮ่าๆ!” กู่ต้าวอี้หัวเราะ หากถูกจู่โจมด้วยบัญญัติเทพกระบี่โจมตีใส่ วิญญาณในร่างก็จะถูกทำลายไม่เหลือแม้แต่เศษซาก จากนี้ไปใต้สวรรค์นี้จะไม่มีคนชื่อหลิงฮันอยู่อีกต่อไป
แต่เขาก็เสียใจอยู่เล็กน้อย ในความคิดของเขานั้น หลิงฮันสมควรเป็นคนของดินแดนแห่งเซียนเหมือนกัน ต่อให้ไม่ใช่จอมยุทธของดินแดนแห่งเซียนโดยตรงอย่างน้อยอีกฝ่ายก็น่าจะเป็นลูกหลานของจอมยุทธจากดินแดนแห่งเซียนที่ถูกขับไล่ออกมา
หากเป็นไปได้เขาก็ต้องโน้มน้าวให้หลิงฮันติดตามเขาเพื่อกลายเป็นสักขีพยานในตอนที่เขาได้กลับไปยังดินแดนแห่งเซียนในอนาคต
“กระบี่เมื่อครู่เป็นการโจมตีทางวิญญาณ แถมยังเป็นทักษะที่ทรงพลังอย่างมาก ซึ่งตามปกติแล้วทักษะโจมตีวิญญาณทั่วไปไม่สมควรมองเห็นเป็นรูปธรรมแบบนั้น” ปรมาจารย์คนหนึ่งกล่าวอธิบาย เขาเป็นตัวแทนของสำนักละอองดาราและเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ที่แข็งแกร่ง
เมื่อได้ยินเช่นนั้นทุกคนก็แสดงสีหน้าตกตะลึง ต้องรู้ก่อนว่าแม้แต่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ จอมยุทธแทบจะทุกคนนั้นจะขัดเกลาพลังป้องกันเพียงแค่ในส่วนกายหยาบ ความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณของพวกเขาจะขึ้นอยู่กับระดับพลังบ่มเพาะที่สูงขึ้นเท่านั้น ไม่ค่อยมีใครสนใจขัดเกลาวิญญาณโดยตรงเสียเท่าไหร่
กล่าวคือหากต้องปะทะกับกู่ต้าวอี้ บางทีต่อให้พวกเขานับร้อยร่วมมือกันก็อาจจะถูกทักษะกระบี่เมื่อครู่ทำลายดวงวิญญาณจนเหลือทิ้งไว้เพียงกายหยาบที่ว่างเปล่า
“เห้อ หมอนั่นเป็นสุดยอดอัจฉริยะแท้ๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะต้องมาตายแบบนี้”
“ราชาอันดับหนึ่งมีเพียงคนเดียวก็พอ!”
“ช่างน่าเสียดาย”
“เดี๋ยวก่อน! ถ้าหลิงฮันตายไปแล้วจริงๆ ไม่ใช่ว่าแผ่นหินของเขาจะถูกถูกดูดไปหาแผ่นหินของกู่ต้าวอี้หรอกรึ?” ใครบางคนอุทาน
ฮึ่ม!
ทุกคนดวงตาเปิดกว้างก่อนจะจ้องมองไปยังแผ่นหินที่หลิงฮันเคยยืนอยู่
อะไรกัน อย่าบอกนะว่าหมอนั่นยังไม่ตาย?