ตันจิงอี่เขยิบมายืนข้างเนี่ยเทียนเฉิงและกล่าว “ทุกคนลงมือพร้อมกันจะไม่ทำให้การต่อสู้จบเร็วขึ้นหรอกรึ? อย่าลืมว่าพวกเราเป็นกลุ่มเดียวกัน พวกเราต้องมุ่งเน้นไปยังสถานการณ์โดยรวม!”
ติงผิงและจิ่วเยาต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่หลิงฮันแตะไหล่ของพวกเขาและเอ่ยแทรก “ตกลง พวกเราต้องมองภาพรวมเป็นสิ่งสำคัญ ครั้งหน้าข้าจะลงมือด้วย”
ตันจิงอี่กับเนี่ยเทียนเฉิงมองหน้ากัน หากพวกเขาต้องการกำจัดหลิงฮัน อย่างแรกพวกเขาต้องรู้ถึงพลังของหลิงฮันเสียก่อน การที่มีลูกศิษย์ที่แข็งแกร่งถึงสองคนได้เช่นนี้ คนเป็นอาจารย์ย่อมไม่อ่อนแอแน่นอน
ทั้งสองคนไม่อยากสร้างความอัปยศให้แก่ตนเอง ถ้าหลิงฮันแข็งแกร่งเกินไปพวกเขาก็คงต้องยอม
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยราวกับอ่านความคิดของทั้งสองคนออกทะลุปรุโปร่ง
เมื่อพบเจอศัตรูอีกครั้ง หลิงฮันก็ลงมือ เขาสะบัดนิ้วปลดปล่อยปราณดาบออกไปลวกๆ การโจมตีของเขาไม่ได้มีอำนาจทำลายล้างสูงส่งจนน่าประหลาดใจอะไรนัก
เซียนหวู่เซียนเองก็ต้องยอมจำใจเข้าร่วมต่อสู้ด้วย เพียงแต่เขายังไม่ได้ใช้ออร่าของเซียนออกมาเนื่องจากมันคือไพ่ลับที่จะใช้ในยามคับขัน
มีเพียงจักพรรดินีเท่านั้นที่ยังไม่ลงมือ แต่ด้วยเสน่ห์ที่งดงามของนางใครจะกล้าต่อว่า?
แปดร้อยฟุต… เก้าร้อยฟุต… เก้าร้อยเก้าสิบฟุต…
เมื่อมาถึงความสูงระดับนี้ยิ่งหาศัตรูได้ยากกว่าเดิม จำนวนของกลุ่มศัตรูในตอนนี้มีเพียงราวๆหนึ่งร้อยกลุ่มเท่านั้น
ทุกคนระมัดระวังยิ่งเป็นอย่างมาก ร้อยกลุ่มที่เหลืออยู่นี้โค่นศัตรูกลุ่มอื่นๆมาแล้วนับพันกลุ่ม เพราะงั้นแล้วในร้อยกลุ่มนี้ใครบ้างจะไม่แข็งแกร่ง?
หากพบเจอศัตรูสุดแกร่งและพ่ายแพ้ทุกคนก็ต้องลงไปเริ่มต้มใหม่จากระดับล่างสุด
“ลุย!”
หลังจากสถานการณ์สงบนิ่งอยู่ชั่วครู่ การต่อสู้อันยุ่งเหยิงก็เริ่มขึ้นอีกครั้ง
ในที่สุดกลุ่มของหลิงฮันก็พบเจอศัตรูที่แข็งแกร่ง ในตอนนี้ที่จักรพรรดินียังไม่ลงมือและหลิงฮันยังไม่เอาจริง กลุ่มของพวกเขากับศัตรูจึงปะทะกันอย่างตึงมือ หลังจากปะทะกันเป็นเวลาครึ่งวัน ในที่สุดกลุ่มของพวกเขาก็เป็นฝ่ายชนะ
ณ ตอนนี้ในที่สุดก็เหลือเพียงกลุ่มของราชาระดับแนวหน้า
“ซื่อเฉินเฟิง!” เป่ยหวงมองไปยังระยะที่ห่างไกลและพบเห็นกลุ่มพันธมิตรที่มีกันอยู่เจ็ดคน โดยตรงกลางได้มีรุ่นเยาว์ผมสีม่วงยืนอยู่ ที่บริเวณหัวของเขามีเขาคู่หนึ่งงอกออกมา เขาคู่นั้นไม่ได้ส่งผลให้ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว
“เมื่อไม่กี่พันปีก่อน ข้าปะทะกับเขาและพ่ายแพ้”
หลิงฮันพยักหน้า “เขาขัดเกลาพลังบ่มเพาะระดับดาราจนบรรลุขั้นสมบูรณ์!” หากมีพลังบ่มเพาะเท่ากันเป็นไปไม่ได้เลยที่เป่ยหวงจะเอาชนะอีกฝ่ายได้
“หลงเซียงเยว่!” เนี่ยเทียนเฉิงมองไปยังอีกทิศทางหนึ่ง แววตาของเขาหรี่ลงและมีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผาก
หลงเซียงเยว่คือสตรีที่งดงามคนหนึ่ง นางสวมชุดเกราะเกล็ดทองคำและสวมหมวกศีรษะมังกร ผมของนางถูกเก็บเอาไว้ในหมวกซึ่งสามารถมองเห็นได้เพียงบางส่วนเท่านั้น ท่าทางของนางดูองอาจราวกับเป็นมังกรแท้จริงที่อยู่ในรูปร่างมนุษย์
นางถือดาบหนึ่งเล่มและไม่มีพันธมิตรหรือผู้ติดตามแม้แต่คนเดียว
“เทียนเซี่ยตี้เอ้อ!” ตันจิงอี่อุทาน อีกฝ่ายเป็นราชาระดับสามอีกคนที่ยืนบนจุดสูงสุดของอัจฉริยะแห่งยุค
หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่าย เทียนเซี่ยตี้เอ้อไม่ใช่บุรุษที่หล่อเหลา เขามีร่างกายที่สูงล่ำกว่าคนทั่วไปและมีผิวดำคล้ำ ที่บริเวณแขนของเขามีขนหนางอกขึ้นมาทำให้ในแวบแรกเขาดูราวกับเป็นหมีดำ
ดูจากรูปลักษณ์ที่ไม่มีความสง่างามของเขาแล้ว หากพบเจอตามถนนคงไม่มีใครคิดว่าเขาเป็นปรมาจารย์แต่อันธพาลทั่วไป
“เหตุใดจักรพรรดินีจักรพรรดินีหล่วนซิงถึงยังไม่ปรากฏตัว?” ฉื่อหวงพึมพำ เขาไม่เคยเห็นใบหน้าของจักรพรรดินีมาก่อนแถมหลิงฮันก็ไม่ได้แนะนำชื่อของจักรพรรดินีด้วย
เป่ยหวงและพวกเนี่ยเทียนเฉิงเองก็มองหาจักรพรรดินีเช่นกันโดยที่ไม่เอะใจเลยว่าคนที่พวกเขามองหานั้นอยู่ใกล้ๆนี้เอง
‘ปัง ปัง ปัง’ หลงเซียงเยว่ลงมือ นางมุ่งเป้าไปยังพันธมิตรที่มีสิบสองคน ตราบใดที่นางจัดการทั้งสิบสองคนได้นางก็จะได้เศษแผ่นหินสิบสองชิ้นและขึ้นไปอยู่เป็นอันดับหนึ่งทันที
“ฮึ่ม ต่อให้เจ้าเป็นราชาระดับสาม แต่ก็ใช่ว่าจะไร้เทียมทานไร้คู่ต่อสู้!” กลุ่มทั้งสิบสองคนตอบโต้ พวกเขาทั้งหมดเป็นราชาระดับสองและมีการสนับสนุนจากสมบัติในมือซึ่งบางชิ้นไม่ได้ด้อยไปกว่ากิ่งลูกท้อเซียนของเนี่ยเทียนเฉิงหรือหกแก่นแท้ภูผาของตันจิงอี่
หลงเซียงเยว่สะบั้นดาบในมือ นางราวกับเป็นเทพธิดาสงครามที่ปลดปล่อยกลิ่นอายทรงพลังอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา
นางเป็นสตรีที่แข็งแกร่งมาก ทันทีที่นางลงมือเกล็ดบนเกราะทองคำของนางก็ส่องสว่าง หมวกเกราะมังกรขยับราวกับมีชีวิต รอบกายของนางปลดปล่อยอำนาจแห่งมังกรออกมาจนแม้กระทั่งจอมยุทธระดับราชาก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันอันหนักหน่วง
มังกรที่แท้จริงนั้นเป็นตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่ง มันคือสัตวเทพที่มีพลังสายเลือดแข็งแกร่งที่สุดในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
หนึ่งคนหนึ่งดาบแสดงอำนาจอันทรงพลังออกมาและกำราบพันธมิตรทั้งสิบสิงคนลงได้อย่างราบคาบ
เศษแผ่นหินสิบสองชิ้นถูกดูดมาที่นาง แผ่นหินที่นางยืนอยู่ก็ลอยสูงขึ้นและกลายเป็นคนแรกที่ผ่านยอดเขาส่วนแรกของหุบเขาเฉินเอี๋ยน
ทันใดนั้นเอง นาฬิกาทรายก็ได้ปรากฏขึ้นด้านบนของแผ่นหินสีทองและมีทรายทองคำไหลอยู่ด้านในนาฬิกาทราย
เมื่อมีคนผ่านพ้นจุดแรกไปได้แล้วจากนี้จะเป็นการแย่งชิงตำแหน่งในจุดที่สอง!
ตอนนี้หลงเซียงเยว่ไม่สามารถขึ้นไปสูงกว่านี้ได้เนื่องจากรอบข้างนางไม่มีคู่ต่อสู้
นางทำได้เพียงรอคอย
กลุ่มอื่นเริ่มทำการเข้าปะทะกัน ตอนนี้เวลาได้เริ่มนับถอยหลังแล้วพวกเขาไม่สามารถใจเย็นได้อีกต่อไป
ราชาทุกคนที่มาที่นี่ใครบ้างจะไม่มีความทะเยอทะยานขึ้นไปให้ถึงแผ่นหินสีทองด้านบนสุด?
หลังจากการต่อสู้อันดุเดือด แผ่นหินของพันธมิตรราชาที่แข็งแกร่งก็ลอยขึ้นสูงเกินยอดเขาช่วงแรก
เมื่อมาถึงจุดนี้ พันธมิตรของแต่ละกลุ่มก็ถูกแยกไปโดยปริยาย
แผ่นหินใต้เท้าของแต่ละคนเริ่มแตกร้าวและแยกออกจากกันทำให้การรวมกลุ่มไม่สามารถทำได้อีกต่อไป
หลังจากหันมองหน้ากัน เนี่ยเทียนเฉิงกับตันจิงอี่ก็ลงมือจู่โจมไปยังแผ่นหินใต้เท้าของหลิงฮันอย่างรวดเร็ว
หลังจากรอมานานในที่สุดเวลานี้ก็มาถึง!
พวกเขาทนไม่ไหวแล้วที่จะได้เห็นสีหน้าตกตะลึงของหลิงฮัน ใบหน้านั้นเมื่อเห็นแล้วจะต้องน่าพึงพอใจมากแน่นอน
หลิงฮันหันไปยังทิศทางของทั้งสองและเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์