ราชาระดับสาม!
ทุกคนอ้าปากค้างและหายใจถี่
ถึงแม้นี่จะเป็นเพียงการคาดเดาของพวกเขา แต่โอกาสที่จะเป็นจริงก็มีถึงแปด เก้าส่วน!
จะบอกว่าจูเยว่ไม่แข็งแกร่ง?
แน่นอนว่าแข็งแกร่งมาก! แต่คนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นยังถูกจักรพรรดินีซัดกระเด็น
“จะกินก้อนหินด้วยตัวเองหรือจะจะกินจากมือของข้า” จักรพรรดินีกล่าวอย่างไม่แยแส กล้ามาสงสัยในพลังของหลิงฮันย่อมเปรียบเสมือนการดูหมิ่นนาง
เหล่าคนที่พนันกับจักรพรรดินีปากกระตุกไปมา ช่างน่าอันอายยิ่งนัก นี่พวกเขาต้องกินก้อนหินต่อหน้าสาธารณะชนจริงๆรึ? ยิ่งกว่านั้นที่นี่ยังเป็นภูเขาวายุม่วงที่ทั้งก้อนหิน ต้นไม้หรือใบหญ้าล้วนแต่ได้รับผลกระทบจากอำนาจของเซียน หากกินก้อนหินของที่นี่เข้าไปพวกเขาคงย่อยมันออกมาไม่ได้แน่นอน
แต่… พวกเขาจะขัดขืนไม่ยอมกินได้รึ?
แม้แต่จูเยว่ยังถูกโค่นในหนึ่งฝ่ามือ พลังของจักรพรรดินีนั้นเทียบกับกับตัวตนระดับวารีนิรันดร์ขั้นต้น เป็นไปได้อย่างไรที่พวกเขาจะต่อต้านนางได้?
ราชาที่เหลือหัวเราะสนุกสนาน พวกเขาต้องการเห็นราชากลุ่มนี้ขายหน้า หากคนเหล่านี้หลบหนีไปเพราะทนความอัปยศไม่ไหวคู่แข่งในการเข้าร่วมสำนักละอองดาราในอีกยี่สิบปีข้างหน้าก็จะลดลง
“ข้าไม่ยอมกิน!” ใครบางคนกล่าวอย่างไม่ยินยอม “อาจารย์ของข้าคือหู่อวิ๋น ตัวตนระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด!”
หากเอาชนะไม่ได้ก็ต้องใช้อำนาจของผู้หนุนหลัง
“ข้าก็ไม่กินเช่นกัน อาจารย์ของข้าคือเซียนปี้หยวน!” ผู้หนุนหลังของราชาคนนี้แข็งแกร่งยิ่งกว่า
สีหน้าของจักรพรรดินีเปลี่ยนเป็นเย็นชา นางลงมือโดยไม่แม้แต่จะเสียเวลาครุ่นคิด ‘ฉัวะ’ แขนขาของทั้งสองคนถูกตัดขาดพร้อมกับร่างของพวกเขาร่วงลงพื้น นางไม่กล่าวอะไรและจ้องมองไปยังคนที่เหลือ
นี่คือคำขู่ ถ้าหากพวกเจ้าไม่กินสภาพของพวกเจ้าก็จะเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าจะมีตัวตนระดับวารีนิรันดร์หรือระดับสร้างสรรพสิ่งอยู่เบื้องหลังข้าก็ไม่สน
เหล่าราชาปากกระตุก สตรีผู้นี้ไม่เพียงแข็งแกร่งแต่ยังโหดเหี้ยมอีกด้วย นางไม่ไว้หน้าตัวตนระดับวารีนิรันดร์หรือระดับสร้างสรรพสิ่งทั้งนั้นและตั้งใจจะบังคับให้พวกเขากินก้อนหินท่าเดียว
ราชากลุ่มนั้นลุกขึ้นยืนและหยิบก้อนหินขึ้นมากิน
“นะ นี่ข้าเห็นอะไรกันเนี่ย!” จอมยุทธระดับดาราคนหนึ่งที่มีปีกอยู่ด้านหลังบินมองดูสถานการณ์อยู่บนท้องฟ้า เขาขยี้ตาไปมาเนื่องจากไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่ตนเองเห็น
“พระเจ้า!”
คนที่อยู่ด้านล่างภูเขาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “เกิดอะไรขึ้นรึ?”
“เจ้าเห็นอะไร?”
“รีบๆบอกพวกข้าเร็วเข้า!”
เหล่าจอมยุทธที่ลอยอยู่บนท้องฟ้ารู้สึกราวกับจะกลายเป็นบ้า แต่ถึงอย่างไรพวกเขาก็เป็นปรมาจารย์ระดับดารา ชายชราคนหนึ่งสงบสติได้อย่างรวดเร็วและกล่าวออกไป “มีเหล่าราชากลุ่มหนึ่งพนันว่าหากพวกเขาแพ้พนันจะยอมกินก้อนหิน” เสียงของเขาสั่นเล็กน้อย
พรวด!
จอมยุทธหลายคนสำลัก กินก้อนหินงั้นรึ? พวกเขาเป็นถึงราชาเชียวนะ ศักดิ์ศรีของพวกเขาสำคัญยิ่งกว่าชีวิต ใครกันจะยอมรับความอัปยศเช่นนั้นได้?
“พวกเขาพนันอะไร แล้วพนันกับใคร?” จอมยุทธด้านล่างถามด้วยความสงสัย แต่หลังจากนั้นทันทีที่พวกเขาได้รับรู้เรื่องราวว่าหลิงฮันเอาชนะหลิวจวินเทียนได้สำเร็จ ส่วนจักรพรรดินีเองก็สามารถจัดการราชาระดับสองที่มีพลังบ่มเพาะระดับดาราขั้นสูงสุดได้ในฝ่ามือเดียว พวกเขาต่างตกอยู่ในความหวาดกลัว
พวกเขาไม่ค่อยชอบกลุ่มของหลิงฮันเท่าไหร่ แต่ใครจะไปคิดว่ากลุ่มคนเหล่านี้จะทรงพลังขนาดนี้ ไม่เพียงแค่ทั้งหกคนจะเป็นราชา แต่ในกลุ่มพวกเขายังมีหนึ่งคนเป็นราชาระดับสองและอีกคนเป็นถึงราชาระดับสาม
“พระเจ้า ข้าอยากจะบ้าตาย!”
“เห็นว่าพวกเขามาจากเขตดวงดาวบูรพาจรัสแสงที่เป็นเพียงเขตดวงดาวเล็ก”
“เจ้าจะบอกว่าเขตดวงดาวเล็กที่ไม่มีแม้แต่ตัวตนระดับวารีนิรันดร์สามารถให้กำเนิดราชาระดับสาม?”
ทุกคนอุทานด้วยความรู้สึกเหลือเชื่อ เรื่องแบบนี้ไม่ต่างอะไรจากความฝัน
ณ ด้านบนภูเขา จูเยว่ค่อยๆคลานลุกขึ้นยืน เขาตั้งใจว่าจะแอบหลบหนีไปอย่างเงียบๆเพราะไม่ต้องการกินก้อนหิน
“โอ้?” จักพรรดินีปรากฏตัวที่ด้านหน้าจูเยว่ ร่างอันงดงามของเขาปลดปล่อยแรงกดดันอันทรงพลังออกมากำราบอีกฝ่าย
ใบหน้าของจูเยว่ซีดเผือด “เทพธิดา ข้าเป็นถึงราชาระดับสอง ต่อให้ไม่สามารถบรรลุราชาระดับสามได้ แต่หากข้าทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์พลังต่อสู้ของข้าย่อมไม่ต่างกับเจ้า เพราะงั้นแล้วอย่าได้บังคับข้…”
เพี๊ยะ!
จักรพรรดินีตบเข้าที่ใบหน้าของจูเยว่ ร่างของอีกฝ่ายกระเด็นพร้อมกับพ่นฟันที่แตกหักออก นางหันหน้าไปยังทิศทางหนึ่งแลพกล่าว “สตรีนกอมตะ นำเชือกกับแท่งไม้ออกมา”
“ได้เลยพี่สาว!” สตรีนกอมตะรีบทำตาม สตรีทั้งสองจับจูเยว่มัดกับท่อนไม้และผนึกพลังบ่มเพาะของอีกฝ่าย
ครั้งนี้เขาถูกทำให้อัปยศอย่างแท้จริง
เหล่าราชาที่กำลังกินก้อนหินอยู่เมื่อมองไปยังสภาพของจูเยว่พวกเขาก็รีบเปลี่ยนท่าทีมากินก้อนหินอย่างจริงจังราวกับว่าหินที่มีอำนาจของเซียนอัดแน่นอยู่นี้เป็นอาหารแสนอร่อย
จักรพรรดิพิรุณหัวเราะและกล่าว “ใครต้องการแลกเปลี่ยนวรยุทธกับข้าบ้าง?” เขาจงใจปลดปล่อยดวงดาราสี่ดวงออกมาเพื่อบ่งบอกถึงพลังบ่มเพาะของตนเอง เขาต้องการหลีกเลี่ยงการต่อสู้อันแสนน่าเบื่องกับราชาระดับดาราขั้นสูงหรือขั้นกลาง
“ข้าขอเป็นคนแลกเปลี่ยนวรยุทธกับเจ้า!” รุ่นเยาว์ชุดม่วงคนหนึ่งก้าวเดินออกมา ผิวหนังของเขาถูกปกคลุมไว้ด้วยเกล็ดที่ดูราวกับโลหะชั้นเลิศ ออร่าอันเย็นยะเยือกถูกปลดปล่อยออกมารอบกายของเขา
กลุ่มของหลิงฮันโอ้อวดเกินไป ตอนแรกก็เป็นหลิวจวินเทียนที่พ่ายแพ้ ต่อมาก็เป็นจูเยว่ ดังนั้นทุกคนจึงได้มองกลุ่มของหลิงฮันเป็นศัตรู ความคิดของเหล่าราชาคือต่อให้ไม่สามารถโค่นหลิงฮันกับจักรพรรดินี แต่ขอแค่สั่งสอนคนอื่นได้ก็เพียงพอ
ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นี้เองก็เป็นจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุด ดวงดาราสี่ดวงที่มีขนาดเท่ากันด้านหลังเป็นตัวบ่งบอกว่าเขานั้นบรรลุชั้นสูงสุดของระดับดาราขั้นสูงสุดแล้ว
“เริ่มได้!” จักรพรรดิพิรุณพุ่งทะยานพร้อมกับปล่อยหมัด
ปัง! ปัง! ปัง!
ชายคนนี้ไม่อาจดูถูกได้ ถึงแม้เขาจะเป็นราชาระดับหนึ่ง แต่จักรพรรดิพิรุณก็ยังไม่ได้ขัดเกลาพลังบ่มเพาะระดับดาราให้บรรลุขั้นสมบูรณ์ดังนั้นความต่างของทั้งสองจึงมีไม่มาก ยิ่งกว่านั้นเกล็ดเงินของอีกฝ่ายก็ยังมีความสามารถในการป้องกันที่ยอดเยี่ยมทำให้สามารถเมินเฉยการโจมตีของจักรพรรดิพิรุณได้หลายครั้ง
นี่คือข้อได้เปรียบทางสายเลือด
แต่มันก็เท่านั้น สายเลือดที่สืบทอดมาตั้งแต่ยุคบรรพกาล อำนาจของมันจะหลงเหลืออยู่มากเท่าใดกัน?
ผ่านไปสามสิบเจ็ดหมัดจักรพรรดิพิรุณก็เอาชนะชายคนนี้ได้ เกล็ดบนร่างของเขาจำนวนหนึ่งร่วงหล่นลงพื้น
“ไม่จริง หมอนั่นก็เป็นราชาระดับสองอีกคน?”
“พระเจ้า เหตุใดถึงได้มีราชาระดับสูงอยู่ในเขตดวงดาวเล็กเช่นนั้นมากมายเพียงนี้?”
“อย่าบอกนะว่าคนอื่นๆที่เหลือก็เป็นราชาระดับสองด้วย!”
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าจะเป็นเช่นนั้น!”
ราชาคนอื่นๆไม่อาจยอมรับได้ เมื่อใดกันที่ราชาระดับสองมีจำนวนเกลื่อนกลาดเช่นนี้? ในอดีตที่สำนักละอองดาราเคยรับศิษย์มา จำนวนของราชาระดับสองที่นำมารวมกันมีเพียงยี่สิบคนเท่านั้น แต่ตอนนี้กลับมีราชาระดับที่ว่ามากมายปรากฏตัวที่นี่ แถมยังมีคนหนึ่งเป็นราชาระดับสามอีกด้วย