ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์อันกว้างใหญ่ เซียนคือตัวตนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ดังนั้นต่อให้หลิงฮันจะหยิ่งทะนงตนขนาดไหนเขาก็ต้องยอมไว้หน้าอีกฝ่าย เพียงแค่หากเขามีพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่าเท่านั้นเขาถึงจะทุกอย่างตามใจปรารถนาโดยไม่ต้องไว้หน้าเซียน
พลัง… ทุกคนล้วนแต่ขึ้นอยู่กับพลัง
ทุกคนกลายเป็นนิ่งเงียบ ในหมู่ราชาที่อยู่ที่นี่ถึงแม้หลิวจวินเทียนจะไม่ใช่คนที่มีพลังบ่มเพาะสูงที่สุด แต่หลิวจวินเทียนหนึ่งในราชาระดับสองที่มีอยู่น้อยนิด ซึ่งหมายความว่าในระดับพลังเดียวกันเขาคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด เพียงแต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหลิงฮัน หลิวจวินเทียนผู้นั้นกลับเกือบจะพ่ายแพ้อย่างราบคาบ แสดงให้เห็นว่าหลิงฮันนั้นน่ากลัวขนาดไหน
ชายคนนี้แข็งแกร่งเกินไป
หลิวจวินเทียนลุกขึ้นยืนด้วยสีหน้าอัปยศ
หลิวจวินเทียนรู้ว่าเซียนเหรินเติงทิ้งเจตจำนงเอาไว้ในร่างของเขาเพื่อเป็นการช่วยชีวิตเขาในยามวิกฤต แต่แท้จริงแล้วเจตจำนงที่ว่านี้เป็นทั้งการคุ้มครองและการทดสอบว่าเมื่อเขาเข้าร่วมสำนักละอองดาราแล้ว เจตจำนงจะยังคงอยู่เหมือนเดิมหรือไม่
หากเจตจำนงหายไปนั่นหมายถึงเขาได้ทำให้เซียนเหรินเติงผิดหวังและเขาได้ตายไปแล้วหนึ่งครั้ง
“อีกยี่สิบปี หลังจากเข้าร่วมสำนักละอองดาราแล้วข้าจะกลับมาจัดการเจ้า!” เมื่อหลิวจวินเทียนกล่าวประโยคนี้จบเขาก็จากไป
เขาตัดสินใจล่าถอยไปฝึกฝนทันที อีกยี่สิบปีข้างหน้าเขาจะต้องชำระล้างมลทินของตัวเองให้ได้
ข้าคือหลิวจวินเทียน ราชาในหมู่ราชา!
หลิงฮันส่ายหัว ในด้านของการต่อสู้ระดับพลังเดียวกัน หลิวจวินเทียนไม่ได้ยอดเยี่ยมไม่กว่าฉือหวงหรือเป่ยหวง หากให้พูดแล้วฉื้อหวงจี่่ยังแข็งแกร่งแกร่งกว่าหลิวจวินเทียนเสียด้วยซ้ำ
ร่างของจักรพรรดินีลุกยืนขึ้นและชี้นิ้ว “เจ้า เจ้า เจ้า เจ้าและเจ้า…” นางชี้นิ้วไปยังราชาเรียงคน “จงกินก้อนหินซะ”
เหล่าคนที่ถูกชี้สะดุ้งทันที พวกเขาเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าพวกเขาจะกินก้อนหินถ้าหากหลิงฮันชนะ… แต่ใครจะไปคิดกันว่าหลิงฮันจะเป็นฝ่ายชนะจริงๆ?
หาต้องกินก้อนหินต่อหน้าสาธารณะชน ไม่ใช่ว่าหน้าของพวกเขาคงแหลกไม่มีเหลือหรอกรึ?
พวกเขาทุกคนนิ่งเงียบ เพราะไม่ว่าอย่างไรที่นี่ก็มีราชาอยู่มากมาย หากทุกคนไม่ยอมทำตาม จักรพรรดินีจะทำอะไรได้?
จักรพรรดิปลดปล่อยจิตสังหารออกมา นางเป็นสตรีแกร่งที่ครองบัลลังก์จักรพรรดินีมาเป็นเวลานับล้านปี ข้าเป็นผู้ปกครองสรรพสิ่ง พวกเจ้าบังอาจไม่ยอมเชื่อฟังงั้นรึ?
นางไม่รังเกียจที่จะสังหารราชาเหล่านี้
“เหอๆ เทพธิดา เจ้ามาพนันกับข้าบ้างเป็นอย่างไร?” ชายคนหนึ่งก้าวออกมา ที่หน้าผากของเขามีรอยขีดสีขาวสามขีดประดับเอาไว้ซึ่งไม่ได้ทำให้เสน่ห์ของเขาลดลงไปเลย กลับกันมันช่วยทำให้เขาดูน่าดึงดูดมากขึ้นด้วยซ้ำ
เขาเป็นชายหนุ่มที่หล่อเหลาเป็นอย่างมาก
“ข้าขอท้าประลองกับเจ้า หากเจ้าชนะข้าจะทำให้คนเหล่านี้ยอมกินหินแต่โดยดี!” เขากล่าวยด้วยน้ำเสียงมั่นใจ
เหล่าราชานับสิบคนที่พนันกับจักรพรรดินีเกรี้ยวกราดทันที หากพวกเขานับสินคนร่วมมือกัน ในหมู่จอมยุทธระดับดาราใครจะต้านทานพวกเขาได้? แต่เจ้ากลับบอกว่าจะทำให้พวกข้ายอมกินก้อนหินแต่โดยดีรึ เจ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?
“ชื่อของข้าคือ จูเยว่” ชายคนนั้นจ้องมองไปยังจักรพรรดินีซึ่งยากมากที่จะปกปิดความหลงไหลที่ปรากฏอยู่ในแววตาของเขา
“หากข้าชนะ…” เขายิ้มเล็กน้อย “เทพธิดาจะต้องเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงให้ข้าเห็น”
จักรพรรดินเกรี้ยวกราด เงาของอสรพิษมหึมาปรากฏขึ้นด้านหลังของนาง มันคืออสรพิษที่มีเขาหนึ่งเขาประดับเอาไว้ที่หัวราวกับเป็นมังกรแท้จริง “หากเจ้าแพ้เจ้าต้องกินก้อนหินเข้าไปด้วย!”
จูเยว่หัวเราะและกล่าว “ตกลง!” ในขณะเดียวกันเบื้องหลังของเขาได้มีดวงดาราปรากฏออกมาทีละดวงจนถึงสี่ดวง ดวงดาราแต่ละดวงมีขนาดเท่ากัน
ระดับดาราขั้นสมบูรณ์!
เขากล่าวอย่างองอาจ “ข้าขัดเกลาระดับพลังจนบรรลุขั้นสมบูรณ์ในระดับภูผาวารีและระดับสุริยันจันทรา ยิ่งกว่านั้นพลังบ่มเพาะของข้าในตอนนี้ก็คือระดับดาราขั้นสูงสุด ใครจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าได้!”
เมื่อจูเยว่กล่าวออกมาเช่นนี้ทุกคนก็มีสีหน้ามืดมน
อะไรกัน มีราชาระดับสองปรากฏตัวอีกคนแล้ว?
ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมจูเยว่ถึงกล่าวอย่างมั่นใจขนาดนั้น ราชาระดับสองที่มีพลังบ่มเพาะระดับดาราขั้นสูงสุดจะยังมีใครในระดับดาราที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อีก? หากต้องการเอาชนะจูเยว่คู่ต่อสู้จำเป็นต้องมีพลังของราชาระดับสาม แต่นั่นจะเป็นไปได้รึ? ในหมู่จอมยุทธที่บรรลุเป็นเซียนนั้นแทบจะไม่มีจอมยุทธคนไหนเลยที่เป็นราชาระดับสาม
มีคำกล่าวว่าศิษย์ทั้งเก้าของเซียนซิงฉานั้นล้วนแต่เป็นราชาระดับสอง
จูเยว่มั่นใจเป็นอย่างมาก ที่จริงแล้วเขาไม่ได้อยากแสดงพลังของตนเองออกมาเท่าไหร่ แต่เสน่ห์อันเย้ายวนของจักรพรรดินีได้ทำให้เขาเปลี่ยนใจ
‘ปัง!’
จักรพรรดินีลงมือ ฝ่ามือของนางถูกกระแทกออกไป พลังทำลายที่ปลดปล่อยออกมาจากฝ่ามือนั้นราวกับจะทำให้จักรวาลล่มสลาย
จูเยว่เปลี่ยนสีหน้า พลังของฝ่ามือนี้น่าสะพรึงกลัวเกินไป โลหิตในร่างของเขาหยุดนิ่งด้วยความรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่าง ความรู้สึกหวาดกลัวผุดขึ้นมาในจิตใจของเขาราวกับตนเองกำลังจะถูกส่งเข้าประตูยมโลก
เขาพยายามต่อต้านฝ่ามือที่พุ่งเข้ามา แต่พลังทำร้ายที่ไม่อาจหยุดยั้งได้โหมกระหน่ำเข้าใส่จนร่างของเขาลอยกระเด็นราวกับว่าวเชือกขาด
‘ตุบ’ ร่างของเขาร่วงหล่นจากท้องฟ้าและกระแทกใส่พื้นอย่างรุนแรง
อะไรกัน!
เหล่าผู้ชมกลายเป็นนิ่งเงียบไร้คำพูด เสียงที่ดังออกมามีเพียงเสียงสูดหายใจรุนแรงที่เกิดจากความตกตะลึง
จูเยว่เป็นถึงราชาระดับสองที่มีพลังบ่มเพาะระดับดาราขั้นสูงสุด เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะถูกโจมตีจนร่างกระเด็นด้วยฝ่ามือเพียงฝ่ามือเดียว?
สตรีผู้นี้… คือจอมยุทธระดับดาราขั้นสมบูรณ์!
ต่อให้จอมยุทธผู้หนึ่งขัดเกลาระดับพลังของภูผาวารีและสุริยันจันทราจนบรรลุขั้นสมบูรณ์ แต่หากต้องปะทะกับคู่ต่อสู้ระดับดาราที่บรรลุขั้นสมบูรณ์ล่ะก็ จอมยุทธผู้นั้นก็ทำได้เพียงยอมรับความพ่ายแพ้ต่อให้คู่ต่อสู้จะไม่ได้ขัดเกลาระดับพลังของภูผาวารีและสุริยันจันทราจนบรรลุขั้นสมบูรณ์ก็ตาม นอกเสียจากว่าจอมยุทธผู้นั้นจะทะลวงผ่านไปยังระดับวารีนิรันดร์ถึงจะมีพลังที่เหนือกว่า
ยิ่งระดับพลังสูงขึ้นก็ยังขัดเกลาพลังให้บรรลุขั้นสมบูรณ์ได้ยากขึ้น ราชาส่วนใหญ่สามารถบรรลุขั้นสมบูรณ์ได้เพียงในระดับภูผาวารีเท่านั้น ดังนั้นราชาระดับสองจึงมีจำนวนน้อยมาก ส่วนราชาระดับสามนั้น… ในเขตดวงดาวนับร้อยเขตอันใกล้เคียงนี้มีเพียงเซียนซิงฉาเพียงคนเดียวเท่านั้น
แต่ถ้าหากขัดเกลาพลังบ่มเพาะจนบรรลุขั้นสมบูรณ์ในระดับดาราได้ สตรีผู้นี้ก็สมควรบรรลุขั้นสมบูรณ์ในระดับภูผาวารีและสุริยันจันทราเช่นเดียวกัน
ราชาระดับสาม!