จักรพรรดิโจ้วเทียนเกรี้ยวกราด ตั้งแต่เกิดมาเขาเคยโดนดูถูกขนาดนี้ด้วย?
“รนหาที่ตาย!” เขาพยายามระงับความโกรธ ‘ครืนน’ ออร่าที่ปลดปล่อยออกมาจากทั่วร่างของเขาเปลี่ยนสภาพกลายเป็นเพลิงที่ล่องลอยอยู่กลางอากาศก่อนจะค่อยปรากฏเป็นรูปร่างของสัตว์อสูรที่มีทั้ง มังกรเพลิง วิหคเพลิงและกิเลนเพลิง
“เข้ามา!” หลิงฮันกวัดมือท้าทาย “เชื่อหรือไม่ว่าหากข้ามีเวลาสักหนึ่งพันปี ข้าจะบดขยี้เจ้าได้อย่างราบคาบ! แต่ต่อให้ไม่ต้องรอนานขนาดนั้น แค่ภรรยาของข้ากลับออกมานางก็สามารถสังหารเจ้าได้อย่างง่ายดาย”
“ฮึ่ม!” จักรพรรดิโจ้วเทียนลงมือ
การโจมตีนี้ไม่เหมือนที่ผ่านมา จักรพรรดิโจ้วเทียนไม่ได้เป็นเพียงจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด แต่ยังเป็นถึงอัจฉริยะสี่ดาว และด้วยสถานะผู้นำแห่งจักรวรรดิ หากจักรวรรดิไม่ล่มสลายและร่างกายของเขาสามารถรับไหว เขาจะสามารถดึงอำนาจแห่งจักรภพมาใช้ได้อย่างไม่มีขีดจำกัด
ด้วยอำนาจแห่งจักรภพพลังต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นอีกสองดาวจากสี่!
หลิงฮันจะต้านทานพลังโจมตีที่แข็งแกร่งแบบนี้ได้ไหว?
ต่อให้หลิงฮันใช้อำนาจของAnchorกาลเวลาแปรผันพันปี ร่างของเขาก็ยังถูกซัดจนกระเด็นไปกระแทกกับประตูหิน ร่างของเขาปรากฏบาดแผลนับไม่ถ้วนจนร่างถูกย้อมไปด้วยโลหิต
“พลังเพียงเท่านี้ยังกล้าคิดชั่วร้ายกับภรรยาของข้า? ระยะเวลาหลายล้านปีที่เจ้าบ่มเพาะพลังมาทำให้เจ้าแข็งแกร่งได้เพียงเท่านี้?” หลิงฮันยังคงสบถคำด่าออกไปไม่หยุด
แม้จักรพรรดิโจ้วเทียนจะโมโหแต่เขาก็ยังตกตะลึง หลิงฮันเป็นเพียงระดับดาราขั้นกลางเท่านั้นแต่กลับแข็งแกร่งขนาดนี้ หากมีเวลาอีกสักหน่อย หลิงฮันไม่จำเป็นต้องบรรลุระดับระดับดาราขั้นสูงสุด ขอแค่อีกฝ่ายบรรลุระดับดาราขั้นสูงได้ เกรงว่าในหมู่จอมยุทธระดับดาราด้วยกันก็คงไม่มีใครสามารถสังหารเขาได้แล้ว
รุ่นเยาว์ผู้นี้… ไม่อาจปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไป!
“ฮ่าๆ ขอข้าร่วมวงด้วย!” จักรพรรดิปี้ลั่วหัวเราะและปล่อยหมัดออกไปในเวลาเดียวกัน มังกรวารีปรากฏออกมาจากคลื่นหมัดและพุ่งทะยานเข้าใส่หลิงฮันทันที
‘ครืนนน’ เสียงของคลื่นวารีดังก้องไปนภา พลังของมันน่าสะพรึงกลัวมาก
จักรพรรดิทั้งสองร่วมมือกันเพียงเพื่อต้องการกำจัดรุ่นเยาว์เพียงคนเดียว?
ช่างไร้ยางอายนัก!
แต่ใครจะกล้าพูดอะไร? ด้วยสถานะของพวกเขา จำเป็นด้วยรึที่ต้องเก็บความคิดของผู้อื่นมาใส่ใจ? อย่าแต่ร่วมมือกันกำจัดจอมยุทธระดับดารากันกลางเลย หากพวกเขาร่วมมือกันกำจัดจอมยุทธระดับภูผาวารี ใครจะตำหนิอะไรพวกเขา?
แล้วทีนี้หลิงฮันจะต้านไหวรึไม่?
หลิงฮันนำเม็ดยาเพลิงลอยล่องจำนวนมากออกมา ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ เขาสะบัดมือโยนเม็ดยาใส่การโจมตีที่พุ่งเข้ามา
ตูม! ตูม! ตูม! ตูม!
เสียงระเบิดดังก้องกังวานอย่างต่อเนื่อง ทุกๆคนหวาดกลัวจนขาสั่น พลังทำลายเช่นนี้ไม่ได้อยู่ในระดับดาราขั้นกลางอีกต่อไป คลื่นระเบิดนับร้อยซ้อนทับกันจนพลังทำลายล้างทะยานขึ้นสูงเสียดฟ้า
หลิงฮันใช้กาลเวลาแปรผันพันปีอีกครั้งและสลายพลังโจมตีของจักรพรรดิทั้งสองได้ในที่สุด
หลังจากได้เห็นพลังทำลายที่เกิดขึ้น ทุกคนต่างอ้าปากค้างไม่หุบ ต่อให้พวกเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับดารา สิ่งที่พวกเขาเห็นก็น่าตกตะลึงเกินไป
จักรพรรดิทั้งสองร่วมมือโจมตีพร้อมกันก็ยังล้มเพลวในการกำจัดหลิงฮัน การโจมตีของทั้งสองถูกสลายไปอย่างสมบูรณ์!
ไม่ว่าหลิงฮันจะใช้พลังจากสิ่งนอกกายหรือไม่ก็ตาม ทั่วทั้งดาวเหอหนิงดวงนี้ จักรพรรดิโจ้วเทียนกับจักรพรรดิปี้ลั่วนั้นถือว่าเป็นตัวตนอันไร้เทียมทาน เมื่อการโจมตีผสานของทั้งสองไร้ผล การต่อสู้นี้จึงทำให้ชื่อเสียงของหลิงฮันน่าเกรงขามขึ้นไปอีก
น่าเสียดายเหลือเกินที่รุ่นเยาว์อัจฉริยะเช่นนี้จะต้องมีชะตากรรมตกตายอยู่ที่นี่
“ฮึ่ม มาดูกันว่าเจ้าจะมีสมบัติแบบนั้นอยู่มากเพียงใด?” จักรพรรดิปี้ลั่วแสยะยิ้ม
“อย่างน้อยก็มากพอที่จะทำให้เจ้ากลับบ้านเก่า!” หลิงฮันสะบัดมือ เม็ดยาเพลิงลอยล่องจำนวนมากปรากฏขึ้นในมือของเขาอีกครั้ง
อะไรกัน!
จิตใจของจักรพรรดิทั้งสองสั่นสะท้าน เป็นไปได้อย่างไรที่สมบัติอันทรงพลังขนาดนั้นจะมีอยู่จำนวนมาก? นี่เจ้าไปลักลอบขโมยสมบัติมาจากสุสานของตัวตนระดับวารีนิรันดร์รึเปล่า?
แน่นอนว่าพวกเขาไม่มีทางรู้ว่านอกจากหลิงฮันจะเป็นจักรพรรดิปรุงยาแล้ว เขายังนำต้นผลเพลิงระเบิดมาปลูกเอาไว้ในหอคอยทมิฬทำให้เขาสามารถหลอมเม็ดยาเพลิงลอยล่องขึ้นมาได้จำนวนมากจนน่าอัศจรรย์
“ทุกคนลงมือ ต้องทำให้เขาใช้สมบัติทั้งหมดออกมาให้เร็วที่สุด!” จักรพรรดิโจ้วเทียนกวาดมือออกคำสั่ง ปรมาจารย์ระดับดาราทั้งหมดก็เตรียมพร้อมตั้งท่าโจมตีทันที
จักรพรรดิปี้ลั่วเองก็ออกคำสั่งแบบเดียวกัน สิ่งที่ต้องทำเป็นอย่างแรกคือสังหารหลิงฮันแล้วค่อยทำลายประตูหินไปกำราบจักรพรรดินีแห่งดารา
รวมๆแล้วฝั่งพวกเขามีจอมยุทธระดับดาราขั้นสูงสุดเก้าคน ระดับดาราขั้นสูงสิบเก้าคน ส่วนจอมยุทธระดับดาราขั้นกลางนั้นไม่จำเป็นอีกต่อไปเนื่องจากจำนวนเหลือไม่เพียงพอ ยิ่งกว่านั้นจอมยุทธระดับดาราขั้นกลางก็มีพลังไม่เพียงพอจะทำให้หลิงฮันบาดเจ็บด้วย
หลิงฮันหายใจลึก ด้วยการร่วมมือกันของปรมาจารย์จำนวนมากเช่นนี้ เม็ดยาเพลิงลอยล่องคงไม่สามารถแสดงประสิทธิภาพได้เต็มที่เท่าไหร่
“พวกเจ้ากำลังบังคับให้ข้าทางเลือกสุดท้าย?” หลิงฮันกล่าวด้วยเสียงบางเบา
“จัดการ!”
จอมยุทธของทั้งสองจักรวรรดิลงมือจู่โจม ด้วยการร่วมมือกันของปรมาจารย์จำนวนมากเช่นนี้พวกเขาไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวหลิงฮัน
“ฮึ่ม พวกเจ้าแต่ละคนอย่าร้องไห้ทีหลังแล้วกัน!” หลิงฮันยกมือขวาขึ้นและโยนร่างของใครบางคนออกมา
“ข้าจะสั่งสอนเจ้า!” ร่างที่ถูกโยนออกมาไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเซียนหวู่เซียงที่กำลังเกรี้ยวกราด อีกไม่นานเขาก็จะทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราได้อยู่แล้วแต่กลับถูกโยนออกมานอกหอคอยทมิฬกะทันหัน
แต่ทันใดนั้นเองปากของเขาก็ต้องกระตุก
เจ้าหนูคนนี้เป็นดวงดาวแห่งหายนะโดยแท้จริง นี่เจ้ามายุ่งเกี่ยวกับปัญหาใดอีกแล้ว?
หากเป็นในชีวิตก่อนเขาคงไม่แยแสจอมยุทธระดับดารามาอยู่ในสายตา แต่ตอนนี้พลังของเขาทำได้เพียงข่มขู่เท่านั้น! หากต้องสู้จริงๆเขาคงหนีไม่พ้นความตาย
“รนหาที่ตาย!” แต่ถึงอย่างนั้นเซียนหวู่เซียงก็ยังเค้นเสียงคำราม ออร่าของตัวตนระดับสร้างสรรพสิ่งถูกปลดปล่อยออกมาจากร่างกายเขา
อะไรกัน!
เหล่าปรมาจารย์ระดับดารายั้งมือทันที ใบหน้าของพวกเขาเผยให้เห็นถึงความตะลึงเนื่องจากออร่าของอีกฝ่าย… แข็งแกร่ง! แข็งแกร่งเกินกว่าที่พวกเขาจะที่พวกเขาจะจินตนาการ หากอีกฝ่ายคิดจะลงมือโจมตี พวกเขาคงไม่ทางต้านทานได้แม้เพียงเสี้ยววินาที
ระดับวารีนิรันดร์ ต้องเป็นปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ไม่ผิดแน่
พริบตาเดียวทุกคนก็ตกอยู่ในความหวาดกลัวและไม่สังเกตเลยว่าเซียนหวู่เซียงนั้นแข็งแกร่งเพียงเปลือกนอก
“คารวะผู้อาวุโส!” ไม่ว่าจะจักรพรรดิโจ้วเทียนหรือจักรพรรดิปี้ลั่ว ทุกคนล้วนแสดงท่าทียำเกรง ออร่าของอีกฝ่ายนั้นเป็นระดับที่อยู่เหนือระดับดาราแน่นอน
เซียนหวู่เซียงทำสีหน้านิ่งเฉยและกล่าว “รุ่นเยาว์ผู้นี้มีความเกี่ยวข้องกับข้า พวกเจ้าคิดจะสร้างปัญหาให้แก้เขา?”
ทุกคนชะงักแน่นิ่ง ไม่น่าแปลกใจที่ทำไมพลังบ่มเพาะของหลิงฮันถึงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นนี้ ที่แท้เขาก็มีปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์คอยชี้แนะอยู่นี้เอง พวกเขาทุกคนต่างรู้สึกอิจฉาริษยา หากพวกเขามีปรมาจารย์เช่นนั้นอยู่เบื้องหลังบ้างล่ะก็…
แต่หากหลิงฮันมีปรมาจารย์เช่นนี้คอยหนุนหลังอยู่ ทำไมหลิงฮันต้องมัวเสียเวลาต่อสู้กับพวกเขาอยู่นานสองนาน?
ทั้งจักรพรรดิโจ้วเทียนและจักรพรรดิปี้ลั่วขมวดคิ้วพร้อมกัน เมื่อครู่พวกเขาหวาดกลัวต่อออร่าของเซียนหวู่เซียง แต่ในไม่ช้าพวกเขาก็พบว่ามีบ้างอย่างไม่ถูกต้อง
เพียงแต่ว่าออร่าของปรมาจารย์ที่อยู่เบื้องหน้าพวกเขานั้นทรงพลังเกินกว่าจะจินตนาการ
แม้จะสงสัยทั้งสองคนก็ไม่กล้าโจมตี
แต่ที่พวกเขาสงสัยก็ไม่ได้ผิด ตัวตนระดับสุริยันจันทรานั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก ต่อให้พวกเขาเป็นผู้นำจักรวรรดิอีกฝ่ายก็สามารถสังหารพวกเขาได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ
“ผู้อาวุโสโปรดเมตตา!” จักรพรรดิโจ้วเทียนกล่าวในขณะที่กำลังสังเกตเซียนหวู่เวียง
พวกเขาบุกรุกมาจนถึงจุดนี้แล้ว เซียนหวู่เซียงกลับยังไม่สังหารพวกเขาแต่เลือกที่จะกล่าวข่มขู่แทน นี่มันจะไม่น่าสงสัยรึไง?
จอมยุทธที่ใจกว้างขนาดนั้นจะมีอยู่ได้อย่างไร?
เซียนหวู่เซียงมีแววตาที่เฉียบแหลม แน่นอนว่าเขาย่อมมองเห็นว่าจักรพรรดิโจ้วเทียนและคนอื่นๆกำลังรู้สึกสงสัย เขาเค้นเสียงและปลดปล่อยออร่าที่รุนแรงกว่าเดิมออกมา แรงกดดันของออร่านี้หนักหน่วงราวกับถูกภูเขาหล่นทับ