ในความคิดของหลิงฮัน ตำหนักเป่าหลินเพียงยึดครองที่นี่แต่พวกเขาไม่ใช่เจ้าของ อย่างเช่นหากพวกเขาต้องการเก็บเกี่ยวสมุนไพรที่พี่ พวกเขาก็ต้องหลีกเลี่ยงหุ่นเชิด แต่ถ้าหากเป็นเจ้าที่แท้จริงพวกเขาจำเป็นต้องทำเช่นนั้นรึ?
“และสำหรับข้า หุ่นเชิดก็เหมือนของขวัญที่ฟ้าประทานให้” หลิงฮันจ้องมองไปยังหุ่นเชิดรูปร่างมนุษย์ใต้ต้นเก้ามรกตหยกม่วงพร้อมกับเผยรอยยิ้ม
หุ่นเชิดนั้นไม่มีสติปัญญา ดังนั้นเขาจึงสามารถนำพวกมันเข้าไปยังหอคอยทมิฬได้อย่างง่ายดาย ต่อให้พวกมันมีพลังระดับสร้างสรรพสิ่งแต่หากไร้ความนึกคิดก็ไม่อาจต่อต้านหอคอยทมิฬได้
หลิงฮันเหาะลงไปยังเก้ามรกตหยกม่วง
หุ่นเชิดที่กำลังดูแลต้นสมุนไพรตื่นตัวทันที พวกมันพุ่งโจมตีหลิงฮันด้วยความเร็วสูง
หลิงฮันยังไม่นำพวกมันเข้าไปในยังหอคอยทมิฬแต่เลือกที่จะทดสอบพลังของพวกมันก่อน
ปัง!
ร่างหลิงฮันถูกส่งลอยกระเด็น กายหยาบของเขาได้รับบาดเจ็บจนเสื้อผ้าบางจุดถูกย้อมด้วยโลหิต
แข็งแกร่ง!
หลิงฮันกล่าวในใจ พลังของหุ่นเชิดเทียบเท่าระดับดาราขั้นสูงสุด ดังนั้นจึงไม่แปลกที่พวกมันจะทำให้เขาบาดเจ็บได้ เมื่อครู่ที่ถูกโจมตี เขารู้สึกว่ากระดูกในร่างเกิดการสั่นสะเทือนจะเกือบจะแตกหัก
แน่นอนว่าหุ่นเชิดที่ไม่มีความคิดย่อมไม่ลังเล มันพุ่งทะยานต่อโดยหวังจะโจมตีสังหารหลิงฮัน
“พอแค่นั้น!” หลิงฮันสะบัดมือชี้นำสัมผัสสวรรค์ให้โอบล้อมร่างของหุ่นเชิด ‘พรึบ’ หุ่นเชิดตรงหน้าหายไปทันที
ภายในหอคอยทมิฬ หลิงฮันคือพระเจ้าที่แท้จริง
เขาแยกชิ้นส่วนหุ่นเชิดได้อย่างง่ายดาย เขาตื่นเต้นเป็นอย่างมากเมื่อพบว่าเกินกว่าเจ็ดในสิบส่วนของหุ่นเชิดนั้นถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์
แร่โลหะศักดิ์สิทธิ์จำนวนมาก!
หลิงฮันตัดสินใจว่าต่อให้เขาเก็บเกี่ยวเม็ดยาใดๆไม่ได้เลย เขาก็จะขโมยหุ่นเชิดที่สร้างขึ้นจากแร่โลหะระดับแปดทุกตัวไปให้หมดเพื่อนำไปยกระดับให้ดาบอสูรนิรันดร์
แต่สิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้คือการถอนรากเก็บเกี่ยวต้นเก้ามรกตหยกม่วง
ขั้นตอนไม่มีอะไรซับซ้อน หลิงฮัยใช้มือแทนพลั่ว ด้วยพลังอันมหาศาลของเขาทำให้สามารถขุดดินยกต้นเก้ามรกตหยกม่วงใส่เข้าไปในหอคอยทมิฬได้อย่างง่ายดาย ทันทีที่ต้นสมุนไพรนี้ถูกปลูกในหอคอยทมิก็เท่ากับว่ามันเป็นของเขาแล้ว
“เอาล่ะ ออกสำรวจต่อ!” หลิงฮันตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้ยกระดับให้กับดาบอสูรนิรันดร์
หลิงฮันมุ่งหน้าต่อ ยิ่งที่ไหนมีแปลงสมุนไพรมากที่นั่นก็ต้องมีหุ่นเชิดมากเช่นกัน
หลิงฮันไม่ได้ขโมยหุ่นเชิดไปทั้งหมดโดยสนอะไรเลย เขาจะทดสอบก่อนว่าพลังของหุ่นเชิดเทียบเท่าระดับดาราหรือไม่ หากเท่าก็หมายความว่ามันถูกสร้างขึ้นจากแร่โลหะระดับเก้า แต่ถ้าไม่ใช่ระดับดาราก็แสดงว่าพวกมันไม่ได้ถูกสร้างจากแร่โลหะระดับเก้าซึ่งเขาจะปล่อยพวกมันไปให้ดูแลสมุนไพรที่นี่ต่อ
นี่ถือว่าเป็นการไว้หน้าหลินอวีฉี เป็นเพราะอีกฝ่ายเขาถึงมีโอกาสเข้ามายังที่นี่ บุญคุณครั้งนี้เขาไม่มีทางลืม
ยิ่งกว่านั้นหากหุ่นเชิดระดับดาราจะคุ้มกันสมุนไพรสักชนิด สมุนไพรที่ว่าก็ต้องเป็นสมุนไพรระดับแปดขึ้นไปซึ่งถือว่าหลิงฮันได้ประโยชน์ต่อเนื่อง
คนของตำหนักเป่าหลินที่เข้ามาที่นี่มีกฎเหล็กคือห้ามเก็บเกี่ยวสมุนไพรที่ยังไม่โตเต็มที่ แต่หลิงฮันไม่สนใจกฎเช่นนั้น เพราะหากเขาปลูกสมุนไพรในหอคอยทมิฬ สมุนไพรก็จะเติบโตได้เร็วและมีคุณภาพดีกว่า
ระหว่างทางเขาทั้งเก็บเกี่ยวทั้งสมุนไพรและถอดถอนชิ้นส่วนหุ่นเชิดนำแร่โลหะไปให้ดาบอสูรนิรันดร์ดูดกลืน
ด้วยการที่ว่าตระกูลทั้งสี่ครอบครองเขตแดนลี้ลับแห่งนี้มาเป็นเวลากว่าร้อยล้านปี นอกจากชั้นที่เก้าของเขตแดนแล้ว พวกเขาจึงมีแผนที่ที่บ่งบอกเกือบบริเวณของเขตแดนลี้ลับอย่างละเอียด หลิงฮันเดินทางไปตามแผนที่ เขาใช้เวลาเกือบสิบวันในการสำรวจพื้นที่ที่มีสมุนไพรล้ำค่าในชั้นที่หนึ่ง
บนแผนที่เขียนเอาไว้อย่างละเอียกว่าสมุนไพรระดับใดถูกปลูกอยู่ที่ใดรวมไปถึงระยะการเติบโตของพวกมัน
ตอนนี้เขาสำรวจพื้นที่ที่ควรค่าแก่การเก็บเกี่ยวไปหมดแล้วและเหลือเพียงขึ้นไปยังชั้นสองเท่านั้น
“ดาบอสูรนิรันดร์สมควรยกระดับเรียบร้อยแล้ว”
ด้วยแร่โลหะระดับเก้าจำนวนมากที่ดูดกลืนเข้าไป ตอนนี้ดาบอสูรนิรันดร์ได้คืนสภาพกลับไปมีขนาดดังเดิมแล้ว ตัวดาบปลดปล่อยแสงสว่างเจิดจ้าราวกับดวงตะวัน
อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบ!
หลิงฮันหัวเราะดีใจ ระดับของดาบอสูรนิรันดร์เหนือว่าระดับพลังเขาไปแล้ว แต่เนื่องจากดาบได้ถูกประทับเอาไว้ด้วยเจตจำนงของเขา แม้ระดับของมันจะถูกยกขึ้นแต่พลังอำนาจก็ไม่ได้เพิ่มสูงมากเท่าไหร่
หลิงฮันไม่สนใจอะไรนัก ดาบอสูรนิรันดร์จะแข็งแกร่งตามระดับพลังของเขา ตราบใดที่เขาบรรลุระดับดาราขั้นกลาง พลังของดาบอสูรนิรันดร์ก็จะเพิ่มขึ้น
‘ตุบ’ ร่างหนึ่งได้ปรากฏตัวและหยุดยืนอยู่ห่างจากหลิงฮันสิบฟุต
“ทิ้งดาบนั่นไว้แล้วไสหัวไป!” ชายคนนั้นกล่าวอย่างเย็นชา
เขาเป็นชายหนุ่มที่มีสีหน้ามืดมนและจับดาบในมือเอาไว้แน่นด้วยนิ้วมือเรียวบางทั้งห้า
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “เจ้ากำลังปล้นข้า?” อีกฝ่ายเป็นเพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดเท่านั้น ไม่รู้ว่าไปเอาความกล้าขนาดไหนมาปล้นชิงเขา
แต่ก็จะอย่างไรหลิงฮันในตอนนี้ก็ปกปิดออร่าตนเองเอาไว้ จอมยุทธระดับต่ำกว่าดาราไม่สามารถมองเห็นพลังบ่มเพาะของเขาได้ แถมด้วยรูปลักษณ์ที่เยาว์วัยใครจะคิดว่าหลิงฮันเป็นตัวตนระดับดารา?
“ดาบเล่มนั้น ให้เจ้าครอบครองไว้ก็เสียของเกินไป!” ชายคนนั้นกล่าวพร้อมกับมองมายังดาบอสูรนิรันดร์ด้วยแววตาที่ส่องประกาย นั่นเป็นสายตาของคนที่หลงใหลในดาบจริงๆเท่านั้น
“แล้วไปอยู่ในมือเจ้าจะไม่เสียของรึ?” หลิงฮันถาม
“ไม่!” ชายคนนั้นกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “ข้าฝึกฝนดาบมาตั้งแต่อายุห้าปี ตอนอายุสิบเจ็ดข้าได้ฉายาว่าผู้คลั่งดาบ ชีวิตของข้าดาบเพียงอย่างเดียว”
หลิงฮันวางดาบอสูรนิรันดร์ลงบนพื้นและยิ้ม “ถ้าเจ้ายกมันขึ้น เจ้าก็เอาไปได้” กล่าวเสร็จเขาก็ถอยหลังสองสามก้าวเพื่อแสดงให้เห็นว่าเขาไม่ได้วางแผนลอบโจมตีกระทันหันในระยะประชิด
ชายคนนั้นไม่รู้สึกว่าหลิงฮันยอมง่ายเดิมไป เพราะตัวเขาเป็นตัวจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดและเป็นผู้นำแห่งยุคสมัยของรุ่นเยาว์ที่อายุใกล้เคียงกัน จะหาใครมาเทียบเคียงเขานั้นเป็นสิ่งที่ยากยิ่ง
ในความคิดของเขา การที่หลิงฮันยอมง่ายๆถือว่าปกติอย่างมาก
เขาเดินเข้าไปยังดาบอสูรนิรันดร์ ‘ครืนนน’ ดาบอสูรนิรันดร์ส่องประกายอันไร้ที่สิ้นสุดราวกับเตือนว่าห้ามเข้ามาใกล้มากกว่านี้ แต่แน่นอนว่าเขาไม่หวาดหวั่น เขาปลดปล่อยเจตจำนงยุทธและเจตจำนงดาบออกมาเพื่อสยบดาบอสูรนิรันดร์
หนึ่งคนหนึ่งดาบปะทะกันอย่างดุเดือด ในที่สุดแล้วแสงสว่างของดาบอสูรนิรันดร์ก็ค่อยๆอ่อนลงราวกับไม่สามารถต้านทานชายหนุ่มคนนั้นได้
หลิงฮันตกตะลึง
เขาไม่ได้ตกใจในพลังของชายหนุ่มหรือแสงสว่างที่อ่อนจางลงของดาบอสูรนิรันดร์ ที่จริงแล้วดาบอสูรนิรันดร์ยังแสดงพลังอำนาจออกมาไม่ถึงหนึ่งในพันล้านด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่ามันกำลังหยอกล้ออีกฝ่ายอยู่!
นี่ต่างหากคือสิ่งที่หลิงฮันตกตะลึง
ดาบอสูรนิรันดร์เรียนรู้ที่จะเย้าแหย่ผู้อื่นด้วย?
ตัวดาบนั้นมีความคิดเป็นของตัวเองและฉลาดจนถึงขนาดรู้จักการหยอกล้อ
หลิงฮันจับคางด้วยความมึนงง นิสัยเช่นนี้ดาบอสูรนิรันดร์ไปเรียนรู้มาจากใคร?
เขาก็ไม่ได้มีนิสัยเช่นนั้นไม่ใช่รึ?