นิกายมังกรปฐพีเตรียมพร้อมเอาไว้แล้ว เมื่อประตูถูกเปิดออกก็มีแรงกดดันที่รุนแรงปะทุออกมาจากด้านในนิกายพร้อมกับปรากฏร่างคนมากมาย
“หลิงฮัน เจ้าจบสิ้นแล้ว!” ชายชราคนหนึ่งยืดตัวและคำราม รอบกายของเขาอบอวลไปด้วยหมอกสีดำที่ก่อตัวกันเป็นรูปร่างมังกรปฐพี
“เจ้าก็แค่เศษสวะที่นำชีวิตผู้คนมากมายมาหลอมเป็นเม็ดยา” เฟิงโปหยุนเค้นเสียงดูถูก ผมของเขาสยายออกด้วยความเกรี้ยวกราด
พลังบ่มเพาะของเขาพัฒนารวดเร็วมาก แต่ด้วยเวลาที่มีจำกัด แม้จะได้รับเม็ดยาจากหลิงฮันเขาก็เพิ่งบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงเท่านั้น
ชายชราไม่แม้แต่ชำเลืองมองเฟิงโปหยุนที่ยังไม่ทะลวงผ่านแม้แต่ระดับสุริยันจันทรา หรือต่อให้เฟิงโปหยุนบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดแล้วก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอยู่ดี
“เหอะ ต่อหน้าชายชราผู้ เจ้ามีสิทธิ์เปิดปากพูด?” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเหยียดหยาม
หลิงฮันเค้นเสียงและกล่าว “ต่อหน้าข้า เจ้ามีคุณสมบัติจะแสดงตนเป็นผู้อาวุโส?”
‘ครืนนน’ เขาปลดปล่อยกลิ่นอายอันทรงพลังเข้าใส่ชายชรา ‘ตุบ’ ร่างของชายชรากลายเป็นอ่อนแอและนั่งลงคุกเข่าทันที แต่อีกฝ่ายได้พยายามดัดกระดูกของตนเองให้ร่างล้มลงกับพื้น
แม้จะเสียหน้าไปบ้างแต่ก็ยังดีกว่าต้องให้ตนเองนั่งอยู่ในท่าคุกเข่าเป็นไหนๆ
“เจ้าคือหลิงฮันจริงๆรึ?” ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยขึ้นจากฝูงคน ใบหน้าของเขาประดับไว้ด้วยความประหลาดใจ
“ที่แท้ก็เป็นพี่ชายน่าหลัน” หลิงฮันมองไปยังอีกฝ่ายและพยักหน้าเบาๆ
ชายหนุ่มคนนั้นคือน่าหลันถูที่เป็นหนึ่งในสิบราชาระดับสวรรค์เหมือนกับเขาเมื่อหมื่นปีก่อน แต่ดูเหมือนว่าพรสวรรค์ของเขาจะไม่ยอดเยี่ยมเหมือนกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ จักรพรรดิดาบและคนอื่นๆหรือแม้แต่เจียนเยว่ซวนกับเฉินหลุยเจียง พลังบ่มเพาะของเขาในตอนนี้คือระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดเท่านั้น
ยิ่งเวลาผ่านไป พรสวรรค์ของแต่ละคนก็ถูกแบ่งแยกให้เห็นเด่นชัดขึ้น
น่าหลันถูฝืนยิ้มและกล่าว “ไม่คาดคิดว่าเจ้าจะแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้ ในอดีต… ข้าสามารถเอาชนะเจ้าได้ในหนึ่งในฝ่ามือด้วยซ้ำ”
สีหน้าของหลิงฮันเปลี่ยนเป็นมืดมน บุรุษที่แท้จริงย่อมไม่โอ้อวดความสำเร็จในอดีต แม้แต่สมัยก่อนเขาจะอ่อนแอ แต่อย่าลืมว่าเขายังมีสถานะหนึ่งคือจักรพรรดิปรุงยา ในหมู่พวกเจ้าใครบ้างที่ไม่เคยมาขอให้เขาหลอมเม็ดยาให้?
“หลิงฮัน ชายชราแนะนำให้เจ้ากลับไปในที่ที่เจ้ามาซะ นิกายมังกรปฐพีไม่ใช่สถานที่ที่เจ้าจะทำอะไรได้ตามใจชอบ!” ชายชราลุกขึ้นยืนและกล่าวกับหลิงฮันด้วยน้ำเสียงเย็นชา
หลิงฮันประหลาดใจเล็กน้อย ข่าวที่นิกายโบราณอีกสี่นิกายถูกเขาล้มล้างสมควรจะมาถึงนิกายมังกรปฐพีแล้วแท้ๆ แต่เหตุใดคนเหล่านี้ถึงยังใจเย็นอยู่ได้ คนของนิกายแต่ละคนยืนอย่างฮึกเหิมด้วยท่าทีมั่นใจอย่างมาก
พวกเขาไปเอาความมั่นใจมาจากไหน?
“โอ้ เจ้าคิดจะพึ่งพาใครงั้นรึ?” หลิมฮันถามด้วยรอยยิ้ม
“รอไม่นานเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง” ชายชราคนอีกคนหนึ่งเอ่ย
หลิงฮันไม่สนใจและกล่าว “ข้าจะให้โอกาสพวกเจ้า คนที่มีส่วนเกี่ยวกับกับการหลอมเม็ดยาด้วยโลกใบเล็กจะต้องตาย ส่วนคนที่มีพลังบ่มเพาะระดับพระเจ้าขึ้นไปจงทำลายพลังบ่มเพาะของตัวเองทิ้ง ตั้งแต่วันนี้จะไม่นิกายมังกรปฐพีอีกต่อไป”
“ข้าให้เวลาพวกเจ้าครึ่งวัน”
เมื่อกล่าวเสร็จ หลิงฮันกับคนอื่นๆก็นั่งลงที่หน้าประตูทางเข้านิกายมังกรปฐพีและนำวัตถุดิบออกมาจากหอคอยทมิฬเพื่อทำเนื้อย่างมื้อเย็น
เวลาค่อยๆผ่านไป ในขณะที่หลิงฮันกำลังนั่งกินอาหารกับทุกคน การเคลื่อนไหวทั่วทั้งนิกายมังกรปฐพีอยู่ในความเฝ้ามองของเขา ไม่ว่าจะตรวจสอบอย่างไรเขาก็ไม่พบจอมยุทธระดับดาราคนใด
หรือจะบอกว่านิกายมังกรปฐพีสามารถเรียกกำลังเสริมเป็นตัวตนระดับวารีนิรันดร์? เขาไม่เชื่อเด็ดขาด
หืม?
หลังจากเวลาผ่านไปราวๆสองชั่วโมง หลิงฮันก็พบเห็นเรือเหาะลำหนึ่งกำลังมุ่งหน้ามาทางพวกเขา เรือเหาะที่ว่านั้นมีขนาดใหญ่และเคลื่อนไหวได้รวดเร็วมาก
เขาใช้เนตรแห่งสัจธรรมมองไปยังบนท้องฟ้า เขามองเห็นเรือเหาะขนาดยักษ์ค่อยๆปรากฏเข้ามาใกล้เหนือท้องฟ้า
เรือเหาะขนาดใหญ่ที่ใกล้เข้ามาต้องเป็นเรือเหินดาราไม่ผิดแน่ แต่ตอนนี้มันถูกนำมาประยุกต์ใช้เป็นพาหนะเคลื่อนที่บนอากาศ ธงที่กางเอาไว้บนเรือเหาะมีสัญลักษณ์กงเล็บพยัคฆ์และอักษรคำว่า ‘จ้าว’ สลักเอาไว้ ธงกระพือไปมาตามสายลมและปลดปล่อยอำนาจอันทรงพลังออกมา
อักษรจ้าวต้องถูกสลักขึ้นด้วยมือของปรมาจารย์ที่แข็งแกร่งแน่นอน ด้วยเจตจำนงยุทธที่แข็งแกร่งของเขาบนตัวอักษรเพียงพอที่จะบดขยี้จอมยุทธระดับดาราให้กลายเป็นเศษซาก
หลิงฮันประหลาดใจ หรือนิกายมังกรปฐพีจะขอความช่วยเหลือจากปรมาจารย์ระดับวารีนิรันดร์ได้จริงๆ?
คำถามก็คือนิกายมังกรปฐพียื่นข้อเสนอแบบไหน ถึงทำให้ขุมอำนาจระดับวารีนิรันดร์ยอมเคลื่อนไหว?
ผ่านไปสักพักเรือเหาะขนาดใหญ่ก็ลอยมาถึง คนของนิกายมังกรปฐพีแสดงสีหน้าตื่นเต้นออกมา ในขณะเดียวกัน เฟิงโปหยุนและคนอื่นๆใบหน้าเปลี่ยนสีทันที
นิกายมังกรปฐพีสมควรรู้ว่าหลิงฮันบรรลุระดับดาราแล้ว ดังนั้นผู้ช่วยเหลือของพวกเขาจึงต้องเป็นจอมยุทธระดับดาราเป็นอย่างน้อย
เรือเหาะหยุดเคลื่อนไหว หลังจากนั้นก็มีเกวียนลอยลงมาจากด้านบน สัตว์ลากเกวียนทั้งสองตัวคืออาชาสีขาวที่มีปีกหนึ่งคู่และเขากลางหัว เขาของพวกมันมีขนาดยาวถึงสิบฟุตและดูทรงพลังอย่างมาก
“อาชามังกรเหิน!” ใครบางคนอุทานออกมาเมื่อเป็นสัตว์อสูรที่ลากเกวียนทั้งสองตัว
อาชามังกรเหินนั้นเป็นสัตว์อสูรที่หาได้ยากยิ่ง เมื่ออายุเต็มวัยมันสามารถมีพลังได้ถึงระดับดารา
ต้องเป็นขุมอำนาจที่แข็งแกร่งขนาดไหนถึงจะสามารถใช้อาชามังกรเหินเป็นสัตว์ลากยานหนะได้?
แม้หลิงฮันจะขมวดคิ้วแต่เขาก็ไม่ได้ตกตะลึงอะไร บ้ารึเปล่า? เขาเคยเห็นแม้กระทั่งเกวียนที่สร้างขึ้นจากวัตถุดิบแห่งเซียนมาแล้ว อาชามังกรเหินที่เป็นสัตว์ลากยานพาหนะระดับดาราจะนับเป็นอันใดได้?
เกวียนลอยลงมาจากท้องฟ้าด้วยความเร็วสูง ตัวเกวียนนั้นถูกตกแต่งอย่างเลิศหรูและมีวัสดุที่สร้างขึ้นจากแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสิบประดับเอาไว้ทั่ว เหล่าคนของนิกายมังกรปฐพีเมื่อเห็นเกวียนที่ลอยลงก็ทั้งตกตะลึงและตื่นเต้นไปพร้อมๆกัน พวกเขาได้ขอไปขอความช่วยเหลือจากตระกูลจ้าว ซึ่งพวกเขาก็มาได้จังหวะเหมาะเจาะพอดี
เมื่อเกวียนหยุดนิ่ง อาชามังกรเหินทั้งสองก็สะบัดกีบเท้าด้วยท่าทีหยิ่งยโส
หลิงฮันรู้สึกคันไม้คันมือ เกวียนนี้มีแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ประดับเอาไว้มากมาย พวกมันเหมาะจะนำไปให้ดาบอสูรนิรันดร์ดูดกลืนเป็นอย่างยิ่ง!
ต้องขโมยมา… เขาตัดสินใจแล้ว
‘ปัง’ เมื่อประตูเกวียนเปิดออกก็มีสตรีที่งดงามเดินออกมาทีละคน หลังจากพวกนางทั้งสิบสองคนออกกันมาครบ พวกนางทุกคนก็เอนร่างของตัวเองให้เป็นชั้นบันได
หลังจากนั้นได้มีบุรุษผู้หนึ่งก้าวเดินออกมาโดยใช้สตรีเหล่านั้นเป็นแท่นบันไดก้าวลงจากเกวียน
“เจ้าบัดซบนั่น!” โสมเฒ่าทนไม่ไหวและตะโกนออกมา “แม้แต่นายท่านโสมก็ยังไม่มีสตรีมาคอยปรนนิบัติเช่นนั้น เจ้าหนูนั่นจะอวดดีเกินไปแล้ว! ฮันน้อย ทุบตีมันแทนนายท่านโสมเลย!”