หลิงฮันยิ้มและกล่าว “สิ่งนี้เพียงพอจะพิสูจน์ว่าข้าเป็นสหายกับบิดาเจ้าได้รึยัง?”
เด็กสาวชุดแดงจ้องมองรอบตัวหลิงฮันด้วยท่าทีสงสัย “ท่านมาจากที่ใด เหตุใดถึงตามหาบิดาของข้า? ดูแล้วแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่ท่านจะเป็นคนยุคสมัยเดียวกับท่านพ่อ”
“เจ้าจะคิดแบบนั้นก็ไม่ผิด” หลิงฮันย่อมไม่ถือสาหลานสาวของเขาผู้นี้ เพราะอย่างไรตัวเขาก็ดูไม่เหมือนกับคนรุ่นลุงแม้แต่น้อย รูปลักษณ์ของเขายังเยาว์วัยและหล่อเหลา
“ท่านรู้จักกับบิดาข้าได้อย่างไร?” เด็กสาวชุดแดงยังไม่หายสงสัย
“ฮะๆๆ” หลิงฮันยิ้มโดยไม่ตอบคำถาม
“มากับข้า” เด็กสาวชุดแดงกระพริบตาด้วยแววตาแก่นซน
หลิงฮันมองไปที่นางอย่างไรคิดอะไร ด้วยพลังของเขาในตอนนี้ย่อมสามารถบดขยี้ทั่วทั้งนิกายดาบสวรรค์ได้ ต่อหน้าพลังที่แท้จริงแล้ว เด็กสาวผู้นี้คงไม่กล้าหยอกล้อเขาอีก
เด็กสาวหมุนตัวเดินนำโดยมีหลิงฮันเดินตาม
“จริงสิลุง ท่านสู้เป็นรึไม่?” เด็กสาวถามด้วยความรู้สึกคาดหวัง
“เรื่องสู้ข้ามั่นใจอยู่พอตัว” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่ถ่อมตัว
“โอ้ ท่านพูดเองนะ” แววตาของเด็กสาวส่องประกายเจ้าเล่ห์ นางพาหลิงฮันไปถึงลานที่พักแห่งหนึ่งและปล่อยหมัดกระแทกอย่างรุนแรงใส่ประตู ‘ปัง’ ประตูสองบานถูกเปิดออกด้วยฝีมือนาง
เห็นได้ชัดว่าที่พักศิษย์ของนิกายดาบสวรรค์นั้นไม่ได้ติดตั้งรูปแบบอาคมคุ้มกันเอาไว้ ไม่เช่นนั้นด้วยพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีของนางแล้ว ไม่มีทางเลยที่จะกระแทกเปิดประตูได้ง่ายดายเช่นนี้
หลิงฮันรู้ดีว่าเด็กสาวผู้นี้คิดจะแกล้งพาเขาไปพบกับเรื่องยุ่งยาก
แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราอย่างไรนิกายดาบสวรรค์ก็มีชะตาที่จะต้องล่มสลายอยู่แล้ว จะเริ่มลงมือเสียแต่ตอนนี้เลยก็ไม่สำคัญอะไร ยิ่งกว่านั้นหากเหตุการณ์ยิ่งบานปลายใหญ่โตขึ้น เจียนเยว่ซวนย่อมปรากฏตัวแน่นอน
“เจียนเสี่ยวหลิง เป็นเจ้าอีกแล้ว!” เสียงอันเกรี้ยวกราดดังออกมาจากลานที่พัก ทันใดนั้นคนเจ็ดคนที่ปรากฏตัวแทบจะพร้อมกัน พวกเขาทุกคนมีสีหน้าที่อำมหิต
เจียนเสี่ยวหลิงที่ว่าย่อมหมายถึงเด็กสาวชุดแดง ลุตรสาวของเจียนเยว่ซวน
เจียนเยว่ซวนแสดงที่ทหวาดกลัวและรีบหลบหลังหลิงฮัน นางโผล่หัวออกมาและกล่าว “เจ้าคิดจะรังแกข้า? ฮึ่ม! นี่คือท่านลุงของข้า เขาจะจัดการพวกเจ้าเอง!”
“ฮ่าๆๆ!” หลังจากทั้งเจ็ดคนมองมายังหลิงฮันที่ปิดบังกลิ่นอายเอาไว้ พวกเขาก็หัวเราะลั่นและมองเขาด้วยสายตาเหยียดหยาม
“ท่านลุง เห็นนั่นไหม คนเหล่านั้นกำลังดูถูกท่าน! ท่านบอกว่าต่อสู้เก่งพอตัวสินะ จัดการพวกมันเลย!” เจียนเสี่ยวหลิงราดน้ำมันเข้ากองไฟและเรียกหลิงฮันว่าท่านลุง
“เจียนเสี่ยวหลิง นายน้อยหลิงชื่นชอบเจ้ามาก ยิ่งกว่านั้นเจ้ากับนายน้อยก็เป็นคู่ครองที่เหมาะสม คนหนึ่งเป็นทายาทของปรมาจารย์อาวุโสเชิง คนหนึ่งเป็นทายาทของปรมาจารย์อาวุโสหลิง เห็นได้ชัดว่าพวกเจ้าทั้งสองเป็นคู่ที่เกิดมาเพื่อครองรักกัน!” ในหมู่ศิษย์ทั้งเจ็ด ชายที่สวมผ้าโพกหัวสีแดงกล่าว
“ขอร้องเถอะ… หลิงเย่เฟิงอายุเยอะกว่าแก่ข้ามีรู้เท่าไหร่ ก่อนหน้านี่หมอนั่นก็ชื่นชอบและคิดจะแต่งงานกับมารดาข้า พอมาถึงคราวนี้ยังคิดจะมาแต่งงานกับข้าอีก? เหอะ แค่คิดว่าจะต้องแต่งงานกับหมอนั่นก็ทำให้ข้าขยะแขยงจนขนหัวลุกแล้ว!” เจียนเสี่ยวหลิงกอดหน้าอกด้วยท่าทีรังเกียจ
“ถ้าต้องแต่งงานกับใครสักคน ข้าขอแต่งงานกับท่านลุงของข้าผู้นี้ดีกว่า!” นางยังคงไม่ลืมที่จะสร้างความลำบากให้กับหลิงฮันโดยการจงใจเติมน้ำมันลงเพลิง
“เจ้าเป็นใคร?” ศิษย์ที่ชื่อหงโถวจินเอ่ยถามหลิงฮัน
“แซ่ของข้าคือหนี่ ชื่อของข้าคือเย่เย่ (ท่านปู่ของเจ้า)” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส
ทันทีเขากล่าวเช่นนี้ เจียนเสี่ยวหลิงก็สำลักและหัวเราะออกมา
หงโถวจินไม่ได้สมองไวเหมือนกับเจียนเสี่ยวหลิง หลังจากได้ยินคำว่า ‘หนี่เย่เย่’ เขาก็ยังไม่เข้าใจจนกระทั่งศิษย์ข้างๆต้องบอกเขา “ศิษย์พี่ หมอนั่นกำลังดูถูกท่าน เขาบอกว่าเป็นท่านปู่ของท่าน!”
“ฮึ่ม!” หงโถวจินเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันใดและจ้องหลิงฮันเขม็ง “เจ้าคงเบื่อที่จะมีชีวิตแล้วสินะ ถึงได้กล้าดูถูกข้า”
“เหอๆ แล้วเจ้ามีค่าขนาดนั้นเลย?” หลิงฮันกล่าว
“ไม่มีค่า ไม่เลยสักนิด!” เจียนเสี่ยวหลิงรีบกล่าวแทรก “เขาเป็นเพียงสุนัขรับใช้ของหลิงเย่เฟิงที่มีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีขั้นกลาง… หรือว่าท่านลุงสู้ขยะเช่นนั้นไม่ได้?”
“ถ้าหากข้าสู้ไม่ได้ล่ะ?” หลิงฮันยิ้ม
“หากเป็นเช่นนั้นท่านก็จบสิ้นแล้ว ข้าเพิ่งจะทะลวงผ่านระดับภูผาวารีเท่านั้นจึงไม่อาจช่วยเหลือท่านได้!” เจียนเสี่ยวหลิงแลบลิ้น “พยายามป้องกันส่วนใบหน้าเอาจากการถูกทุบตีเอาไว้ก็พอ พวกเขาไม่กล้าสังหารท่านหรอก”
หลิงฮันกลายเป็นไร้คำพูดและส่ายหัว “ข้าไม่ค่อยคุ้นชินกับการถูกทุบตีเท่าไหร่”
“ฮึ่ม งั้นข้าก็จะเล็งไปที่ใบหน้าของเจ้า!” หงโถวจินก้าวเท้าพุ่งเข้าใส่หลิงฮันพร้อมกับง้างกำปั้นเตรียมโจมตี
หลิงฮันก้าวถอยหลังเล็กน้อย ‘พรึบ’ หมัดที่ต่อยเข้ามาปะทะเข้ากับอากาศที่ว่างเปล่า หลังจากนั้นหลิงฮันทำการเคาะเท้าเบาๆ ‘ปัง’ หงโถวจินก็ล้มลงกับพื้นทันที
เมื่อเสียการทรงตัว พลังจากหมัดของหงโถวจินได้ทำให้ตัวเขาเองพุ่งลงสู่พื้นอย่างรุนแรง
“ศิษย์พี่ใหญ่!” ศิษย์อีกหกคนรีบเข้ามาช่วยพยุงร่างของหงโถวจิน พวกเขาพบว่าใบหน้าของหงโถวจินเปื้อนไปด้วยโลหิต ฟันสองซี่ของกระแทกเข้ากับพื้นจนหลุดออกจากปาก
ที่เขาได้รับบาดเจ็บขนาดนี้นั้น หนึ่งเป็นเพราะหมัดที่รุนแรงของตนเอง สองคือเขาไม่ได้ใช้ปราณก่อเกิดคุ้มกันร่างเอาไว้ ไม่เช่นนั้นสภาพคงไม่น่าอนาถขนาดนี้
“ว้าว กลายเป็นเจ้าที่ได้รับบาดเจ็บที่หน้าเสียเอง!” เจียนเสี่ยวหลิงรีบชี้นิ้วและเอ่ยกับหลิงฮัน “ท่านลุงสุดยอดจริงๆ!”
หลิงฮันยักไหล่และกล่าว “ไม่ใช่ข้าเสียหน่อย ข้ายังไม่ได้ลงมือกับเขาเลย”
พวกหงโถวจินทั้งเจ็ดคนกลายเป็นเกรี้ยวกราด หากนี่ไม่ใช่การกระทำของเจ้า แล้วที่เจ้าใช้เท้าเคาะพื้นล่ะเพื่ออะไร?
“ฮึ่ม จัดการด้วยกันเลย!” หงโถวจินโมโหเขาสะบัดมือให้สัญญาณและพุ่งเข้าใส่หลิงฮัน
ทั้งเจ็ดคนมีท่าทีเหี้ยมโหด พวกเขาไม่เกรงกลัวหลิงฮันเพียงเพราะหลิงฮันทำให้หงโถวจินบาดเจ็บได้ก่อนหน้านี้ ในความคิดของพวกเขาเป็นหงโถวจินเองที่ประมาทจนสะดุดเท้าหลิงอันและล้มฟันกระแทกพื้นเอง
เจียนเสี่ยวหลิงนั้นเป็นผู้เชี่ยวชาญในการยุยง แน่นอนว่าตัวนางไม่สามารถมีส่วนร่วมในการต่อสู้ครั้งนี้ได้จึงรีบเผ่นออกมาและกล่าว “ท่านลุงลุยเลย จัดการพวกมันเลย!”
‘ฟุบ ฟุบ ฟุบ’ ทั้งกระบวนท่าหมัด กระบวนท่าฝ่ามือ ปราณดาบ ปราณกระบี่จากทั้งเจ็ดคนได้กระหน่ำโจมตีเข้ามาล้อมหลิงฮันเอาไว้
หลิงฮันพาดมือทั้งสองเอาไว้ด้านหลังและขยับเท้าหลบหลีกการโจมตีของทั้งเจ็ดคนได้อย่างง่ายดาย ไม่เพียงเท่านั้น เขาได้ชี้นำให้ทั้งเจ็ดคนโจมตีเข้าใส่พรรคพวกเดียวกันไปพร้อมๆกัน
ทันใดนั้นทั้งเจ็ดคนก็ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวดและมองหน้ากันอย่างมึนงง