หลิงฮันที่เกรี้ยวกราดและบ้าคลั่งเมื่อคิดถึงเหตุการณ์เมื่อหมื่นปีก่อนที่ทุกคนที่เขารู้จักต้องถูกใช้เป็นวัตถุดิบในการหลอมเป็นเม็ดยา
และบุคคลตรงหน้าเขานี้คือหนึ่งในตัวการที่มีส่วนร่วมในแผนการนั้น!
ฆ่า!
รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ปะทุออกมาจากร่างของเขา เจตจำนงแห่งยุทธโคจรกรไปทั่วร่างระเบิดอำนาจอันไร้ที่สิ้นสุดออกมา
หานเฟิงตะลึง
พลังต่อสู้ของเขาไม่ได้ด้อยไปกว่าหลิงฮัน แต่เจ้าหนูนี่เป็นสัตว์ประหลาดที่แท้จริง ดาบของเขาไม่สามารถสร้างบาดแผลใดๆให้กับอีกฝ่ายได้เลย อย่างมากก็ทำได้ก็แค่ฟันเสื้อผ้าให้ขาดเป็นชิ้นๆ
จะเอาอย่างไรต่อดี?
ปราณก่อเกิดของเขามีจำกัด ต่อหน้ากายหยาบที่ไร้เทียมทานของอีกฝ่ายทำให้รู้สึกหวาดกลัว
“โจมตีพร้อมกัน!” พวกซางกว่านเฉียวสี่คนไม่ลังเล สถานการณ์เช่นนี้ใครจะไปสนว่าต้องเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว พวกเขานำอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ออกมาและพุ่งเข้าจู่โจม
“น้องชายหลิง?” อู่เมี่ยนเอ่ยถาม
“ไม่จำเป็น ข้าจัดการได้!” หลิงฮันกล่าวอย่างมั่นใจ
“เจ้าเด็กน้อย ไปลงนรกซะ!” ด้านหลังของกงซือฉีฮวาปรากฏปีกนกอมตะขนาดใหญ่สองร้อยฟุต หากมองให้ดีๆจะพบว่าสีของปีกนั้นมีทั้งเข้มและอ่อนไม่สม่ำเสมอกันเนื่องจากเปลวเพลิงของนางไม่บริสุทธิ์พอ
ดูเหมือนว่าสายเลือดของนางจะด้อยกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์มากนัก
“คำพูดนั้นควรเป็นของข้า!” หลิงฮันคำรามและปลดปล่อยพลังต่อสู้ทั้งหมด
เงาของมังกรที่แท้จริงทั้งเก้าโอบรอบไปทั่วร่างกายของเขา กายหยาบและพลังปราณในร่างผสานรวมเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์แบบ หลิงฮันในตอนนี้สามารถปล่อยการโจมตีที่ทรงพลังออกไปได้โดยไม่ต้องใช้ทักษะยุทธใดๆ!
แม้รูปแบบการต่อสู้เช่นนี้จะเรียบง่ายและหยาบกระด้างแต่ก็ทรงพลัง
‘ปัง ปัง ปัง ปัง’ ปรมาจารย์ของห้านิกายโบราณที่ร่วมมือกันกระหน่ำโจมตี แต่ถึงอย่างนั้นพวกเขาก็ถูกหลิงฮันกำราบจนต้องกระโดดล่าถอย
กายหยาบของหลิงฮันไร้เทียมทานทั้งในด้านโจมตีและป้องกัน พลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งเกินไป!
ตูม!
หลิงฮันปล่อยหมัดใส่หน้าเที่ยอู๋หยา ครึ่งหน้าของอีกฝ่ายถูกกระแทกจนบอบช้ำ แม้แต่จิตวิญญาณก็ได้รับผลกระทบ
เที่ยอู๋หยาไม่กล้าตอบโต้ซึ่งๆหน้า เขาล่าถอยอย่างต่อเนื่องเพื่อเว้นระยะห่าง
แต่หลิงฮันจะยอมให้เขาทำเช่นนั้น?
“ทุกคนรีบนำอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ออกมา” หานเฟินตะโกนอย่างร้อนรน
ที่บริเวณด้านข้างมีศิษย์ของห้านิกายยืนอยู่นิกายละสิบคน แต่ละนิกายนำอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ออกมา หนึ่งดาบ หนึ่งกระบี่ หนึ่งกระจก หนึ่งปิ่นปักผม หนึ่งใบมีด
‘ครืนนน’ อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าดูดซับพลังปราณจำนวนมหาศาลของศิษย์ทั้งห้าสิบคนเข้าไป พวกเขาทั้งห้าสิบทรุดลงกับพื้นทันที แต่ละคนมีใบหน้าซีดขาวราวกับเจ็บป่วย ในขณะเดียวกัน อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าได้ฟื้นสภาพและปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา
อู่เมี่ยนแสดงท่าทีตะลึงและกล่าว “น้องหลิง พลังของอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้านั่นแฝงไว้ด้วยพลังของระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์ชั้นกลางเป็นอย่างน้อย เจ้าแน่ใจว่าไม่ต้องการให้ข้าช่วย?”
ถ้าเขาลงมือคงสามารถจัดการอาวุธเหล่านั้นได้ไม่ยากเย็น แต่ไม่รู้ว่าหลิงฮันจะต้องการรึไม่
“ไม่จำเป็น!” หลิงฮันกล่าว เขามั่นใจในกายหยาบของตนเอง ยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังมีคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ ต่อให้กายกายหยาบจะได้รับบาดเจ็บเขาก็สามารถฟื้นฟูบาดแผลได้ทันที
พลังป้องกันอันไร้เทียมทานว่าน่าสะพรึงกลัวแล้ว แต่พลังป้องกันอันไร้เทียมทานที่ผสานกับพลังฟื้นฟูที่ฝืนสวรรค์นั้นน่าสะพรึงกลัวยิ่งกว่า
ตูม!
อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าปลดปล่อยการโจมตีออกมา มันไม่ใช่เพียงอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดแต่เหนือกว่านั้นแน่นอนเนื่องจากไม่รู้ว่าพวกมันถูกห้านิกายโบราณหลอมขัดเกลามาแล้วกี่แสนกี่ล้านปี
พลังทำลายของพวกมันเกรงว่าจะเทียบเท่าปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นกลางถึงห้าคน
ที่น่าหวาดหวั่นก็คืออุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ได้รับผลกระทบของอำนาจสวรรค์ หลิงอันพยักหน้าในใจ เขาคิดถูกแล้วที่ไม่พลีผลามบุกไปยังห้านิกายโบราณ
เขานำดาบอสูรนิรันดร์ออกมา ปราณดาบปะทุขึ้นสูงเสียดฟ้าพร้อมอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ของทั้งสองฝ่ายได้เข้าปะทะกัน
ระดับของดาบวารีนิรันดร์นั้นยังไม่สูงมาก แต่ด้วยการมีมันผ่านการขัดเกลาด้วยทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์มาด้วยกันกับหลิงฮันทำให้พลังของมันสูงกว่าระดับของตัวมันเอง และด้วยการที่รากฐานของมันคือแร่โลหะนิรันดร์ พลังของมันจึงไม่แพ้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดแน่นอน ไม่เช่นนั้นแล้วมันคงไม่สามารถดึงดูดสายตาของอู่เมี่ยนได้ตั้งแต่แรกเห็น
ปราณดาบสั่นสะท้านทันทีที่หลิงฮันโจมตีโต้ตอบ แต่เนื่องจากการโจมตีที่พุ่งเข้ามาเปรียบเสมือนการโจมตีจากปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์ทั้งห้า หลิงฮันจึงถูกสะกดให้ล่าถอยไม่สามารถไล่ตามเที่ยอู๋หยาได้อีกต่อไป
ถึงแม้ตอนนี้หลิงฮันจะถูกสะกดเอาไว้ได้ แต่คนของห้านนิกายก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
หลิงฮันไม่เหมือนกับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้านี้ เขายังมีช่องว่างให้พัฒนาต่อไปได้อีก อย่างน้อยเขาก็สามารถยกระดับพลังของตนเองได้อีกสามชั้นย่อยซึ่งก็คือระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุด
ประเด็นก็ถือใครจะไปรับประกันได้ว่าหลิงฮันจะไม่บรรลุระดับดารา?
หากเป็นเช่นนั้น ห้านิกายโบราณคงทำได้เพียงรอคอยความพินาศ!
“ใช้ทุกอย่างที่มี พวกเราต้องกำจัดเจ้าหนูนั่นให้ได้!” หานเฟิงคำราม หากพลาดโอกาศนี้ไปเกรงว่าคงไม่มีครั้งต่อไปแล้ว
“รวมพลังกันปกป้องนิกาย!”
ปรมาจารย์ทั้งห้าไม่โจมตีเนื่องจากรู้ตัวว่าพลังของตนเองเทียบกับอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าไม่ได้ พวกเขาเลือกที่จะควบคุมอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์เพื่อทำให้พวกมันโจมตีได้แม่นยำยิ่งขึ้น
เพื่อที่จะทำให้อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าทรงพลัง พวกเขาต้องสูญเสียไปมากมาย ก่อนหน้านี้ศิษย์ทั้งห้าสิบคาก็ถูกดูดพลังปราณไปจนเกลี้ยง ตอนนี้ทุกคนตกอยู่ในสภาพไร้เรี่ยวแรง
หากต้องการกำจัดหลิงฮัน อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าจะต้องถูกกระตุ้นพลังอย่างเต็มที่
อุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้านั้นไม่สามารถคงสภาพพลังเอาไว้ได้นานเนื่องจากห้านิกายโบราณได้รับสืบทอดพวกมันมาหลายยุคหลายสมัยแล้ว รูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์บางส่วนเลือนรางหายไป แม้มันจะมีพลังอำนาจเหลืออยู่แต่ก็ไม่อาจเทียบกับยุคสมัยก่อน
“ทุกคนจงมอบพลังชีวิตเข้าไปให้หมด!” หานเฟิงกล่าวให้ศิษย์ของห้านิกายทุกคนส่งพลังชีวิตเข้าไปในอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้าเพื่อคงสภาพพลังของพวกมันเอาไว้
พลังของศิษย์ทุกคนมีจำกัด หลังจากถูกดูดไปก่อนหน้านี้พลังของพวกเขาก็ยังไม่ฟื้นฟูกลับมาแล้วจะส่งพลังเพิ่มเข้าไปอีกได้อย่างไร? ถ้าหากพลังปราณไม่เหลือก็ต้องใช้พลังชีวิตทดแทน!
ครั้งนี้ศิษย์ของนิกายทั้งห้าไม่เพียงใบหน้าซีดเผือด พลังชีวิตของพวกเขาได้ถูกดูดไปจนแทบไม่เหลือทำให้ส่งผลต่อรากฐานพลังบ่มเพาะและการพัฒนาในอนาคต!
ถ้าไม่ใช่เพราะเข้าตาจน หานเฟิงไม่มีทางเลือกวิธีนี้แน่ แต่ใครใช้ให้หลิงฮันน่าสะพรึงกลัวเกินไปกันล่ะ? หากไม่สังหารอีกฝ่ายในตอนนี้ ห้านิกายโบราณคงมีโชคชะตาที่ต้องล่มสลาย
ดังนั้นต่อให้ต้องสูญเสียศิษย์ไปมากกว่าร้อยคนที่นี่ พวกเขาก็ต้องกำจัดภัยพิบัติตรงหน้าทิ้งให้ได้
ภายใต้แรงกดดันของอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์ทั้งห้า หลิงฮันได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ไม่เพียงร่างของเขาจะชโลมไปด้วยโลหิต แต่กระดูกของเขายังเกิดรอยแตกร้าวหลายส่วน เพราะอย่างไรกายหยาบของเขาก็ยังยกระดับไปไม่ถึงแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้า
ปรมาจารย์ทั้งห้าเผยรอยยิ้มออกมา หลังจากสูญเสียไปมากมาย ในที่สุดพวกเขาก็จะกำจัดศัตรูตรงหน้าได้เสียที