“ในที่สุดการพัฒนาของข้าก็เริ่มเป็นรูปธรรมเสียที!” หลิงฮันมีความสุข ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะสามารถใช้อำนาจสวรรค์จากการทำความความเข้าใจถึงหลักการของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ได้แต่ก็ยังไม่สามารถควบแน่นให้ก่อเกิดเป็นรูปแบบอาคมศักดิ์สิทธิ์ ความเข้าใจในตอนนั้นของเขายังน้อยเกินไปทำให้ไม่สามารถนำอำนาจสวรรค์มาใช้ได้อย่างอิสระ
ด้วยพลังของทัณฑ์สายฟ้าสวรรค์ แม้จะไม่สามารถเทียบกับอำนาจทั้งหมดของสวรรค์และปฐพีได้ แต่หากเทียบกับทักษะสายฟ้าอื่นๆแล้วมันทรงพลังกล้าไม่รู้กี่เท่า
“ต้องฝึกฝนยิ่งขึ้น ครั้งหน้าข้าต้องบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุด!”
หลิงฮันตั้งมั่นในใจ ตราบใดที่เขาบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้เขาจะสามารถกวาดล้างเหล่าปรมาจารย์ของห้านิกายโบราณได้ด้วยพลังต่อสู้ของตนเอง
เขาเริ่มขัดเกลาพลังบ่มเพาะต่อ
เขาบ่มเพาะพลังภายใต้ต้นสังสารวัฏอย่างน่าเบื่อก่อนจะเปลี่ยนไปฝึกฝนหลอมเม็ดยา ไม่ว่าอย่างไรเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดก็จำเป็นต้องใช้เวลาหลอมที่ยาวนาน การหลอมครั้งนึงกินเวลาถึงครึ่งเดือน เมื่อเวลาผ่านไปสามเดือนเขาฝึกหลอมไปได้แค่ไม่กี่ครั้ง
หลิงฮันทำการขัดเกลากายหยาบด้วยเพลิงนิรันดร์อีกครั้งก่อนที่จะดูดซับเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งและฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง พริบตาเดียววันเวลาก็ผ่านไปหนึ่งปี
ในที่สุดหลิงฮันก็ยกระดับเป็นสุริยันจันทราขั้นสูงสุด
นั่นหมายถึงกายหยาบของเขาเลื่อนระดับเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับแปดหรือเก้าแล้ว พลังป้องกันเช่นนี้แทบจะทำให้เขาไร้เทียมทานในระดับสุริยันจันทรา ตอนนี้ร่างกายของเขาเติบโตกลายเป็นเด็ดอายุราวๆสี่ถึงห้าปีแล้ว ความเร็วที่ทำให้ร่างกายเติบโตได้เร็วเช่นนี้น่าตกตะลึงมาก
แม้แต่หอคอยน้อยก็ยังเอ่ยชมว่าต่อให้เจ้านายของหอคอยทมิฬคนก่อนก็ไม่สามารถทำได้ดีไปกว่าหลิงฮัน
แต่ไม่ว่าอย่างไรในที่สุดเขาก็บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดแล้ว เหอๆ ในที่สุดก็ถึงเวลากดขี่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เสียที!
ภรรยาผู้โหดเหี้ยมของข้า คอยดูแล้วกัน!
หลังจากขัดเกลาระดับพลังให้มันคงแล้วหลิงฮันก็มุ่งหน้ากลับไปเมืองเขี้ยวหมาป่า เขานำศิลาวิญญาณปฐพีกับเม็ดยาที่หลอมขึ้นมามากมายไปขายและแลกเปลี่ยนเป็นแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์เพื่อยกระดับดาบอสูรนิรันดร์
เขาเคลื่อนไหวโดยไม่ปิดบังตัวตนแม้แต่น้อยทำให้ห้านิกายโบราณพบตัวเขาได้อย่างง่ายดาย ด้วยเครื่อข่ายของพวกเขาผ่านไปไม่นานเหล่าปรมาจารย์ก็รุดกันเข้ามาล้อมรอบตัวหลิงฮัน
“เจ้าหนู แม้พวกเราจะอยู่คนละฝ่าย แต่ข้าขอชื่นชมเจ้า!” ชายคนหนึ่งก้าวเดินออกมาพร้อมกับถือดาบเอาไว้ในมือ รอบกายของเขาปกคลุมไว้ด้วยเจตจำนงแห่งดาบที่น่าอัศจรรย์
เขาคือหนึ่งในตัวตนระดับยักษ์ใหญ่ของนิกายดาบสวรรค์ท ชื่อแซ่ของเขาคือหานเฟิง เขาบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดเมื่อหนึ่งล้านปีก่อน ตัวเขาคืออัจฉริยะสี่ดาว แม้หลังจากนั้นเขาจะขัดเกลาพลังมากว่าล้านปีระดับพลังก็ไม่ก้าวหน้าแม้แต่น้อย มีเพียงพลังต่อสู้ที่เพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว
มีคำกล่าวว่าคนที่สามารถต้านทานดาบของหานเฟิงได้ในระดับสุริยันจันทรา คนคนจะถือว่าเป็นปรมาจารย์ที่แท้จริงและมีพลังเพียงพอจะติดร้อยอันดับแรกของจอมยุทธระดับสุริยันจันทรา!
แน่นอนว่าคำกล่าวนี้มันเกินจริงไปหน่อย เพราะอย่างไรก็ยังมีอัจฉริยะที่แท้จริงบางคนที่สามารถขัดเกลาพลังจนบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์ได้
แม้แต่ปรมาจารย์ที่แท้จริงอย่างหายเฟิงยังถูกส่งตัวออกมาไล่ล่า ดูเหมือนว่าห้านิกายโบราณจะตั้งใจกำจัดหลิงฮันทิ้งอย่างแท้จริงแล้ว
ไม่เพียงแค่หานเฟิงคนเดียว ปรมาจารย์หลายคนที่ล้อมรอบหลิงฮันนั้น มีเฉียนอี่จากนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน กงซือฉีฮวาจากนิกายนกอมตะเมฆา ซางกว่านเฉียวจากนิกายอัสนีคราม เที่ยอู๋หยาจากนิกายมังกรปฐพีอยู่ด้วย พวกเขาทั้งสี่มีพลังไม่ได้ด้อยไปกว่าหานเฟิงมากนัก
แต่ตอนนี้ตัวตนระดับสูงที่แข็งแกร่งเช่นนั้นต่างปรากฏตัวที่นี่ทุกคน
การที่หลิงฮันหายตัวไปเป็นเวลาทำให้ห้านิกายโบราณวิตกกังวลเป็นอย่างมาก พรสวรรค์ของเจ้าหนูนี่อัศจรรย์เกินจะบรรยาย ไม่มีใครรู้ว่าหากเขาหายตัวไปซักแปดหรือสิบปีแล้วปรากฏตัวอีกที หลิงฮันจะกลายเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดเลยรึเปล่า
“ขั้นสูงสุด!” ซางกว่านเฉียวขมวดคิ้ว แม้นางจะมีเป็นหญิงชราแล้ว แต่ริ้วรอยบนใบหน้าก็ไม่อาจทำให้ความงดงามบนใบหน้าของนางหายไปได้หมด เห็นได้ชัดว่าในอดีตวันวานนางเป็นสตรีที่งดงามขนาดไหน
คนของห้านิกายโบราณแสดงท่าทีตกตะลึงอย่างปิดบังไม่มิด พวกเขาต่างกังวลว่าหลังจากการหายตัวไปของหลิงฮัน อีกฝ่ายอาจจะบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดก็เป็นได้ ซึ่งสิ่งที่พวกเขาเป็นกังวลก็กลายเป็นจริงเสียแล้ว แถมระยะเวลายังสั้นเกินกว่าที่พวกเขาจะรับได้อีกด้วย!
เพียงแค่… สี่ปีเท่านั้น!
ในตอนที่พวกเขาเห็นหลิงฮันที่ค่ายพักในสนามรบ อีกฝ่ายยังมีพลังบ่มเพาะเพียงระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นปลายเท่านั้น
“ก็แล้วอย่างไร!” หานเฟิงกล่าวอย่างยิ่งยโส เขาเชื่อว่าดาบของตนเองนนั้นไร้เทียมทานที่สุด ไม่มีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราคนใดที่ดาบของเขาไม่สามารถพิชิตได้
“ใช่แล้ว ครั้งนี้ไม่เพียงเราจะมาปรมาจารย์มาด้วยกันมากมาย แต่ยังนำอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์หลายชิ้นติดตัวมาด้วย ขนาดนี้พวกเราจะสังหารเขาไม่ได้เชียวรึ?” กงซือฉีฮวากล่าวอย่างเย็นชา นางเองก็เป็นสตรีที่งดงาม เพียงแต่ว่าตอนนี้นางเป็นเหมือนกับซางกว่านเฉียว บนใบหน้าของนางเต็มไปด้วยริ้วรอยไม่หลงเหลือความเยาว์วัย
“ทุกคน ให้ข้าเป็นคนลงมือก่อน!” หานเฟิงกล่าวด้วยน้ำเสียงฮึกเหิม
ซางกว่านเฉียวและคนอื่นๆมองหน้ากันก่อนจะพยักหน้า หานเฟิงถูกขนานนามว่าเป็นปรมาจารย์อันดับหนึ่งของห้านิกายโบราณ พลังต่อสู้ของเขานั้นลึกล้ำเกินจะหยั่งถึง
หานเฟิงกำดาบก้าวเดินขึ้นหน้าพร้อมกับปลดปล่อยเจตจำนงแห่งดาบออกมา เจตจำนงเหล่านั้นผสานควบแน่นรวมตัวกัน ‘ครืนน’ เจตจำนงแห่งดาบของเขาแปรเปลี่ยนเป็นกงล้อแห่งดาบปรากฏขึ้นที่ด้านหลัง ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ หลังจากนั้นกงล้อแห่งดาบอันที่สอง สองที่สามก็ถูกควบแน่นขึ้นตามๆนั้นจนสุดท้ายก็มีกงล้อแห่งดาบปรากฏออกมานับพัน
“อั่ก!” จอมยุทธของห้านิกายโบราณหลายคนรอบข้างกระอักโลหิตออกมาทันที ต่อให้พวกเขาจะเป็นปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราเหมือนกัน แต่ก็ไม่สามารถต้านทานเจตจำนงแห่งดาบของหานเฟิงไหว
ฉายาปรมาจารย์อันดันหนึ่งแห่งห้านิกายโบราณของหายเฟิงไม่ได้มีไว้โอ้อวดเฉยๆ
หลิงฮันพาดมือไว้ด้านหลังอย่างไม่แยแส
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่ว่าพลังต่อสู้ในตอนนี้ของเขานั้นไม่ได้ด้อยไปกว่าอีกฝ่าย แค่กายหยาบของเขาเพียงอย่างเดียวเกรงว่าหานเฟิงคงไม่สามารถทำให้แม้แต่เส้นผมของเขาร่วงพื้น ถ้าหากอีกฝ่ายขัดเกลาพลังบ่มเพาะจะบรรลุขั้นสมบูรณ์หลิงฮันอาจจะแสดงท่าทีลำบากออกมาบ้าง เพราะอย่างไรขั้นสมบูรณ์ก็คือพลังที่เทียบเท่ากับระดับดารา
“ฮ่าๆๆ นั่นน้องชายหลิงไม่ใช่รึไง?” เสียงหัวเราะดังขึ้นพร้อมกับชายสวมชุดคลุมขาวเดินออกมาจากฝูงชน ใบหน้าของเขาถูกปิดเอาไว้ด้วยเศษผ้า แม้แต่ดวงตาทั้งสองข้างก็ถูกปิดเอาไว้อย่างมิดชิด
เมื่อเห็นชายคนนั้นเดินอย่างไม่สนใจโลก ผู้คนรอบข้างคงคิดว่าเขาเป็นพรรคพวกของห้านิกายโบราณ แต่ทันทีที่ทั้งคนของห้านิกายโบราณเห็นชายผู้นี้เดินใกล้เข้ามา พวกเขาก็หวาดกลัวจนเยี่ยวแทบราด เนื่องจากกลิ่นอายอันทรงพลังของอีกฝ่ายยิ่งใหญ่จนพวกเขาหายใจไม่ทั่วท้อง
ต่อหน้าอีกฝ่ายพวกเขารู้สึกว่าตนเองเป็นเพียงมดปลวกตัวกระจ้อย
“พี่ชาย อู่เมี่ยน!” หลิงฮันหัวเราะ ดวงตาของเขากวาดมองอีกฝ่ายก่อนจะกล่าว “ยินดีกับพี่ชายอู่เมี่ยนด้วยที่ยกระดับพลังไปอีกขั้นแล้ว!”
อีกฝ่ายบรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์ชั้นสูงสุดเรียบร้อย!