คนของห้านิกายโบราณคิดง่ายไป พวกเขาคิดว่าสตรีนกอมตะสวรรค์เป็นเพียงจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดทั่วไป แม้จะไม่สามารถเอาชนะนางได้อย่างน้อยก็คงรั้งนางเอาไว้ได้บ้าง
แต่ข้อมูลที่พวกเขารู้เกี่ยวกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์นั้นคือข้อมูลเมื่อหนึ่งพันปีก่อน
เมื่อหนึ่งพันปีก่อน สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ตัดขาดกับนิกายนกอมตะเมฆาและเลือกที่จะถอนตัวออกมา ในตอนนั้นนางมีพลังบ่มเพาะเพียงระดับสุริยันจันทราขั้นสูง
หลังจากวันเวลาผ่านไป ห้านิกายโบราณรู้เพียงว่านางก้าวสู่ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดแล้วและคาดเดาไปว่านางคงบรรลุเพียงขั้นสูงสุดชั้นต้นไม่ก็ขั้นปลาย เพราะอย่างไรอีกขั้นพลังสูงขึ้นการยกระดับขัน้พลังก็ทำได้ยากขึ้น
ความจริงที่พวกเขาไม่รู้ก็คือสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์มีพลังบ่มเพาะระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดและเป็นอัจฉริยะสี่ดาว!
ต่อหน้านาง ปรมาจารย์ระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นสูงสุดย่อมถูกทำให้พ่ายแพ้เพียงในหนึ่งหรือสองกระบวนท่า!
เมื่อนกอมตะหลากสีพุ่งเข้ามาพร้อมเสียงคำรามอันดังลั่น ปรมาจารย์ของห้านิกายโบราณก็หวาดกลัวจนตัวสั่นเหมือนหนูเห็นแมว พวกเขารีบร่นระยะถอยห่างทันที
ทีนี้จะทำอย่างไรดี?
หากผ่านสตรีนกอมตะไปไม่ได้ พวกเขาจะจัดการหลิงฮันได้อย่างไร?
“ทำไมกำลังสนับสนุนถึงยังไม่มาอีก?” ชายชราคนหนึ่งกล่าวด้วยท่าทีหงุดหงิด
ชายชรารู้ว่าตัวเองไร้เองผล
ตอนนี้คนของห้านิกายโบราณได้แยกย้ายกันออกไปทั่วสนามรบสองดินแดนเพื่อตามหาหลิงฮัน การส่งข่าวบอกตำแหน่งไม่ใช่สิ่งที่จะทำได้ในวันสองวัน ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่กำลังสนับสนุนจะมาถึงในทันที แต่ตอนนี้ทั้งๆที่พวกเขามีคนตั้งเยอะแท้ๆแต่กลับไม่สามารถจับกุมหลิงฮันได้ เพราะงั้นเขาจึงรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมา
จางเหิงสะบั้นดาบและกล่าว “นี่คือทั้งหมดของเจ้าแล้ว?”
“แน่นอนว่าไม่” หลิงฮันส่ายหัว กายหยาบที่ไร้เทียมทานของเขายังไม่ได้แสดงอำนาจออกมาเลย พลังฟื้นฟูตัวเองก็ยังไม่ได้ใช้ ยิ่งกว่านั้นเขาก็ยังมีบุปผาหมอกครอบงำจิตอยู่อีกถึงแม้จะใช้ไม่ค่อยได้ผลกับจอมยุทธที่ฝึกฝนวิถีแห่งดาบก็ตามที
ไพ่ลับของเขายังเหลืออีกมากมาย อย่างน้อยเขาก็ยังไม่นำเม็ดยาออกมากินแม้แต่เม็ดเดียว
จางเหิงหยุดนิ่งและแหงนหน้ามองท้องฟ้า จริงอยู่ที่เขาเป็นฝ่ายได้เปรียบ แต่ถึงอย่างไรไม่ว่าเขาจะโจมตีอย่างไรก็ไม่สามารถเอาชนะหลิงฮันได้เสียที อีกฝ่ายมีความยืดหยุ่นที่น่าอัศจรรย์เกินไป ไม่ว่าเขาจะทำอย่างไรหลิงฮันก็ตอบโต้กลับมาได้
เขาพยักหน้าและกล่าว “ตั้งแต่วันนี้ ข้าจะออกเดินทางฝึกฝนตามหาวิถีแห่งดาบที่แท้จริงของข้า เมื่อถึงวันที่สมควรข้าจะตามหาเจ้าอีกครั้ง หวังว่าเมื่อถึงตอนนั้นเขาจะยังมีชีวิตอยู่!”
หลิงฮันหัวเราะ “ย่อมได้ หากเจ้าหาข้าไม่เจอจงไปที่ดาวเหอหนิง ที่นั่นเป็นที่ตั้งถิ่นฐานของข้า”
“ข้าจะจำไว้” จางเหิงพยักหน้า เขาเก็บดาบและหันหลังเดินจากไปโดยไม่สนใจรอบข้าง
“จางเหิง!” ปรมาจารย์ของห้านิกายโบราณตะโกนเสียงดัง เหตุผลแม้กระทั่งหมอนี่ก็ย้ายฝั่งไปอยู่กับคนนอก?
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “พวกเจ้าควรจะดีใจนะที่เขายอมจากไป… เพราะว่าพวกเจ้าจะได้รับโอกาสไปลงนรกด้วยมือของข้า!”
“เจ้าหนู คนที่หลบอยู่หลังสตรีเช่นเจ้าจะทำอะไรได้?” ปรมาจารย์คนหนึ่งตะตะโกนยั่วยุหลิงฮัน
หลิงฮันหัวเราะ “ถ้าเจ้ารับไม่ได้ก็ไปหลบหลังสตรีบ้างสิ ข้าไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย”
ฮึ่ม!
คนของห้านิกายเกรี้ยวกราดขึ้นมาทันที อันที่จริงสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์เป็นพรรคพวกของพวกเขาแท้ๆ
“วันนี้คงต้องมีการสูญเสียเล็กน้อย!” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา ด้วยศักยภาพขอคนเหล่านี้ ถ้าบ่มเพาะพลังตามปรกติ พวกเขาจะสามารถบรรลุระดับสุริยันจันทราด้วยอายุเท่านี้ได้อย่างไร? พวกเขาต้องกินเม็ดยาที่หลอมจากโลกใบเล็กเข้าไปแน่นอน
หลิงฮันสะบัดนิ้วมือทั้งสิบ ‘พรึบ พรึบ พรึบ’ ปราณดาบมากมายพุ่งออกไปราวกับห่าฝน
“อ้ากกกกก!” ศิษย์ของห้านิกายถูกผ่าเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย พลังของศิษย์ส่วนใหญ่ยังไม่บรรลุระดับสุริยันจันทราขั้นกลางจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะสามารถหยุดยั้งหรือสลายปราณดาบได้
เหล่าปรมาจารย์เฒ่าโมโหจนอยากจะเข้าไปรุมฉีกกระชากร่างของหลิงฮัน เพียงแต่ว่าด้วยการคุ้มครองจากสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ทำให้พวกเขาต้องหยุดยั้งฝีเท้าเอาไว้
ผ่านไปเพียงพริบตา นอกจากเหล่าปรมาจารย์เฒ่าแล้วศิษย์ของห้านิกายโบราณทุกคนก็กลายเป็นซากศพ
หลิงฮันไม่ลงมือต่อ สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์นั้นถึงแม้จะตัดขาดกับห้านิกาบโบราณแล้วแต่เห็นได้ชัดว่านางไม่ต้องการสังหารพวกเขา ดังนั้นหลิงฮันจึงไม่บังคับนางและยอมปล่อยเหล่าปรมาจารย์เฒ่าไปก่อน
“ไปกันเถอะ” หลิงฮันจับข้อมือของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ ร่างของนางสั่นเล็กน้อยพร้อมกับใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง
“จู!” สัตว์อสูรน้อยในอ้อมแขนของนางแยกเขี้ยวใส่หลิงฮัน ดูเหมือนว่ามันคิดว่าหลิงฮันกำลังคุกคามสตรีที่อุ้มมันอยู่
“อะไรของเจ้า!” หลิงฮันลูบไปยังขนของสัตว์อสูรน้อยทำให้มันส่งเสียงร้อง
“ห้ามรังแกมัน!” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ
นางเห็นสัตว์อสูรที่เพิ่งเจอกันไม่กี่ชั่วโมงดีกว่าเขาที่ห่างหายหน้าไปเป็นหมื่นปี?
หลิงฮันจ้องมองไปยังสัตว์อสูรตัวน้อย เขาเกิดความคิดในใจว่าจะให้เจ้ากระต่ายกับโสมเฒ่าจับสัตว์อสูรใต้พิภพตัวน้อยตนนี้ไปเป็นอาหาร!
กล้ามากที่มากแย่งภรรยาของเขาไป!
สัตว์อสูรน้อยจ้องมองสายตาเย็นยะเยือกของหลิงฮันและตัวสั่นขึ้นมาทันที
ปรมาจารย์เฒ่าของห้านิกายโบราณทำได้เพียงมองหลิงฮันกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์ค่อยๆเดินจากไป พวกเขาไม่มีกำลังคนมากพอที่จะจัดการกับทั้งสองคน
เพียงแต่ว่าหลังจากสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์กับหลิงฮันเดินออกมาไกลพอสมควร พวกเขาก็กล่าวลากันเนื่องจากวันลาหยุดของนางหมดแล้วและนางต้องกลับไปยังค่ายพักแรมกองทัพ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ยังอยู่ในสถานะของทหารกองทัพ ตราบใดที่นางไม่มีแต้มสังหารมากพอที่จะถอนตัวนางก็ไม่สามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ
สัตว์อสูรน้อยถูกสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งนกอมตะสวรรค์พากลับไปด้วย ต่อให้นางจะอยากจะยกสัตว์อสูรน้อยให้ไปกับหลิงฮัน เกรงว่าสัตว์อสูรน้อยคงจะไม่ยินยอมตามเขาไปเพราะกลัวว่าตัวมันจะถูกจับลงไปอยู่ในหม้อต้มน้ำซุปได้ทุกเวลา
หลิงฮันเดินเตร็ดเตร่ไปทั่วต่อไป วาสนาที่ได้รับจากการเปิดสวรรค์ทำให้เขาเก็บศิลาวิญญาณปฐพีได้เรื่อยๆ แต่ศิลาวิญญาณปฐพีที่เขาพบเจอนั้นคือศิลาที่วางอยู่ในบริเวณที่สภาพแวดล้อมเป็นอำนาจแห่งกฎเกณฑ์โลกดินแดนศักดิ์สิทธิ์เพียงอย่างเดียว ไม่มีศิลาก้อนไหนเลยที่มีอำนาจกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพอยู่ภายใน
แต่นั่นก็พอเข้าใจได้ เนื่องจากเขาได้รับวาสนาจากสวรรค์และปฐพีของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ดินแดนใต้พิภพ สถานที่ที่สภาพแวดล้อมเป็นอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนใต้พิภพวาสนาของเขาก็ไม่ต่างจากคนปรกติทั่วไป
เมื่อรู้เช่นนี้หลิงฮันจึงพยายามเดินตามหาบริเวณที่มีสภาพแวดล้อมเป็นอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ผลลัพธ์ก็คือเขาเก็บเกี่ยวได้มากยิ่งกว่าเดิม ผ่านไปเพียงหนึ่งเดือนเขาเก็บศิลาวิญญาณปฐพีได้ถึงเก้าก้อน แม้ทุกก้อนจะมีขนาดเพียงนิ้วก้อยแต่ก็ยังถือว่ายอดเยี่ยมอยู่ดี
วันนี้เขาได้นำเจ้ากระต่ายกับโสมเฒ่าออกมา ขณะที่พวกเขากำลังเดินกันอยู่ในสนามรบสองดินแดนจู่ๆก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหย่ราวกับแผ่นดินกำลังถล่ม
“นั่นมันกองทัพของดินแดนใต้พิภพ!”
ทิศทางด้านหน้าพวกเขามีสิ่งมีชีวิตใต้พิภพปรากฏให้เห็นอย่างน้อยหนึ่งหมื่นคน ระดับพลังที่ต่ำที่ในหมู่พวกมันคือระดับสุริยันจันทรา ตัวตนระดับดาราในกองทัพด้านหน้ามีถึงอย่างน้อยหนึ่งร้อยคน!
หรือดินแดนใต้พิภพคิดจะเปิดศึกอย่างเต็มรูปแบบแล้ว?