ผู้คนจากห้านิกายโบราณทั้งเก้าคนรีบพุ่งเข้าไปหาหญิงชรา แต่ก็สายเกินไปและใบหน้าของพวกเขาก็ดูเย็นชามากอย่างบอกไม่ถูก
พวกเขาสิบคนกระจายตัวออกไปตามหาหลิงฮัน แต่ในขณะที่ออกตามหาหลิงฮันก็สามารถฆ่าพวกเขาคนหนึ่งได้
ต้องทราบก่อนว่าก่อนหน้านี้หลิงฮันถูกพวกเขากระหน่ำโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัส
นี่แสดงให้เห็นว่ากายหยาบของเขาช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก!
ศัตรูอย่างหลิงฮัน มันทำให้จิตใจของพวกเขาทั้งเก้าคนรู้สึกหนักอึ้งและเต็มไปด้วยความมืดมน
“เจ้าเด็กนี่…จะต้องรีบกำจัดให้เร็วที่สุด”
“ถูกต้อง มิฉะนั้นพวกเราจะเป็นฝ่ายที่ถูกฆ่าตายแทน!”
ทั้งเก้าคนจ้องมองไปที่ศพไร้หัวของหญิงชราด้วยความกลัวและความโศกเศร้า เพราะบางทีรายต่อไปอาจเป็นพวกเขาคนใดคนหนึ่งก็ได้
แม้จะมีคนของนิกายดาบสวรรค์และนิกายกระบี่ไร้เทียมทานอย่างละสองคนที่เข้าใจแก่นแท้แห่งดาบและแก่นแท้แห่งกระบี่ ทำให้พวกเขาสามารถกำจัดอารมณ์ทั้งเจ็ดไปได้ ถึงกระนั้นพวกเขาก็ยังรู้สึกหวาดหวั่นอยู่ดี เพราะหลิงฮันไม่ได้มีเพียงแค่บุปผาครอบงำจิตเท่านั้น แต่ยังมีความแข็งแกร่งที่น่าทึ่งอีกด้วย
บางทีในอีกร้อยปีต่อมา อีกฝ่ายอาจมีความแกร่งที่จะถอนรากถอนโคลนห้านิกายโบราณของพวกเขา
หากเป็นเช่นนั้น พวกเขาที่เป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราเวลาแค่หนึ่งร้อยปีถือว่าเร็วมาก และเวลาที่สั้นแบบนั้น ห้านิกายโบราณของพวกเขาไม่มีทางเสริมสร้างความแข็งแกร่งได้ทันอย่างแน่นอน เวลามันน้อยเกินไป
เวลาหนึ่งร้อยปีสำหรับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราทั่วไปเป็นเหมือนการกระพริบตาที่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่สำหรับจอมยุทธที่เป็นอัจฉริยะ มันสามารถทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้นได้อย่างมาก
“ตามหาให้พบและฆ่ามันซะ!” ทั้งเก้าคนกัดฟันแน่น สถานการณ์ในตอนนี้ไม่ใช่ฆ่าหลิงฮันเพื่อคว้าโอกาสจากอีกฝ่าย แต่เพื่อความอยู่รอดของพวกเขา
ไม่มีใครคนใดในหมู่พวกเขาอยากตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่แข็งแกร่งอย่างพวกเขา
….
หลังจากที่หลิงฮันหลบหนีไปไกล เขาก็กลับเข้าไปในหอคอยทมิฬอีกครั้ง
เขาค่อนข้างพึงพอใจกับผลงานของตัวเอง แม้จะถูกล้อมรอบโดยจอมยุทธสิบคน แต่ก็ยังสามารถสังหารหนึ่งในพวกมันได้
“อย่างไรก็ตาม ข้าพึงพาบุปผาครอบงำจิตมากเกินไป ตอนนี้พลังของมันลดลงไปมาก” หลิงฮันรีบหยุดพอใจกับตัวเองและรีบครุ่นคิดหาวิธี
“ครบสามเดือนแล้ว!”
หอคอยน้อยปรากฏตัวออกมาอย่างกะทันหัน และแจ้งให้หลิงฮันทราบว่าเขาสามารถขัดเกลาร่างกายด้วยเพลิงนิรันดร์ได้แล้ว
ถึงจะผ่านศึกหนักมาก แต่เขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างไม่ลังเล หลังจากที่ถูกจอมยุทธจากห้านิกายโบราณตามล่า ทำให้เขาต้องหลบหนี ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้เขามุ่งมั่นที่จะแข็งแกร่งขึ้น
จากนั้นหลิงฮันก็กระโดดเข้าไปในเปลวเพลิงนิรันดร์
สามวันต่อมา หลิงฮันเดินออกมา ซึ่งแน่นอนว่าร่างกายของเขากลายเป็นเด็กน้อยอีกครั้ง แต่คราวนี้เขาดูเหมือนเด็กอายุประมาณสิบเดือน
“หากเจ้ารักษาความเร็วนี้เอาไว้ได้ เจ้าก็จะสามารถเกิดใหม่จากเถ้าถ่านได้เกือบร้อยครั้ง” หอคอยน้อยกล่าว
หากเกิดใหม่จากเถ้าถ่านได้เกือบร้อยครั้ง แน่นอนว่ามันจะทำให้เขามีความก้าวหน้ามาก
ทว่าใบหน้าของหลิงฮันกลับดูมืดมน เกิดใหม่จากเถ้าถ่านเกือบร้อยครั้ง? แค่คิดก็ทำให้เขารู้สึกสยองแล้ว
แต่ยังไงข้าก็เพิ่งผ่านเปลวเพลิงนิรันดร์มา อย่าเพิ่งคิดถึงเรื่องพวกนั้นจะดีกว่า!
หลิงฮันนับเม็ดยาปราณโลหิตคลั่งออกมา นี่คือเหตุผลหลักที่เขายอมถูกเผาด้วยเปลวเพลิงนิรันดร์
เขาต้องการที่จะแข็งแกร่งขึ้น
ใต้ต้นสังสารวัฎ เวลาสามวันก็เหมือนสามปี
หลิงฮันลุกขึ้นยืน ระดับบ่มเพาะพลังของเขาในตอนนี้อยู่ห่างจากระดับสุริยันจันทราขั้นกลางชั้นปลายแค่อีกก้าวเดียวเท่านั้น และมีพลังต่อสู้ในระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นต้น ถ้าบวกกับอำนาจสวรรค์และใช้ดาบอสูรนิรันดร์แล้วล่ะก็…มันจะทำให้เขามีพลังต่อสู้เทียบเท่าระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดชั้นปลาย
“อย่างไรก็ตาม การเผชิญหน้ากับจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดก็ยังยากลำบากอยู่ดี นอกจากนั้นพวกมันยังมีพลังต่อสู้ที่ไม่ธรรมดา ทั้งยังมีจำนวนคนมากกว่า”
หลิงฮันไม่นิ่งนอนใจ ถ้าเขาสามารถทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้ล่ะก็…พวกมันจะไม่อยู่ในสายตาของเขาเลย
“เอาล่ะ ข้าจะใช้พวกมันทดสอบความแข็งแกร่งของข้าสักหน่อย”
หลิงฮันออกจากหอคอยทมิฬและตามหาจอมยุทธจากห้านิกายโบราณ
แต่ทันทีที่เขาปรากฏตัวออกมา เขาก็รู้ว่าห้านิกายโบราณกำลังตามล่าเขา โดยให้ทุกคนที่อยู่ในเมืองเขี้ยวหมาป่าช่วยกันตามหา ถ้าใครคนใดหาหลิงฮันพบและแจ้งให้ห้านิกายโบราณทราบก็จะได้รับศิลาวิญญาณปฐพีเป็นรางวัล
แม้ว่าเมืองเขี้ยวหมาป่าจะมีกฎว่าห้ามฆ่ากันเอง แต่ห้านิกายโบราณแค่ต้องการตามหาหลิงฮัน ซึ่งพวกเขาไม่ได้บอกว่าจะทำอะไรกับหลิงฮัน – ถึงแม้ทุกคนจะรู้อยู่แก่ใจแล้วก็ตามว่ามันจะต้องไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน
ถึงสนามรบสองดินแดนนั้นกว้างใหญ่ แต่ก็มีหลายคนที่กำลังออกตามหาหลิงฮันอยู่ เมื่อมีใครบางคนหาหลิงฮันพบ เขาก็จะนำข่าวกลับไป แล้วจอมยุทธจากห้านิกายโบราณก็จะรีบแห่กันมาเพื่อฆ่าหลิงฮันทันที
หลังจากต่อสู้กันอย่างดุเดือด หลิงฮันก็สามารถสังหารจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสูงสุดได้สองคน แม้จะได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ตาม
แต่การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้จอมยุทธจากห้านิกายโบราณหวาดหวั่น เพราะพวกเขาพบว่าหลิงฮันแข็งแกร่งขึ้นมากอย่างน่าตกใจ ทั้งที่ผ่านไปแค่ไม่กี่เดือนเท่านั้น
จอมยุทธจากห้านิกายโบราณแทบบ้าคลั่งและรีบตามหาหลิงฮันอย่างเร่งด่วน เพื่อฆ่าหลิงฮันให้เร็วที่สุด และถ้าหากพวกเขาไม่สามารถกำจัดหลิงฮันได้ พวกเขาก็จะขอร้องให้จอมยุทธระดับดาราเป็นคนลงมือไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
แต่หลิงฮันหนีไปที่กองทัพจันทราม่วง
ข้าไม่เห็นหน้าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะตั้งนาน นางจะต้องรู้แน่ว่าข้ากำลังถูกห้านิกายโบราณตามล่าอยู่ ด้วยแผ่นป้ายที่ข้ามี มันจะทำให้ข้าสามารถเข้าไปในกองทัพจันทราม่วงได้อย่างราบรื่น
ในขณะเดียวกันสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะเองก็ไม่ได้เห็นหน้าหลิงฮันมานาน ทำให้นางรู้สึกเป็นห่วงเขามาก หลังจากที่นางเพิ่งจะทำภารกิจใหญ่ของกองทัพจันทราม่วงเสร็จ นางก็ขอหยุดพักสักสองสามวันและไปกับหลิงฮัน
แน่นอนว่าหลิงฮันย่อมมีความสุข แต่น่าเสียดายที่ร่างกายที่แท้จริงของเขายังเป็นแค่เด็กน้อยประมาณสิบเดือน มิฉะนั้นเขาคงจับนางกดไปแล้ว ตอนนี้เขาทำได้แค่อดทนเท่านั้น
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะรู้สึกตกตะลึงกับความเร็วในการก้าวหน้าของหลิงฮัน ถึงนางจะรู้ว่าหลิงฮันเป็นจักรพรรดินักปรุงยา แต่เป็นไปไม่ได้ที่ผลของเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์จะทำให้เขาก้าวหน้าเร็วขนาดนี้
“มานี่ ข้าจะแสดงอะไรบางอย่างให้เจ้าเห็น”
หลิงฮันพาสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะเข้าไปในหอคอยทมิฬ และพานางไปดูต้นสังสารวัฎกับเซียนหวู่เซียง
นี่ทำให้สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะแปลกใจมาก หลิงฮันทำได้ยังไงกัน แม้แต่ตัวตนระดับเซียนก็ยังอาศัยอยู่ในอุปกรณ์มิติของเขา
“เมื่อใดที่ข้าทะลวงผ่านระดับดารา ข้าสามารถปิดด่านฝึกตนที่นี่ได้ แต่ตอนนี้-” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะส่ายหัว การพัฒนาของนางนั้นแตกต่างจากคนอื่น นางจำเป็นต้องสะสมความแข็งแกร่งทางสายเลือด ซึ่งต้นสังสารวัฏนั้นไม่อาจช่วยเหลือนางได้
ทั้งสองคนพูดคุยกันต่ออีกสักพัก ก่อนที่จะออกมาจากหอคอยทมิฬ
หลิงฮันเริ่มก่อไฟ แล้วนำสมุนไพรล้ำค่าที่ปลูกในหอคอยทมิฬออกมา รวมถึงเนื้อโสมที่เป็นส่วนหนึ่งของโสมเฒ่า ซึ่งเขาได้รับมันมาหลังจากที่โสมเฒ่าทะลวงผ่านระดับสุริยันจันทรา มันเป็นยาบำรุงที่ยอดเยี่ยมจริงๆ
อย่างไรก็ตาม เขาต้องใช้เวลาผสมผสานวัตถุดิบพวกนี้
เกือบจะสองวันต่อมา กลิ่นหอมก็ฟุ้งกระจายไปทั่ว
หลิงฮันตักซุปให้กับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะและกำลังเอาไปให้นาง แต่ทันใดนั้นเองเขาก็เห็นสัตว์อสูรตัวน้อยที่โผล่มาจากไหนไม่รู้และคว้าชามของเขาไป
“ช่างน่ารักจริงๆ!” ดวงตาทั้งสองข้างของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะเปล่งประกาย