“พวกเราเคยเจอกันมาก่อนหรือเปล่า?” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์รู้สึกแปลกใจ
ถึงอีกฝ่ายจะเป็นคนแปลกหน้า แต่เขาทำให้นางรู้สึกคุ้นเคยและทำให้นางเกิดหวั่นไหวอยู่ในใจ
สมแล้วที่เป็นภรรยาของเขา!
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เรื่องนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้”
“จริงสิน้องชาย เจ้ามีนามว่าอะไรอย่างนั้นหรือ?” อย่างไรก็ตาม มีสตรีหลายคนในกองทัพจันทราม่วง และพวกนางแต่ละคนต่างหันมาจ้องมองหลิงฮันด้วยความสนใจ
หลิงฮันจ้องมองไปที่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์และพูดว่า “หลิงฮัน”
“หืม!” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์อดที่จะอุทานออกมาไม่ได้
“พี่สาววิหคอมตะสวรรค์ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?” หญิงสาวจำนวนหนึ่งจ้องมองไปที่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์
“ไม่มีอะไร” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์ส่ายหัว ชายหนุ่มตรงหน้าจะต้องเป็นคนชื่อเหมือนเท่านั้น หลิงฮันที่นางรู้จักน่าจะตายอยู่ในทวีปฮงเทียนแล้ว
“ทุกคน ข้ามีเม็ดยารักษาอาการบาดเจ็บจำนวนมากมาแจก มันสามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็ว” หลิงฮันตัดสินใจนำเม็ดยาออกมาแจกเพื่อซื้อใจพวกนาง
เห็นได้ชัดว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์จะอยู่ในกองกำลังจันทราม่วงซักพัก ซึ่งกองกำลังจันทราม่วงนั้นปฏิเสธบุรุษ ดังนั้นหลิงฮันเลยอยากจะสร้างความสัมพันธ์กับพวกนาง
พวกนางดูมีความสุขมาก เพราะสิ่งสำคัญที่สุดของจอมยุทธคือเม็ดยา แม้ราคาของมันจะไม่สามารถเทียบกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ได้ แต่เนื่องจากมันเป็นเม็ดยาที่ใช้แล้วหมดไป เม็ดยาจึงมีราคาแพงมากในดินแดนศักดิ์สิทธิ์
หลิงฮันแจกจ่ายเม็ดยาให้กับพวกนาง ซึ่งการกระทำของเขาดูใจดีเกินจนกลายเป็นแกะดำ
“ไม่เป็นไร ข้าเป็นนักปรุงยา แค่เม็ดยาพวกนี้ถือว่าเล็กน้อย” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากพูดจบ ทุกคนก็ดูประหลาดใจมากยิ่งขึ้น
นักปรุงยาคือคนที่มีสถานะสูงส่ง ถ้านักปรุงยาคนหนึ่งมีระดับบ่มเพาะพลังเท่ากับจอมยุทธผู้หนึ่ง นักปรุงยาคนนั้นก็จะมีสถานะสูงส่งกว่าจอมยุทธผู้นั้นมาก
มันถูกกำหนดโดยความต้องการ
สตรีหลายคนจ้องมองหลิงฮันด้วยแววตาที่สดใส โลกของจอมยุทธนั้นโหดร้าย ถึงพวกนางจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ใครจะไปรู้ว่าชีวิตของตัวเองจะถึงฆาตวันใด บางทีอาจจะเป็นพรุ่งนี้ก็เป็นได้ แต่นักปรุงยานั้นเป็นตัวตนที่มีความมั่นคง ตราบใดที่เขาไม่ริเริ่มเข้าไปแทรกแซงความบาดหมางระหว่างจอมยุทธ สถานะของนักปรุงยาก็จะไม่สั่นคลอน
ดังนั้น การได้แต่งงานกับนักปรุงยาจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
“ปรมาจารย์หลิง ท่านเป็นนักปรุงยาระดับไหนหรือ?” หญิงสาวทุกคนรีบถามเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ก็แค่ระดับแปดน่ะ” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้มและเพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์กับพวกนาง หลิงฮันเลยไม่ปกปิด
ทว่าคำตอบของเขาทำให้พวกนางจ้องมองหลิงฮันด้วยแววตาที่เปล่งประกายยิ่งกว่าเดิม ถ้าพวกนางสามารถกินหลิงฮันได้ พวกนางคงจับเขากินไปแล้ว…
ไข่เต่าทองคำ!
อย่างไรก็ตาม หลิงฮันแค่พูดว่าตัวเองเป็นนักปรุงยาระดับแปด ส่วนมันจะเป็นเรื่องจริงหรือเท็จนั้น แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถบอกได้ด้วยคำพูดของอีกฝ่าย
หลิงฮันแค่ต้องการดึงดูดความสนใจจากพวกนาง และใช้โอกาสนี้พักอาศัยอยู่ที่ค่ายพักแรมของกองทัพจันทราม่วง ท้ายที่สุดเขาก็เป็นนักปรุงยาระดับแปดจริงๆ
ค่ายที่พักของกองทัพจันทราม่วงไม่อนุญาตให้ผู้ชายเข้าไป แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงทุกคนที่อยู่ในกองทัพจันทราม่วงจะเกลียดผู้ชาย ในความเป็นจริง พวกนางส่วนใหญ่ก็เป็นผู้หญิงปกติ แม้จะมีบางคนดื้อดึงก็ตาม
การต่อสู้ที่นี่สามารถเสียชีวิตได้ตลอดเวลา และบางทีชายหญิงอาจร่วมรักกันเพื่อบรรเทาความกดดัน ดังนั้นถ้าผู้นำของกองทัพจันทราม่วงไม่มีกฎเกณฑ์ที่เด็ดขาด เช่นนั้นค่ายที่พักของกองทัพจันทราม่วงก็คงไม่ต่างไปจากซ่อง
แน่นอนว่าสถานะนักปรุงยาของหลิงฮันทำให้หญิงสาวหลายคนสนใจเขา
อย่างไรก็ตามเพื่อประโยชน์ของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์แล้ว เขาจะหลอมเม็ดยาบางอย่างให้กับนาง อย่างเช่นเม็ดยาที่มีระดับต่ำกว่าระดับห้า เขาสามารถหลอมเสร็จได้ภายในวันเดียว ซึ่งจอมยุทธส่วนใหญ่ของกองทัพจันทราม่วงเป็นจอมยุทธระดับภูผาวารี ถ้าเขาหลอมเสร็จและมอบให้กับนาง ความแข็งแกร่งโดยรวมของกองทัพจันทราม่วงก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเส้นตรง
แม้ว่าจะมีบางคนไม่เชื่อว่าเขาเป็นนักปรุงยาระดับแปดเพราะดูเยาว์วัยเกินไป แต่อย่างน้อยก็เป็นนักปรุงยาระดับสี่อย่างไม่ต้องสงสัย
แค่เป็นนักปรุงยาระดับสี่ก็ถือว่ายอดเยี่ยมแล้ว เพราะหลิงฮันยังเยาว์วัยเกินไป การที่คนอย่างเขาเป็นนักปรุงยาระดับสี่ได้ด้วยอายุเพียงแค่นี้ แล้วในอนาคตเขาจะเป็นนักปรุงยาระดับห้า ระดับหก หรือแม้กระทั่งระดับแปดไม่ได้ได้อย่างไร?
ดังนั้น หลังจากผ่านไปสองสามวัน อย่างน้อยเก้าในสิบส่วนของผู้หญิงภายในค่ายพักแรมของกองกำลังย่อยของกองทัพจันทราม่วงมักจะไปที่กระโจมของหลิงฮันเพื่อโปรยเสน่ห์ใส่
…..
“น้องสาววิหคอมตะสวรรค์ช่วยส่งจดหมายฉบับนี้ให้กับปรมาจารย์หลิงที!”
ในป่าเล็กๆที่อยู่ข้างทาง สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์ถูกหญิงสาววัยกลางคนหนึ่งลากเข้าไปและขอให้นางส่งจดหมายให้กับหลิงฮัน
ช่วยไม่ได้ที่หญิงวัยกลางคนคนดังกล่าวจะรู้สึกประหลาดใจ นางมีชื่อว่าจูหลี่หยุน และนางเป็นสหายที่ดีกับสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์ที่พบเจอกันในกองทัพจันทราม่วง ถึงนางจะมีระดับบ่มเพาะพลังเท่ากัน แต่นางก็มีอายุมากกว่าสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์ นางมีอายุมากกว่าหนึ่งล้านแปดแสนปี ดังนั้นนางจึงกลายเป็นหญิงสาววัยกลางคนไปแล้ว
“พี่สาวหยุน หรือว่าท่านเองก็สนใจในตัวชายหนุ่มคนนั้น?” สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์กล่าวด้วยรอยยิ้ม
จูหลี่หยุนยิ้มด้วยความเขินอายและพูดว่า “แม้กระทั่งเจ้าก็ยังหยอกล้อข้า!”
เมื่อเห็นหญิงสาววัยกลางคนยิ้มอย่างเขินอายราวกับสาวน้อย สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์ก็อดหัวเราะไม่ได้และพูดว่า “ทำไมท่านไม่ส่งจดหมายด้วยตัวเองล่ะ?”
“ข้าไม่กล้า!” จูหลี่หยุนกล่าว
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์ส่ายหัวและพูดว่า “บางทีชายหนุ่มคนนั้นอาจไม่ใช่นักปรุงยาระดับแปดก็ได้ และ-” นางไม่อยากจะพูดตรงๆ แต่หลิงฮันยังเด็กเกินไป แต่เขาจะหวั่นไหวเพราะหญิงสาววัยกลางคนได้อย่างไร?
ยิ่งไปกว่านั้นมีหญิงสาวมากมายที่ต้องการพิชิตใจหลิงฮัน แล้วทำไมเขาจะต้องเลือกจูหลี่หยุนด้วย นางดูธรรมดาเกินไป
“หรือเจ้าจะเป็นห่วงว่าพี่สาวของเจ้าจะไม่สวยพอ?” จูหลี่หยุนยิ้มอย่างมั่นใจ “ตอนนี้ข้าเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นสมบูรณ์ ซึ่งยังพอมีหลังที่จะทะลวงผ่านระดับดาราในอนาคต ถ้าชายหนุ่มคนนั้นฉลาด เขาจะต้องแต่งงานกับข้าแน่เพื่อผลประโยชน์ของตัวเขาเอง”
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์ถอนหายใจและส่ายหัวอยู่ในใจ ดูเหมือนสหายสนิทของนางจะไม่ได้สนใจหลิงฮัน แต่ที่สนใจคือสถานะนักปรุงยาของอีกฝ่าย จากนั้นนางก็พูดว่า “ตกลง ข้าจะส่งจดหมายให้พี่สาวหยุนเอง”
“อย่าลืมพูดถึงข้าในแง่ดีล่ะ!” จูหลี่หยุนรีบคว้าแขนของสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์ “เจ้าเป็นคนที่งดงามมาก ไม่ว่าจะเป็นชายใดก็ต้องเชื่อฟังเจ้าอยู่แล้ว”
ด้วยเหตุนี้เองทำสตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์ขมวดคิ้วเล็กน้อยเผยให้เห็นถึงความไม่พอใจ
“ขอโทษน้องสาววิหคอมตะสวรรค์ ที่ข้าเผลอพูดแบบนั้นออกไป ข้าไม่ได้ตั้งใจพูดแบบนั้น” จูหลี่หยุนกล่าวอย่างเร่งรีบ
สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์พยักหน้าและพูดว่า “ถ้างั้นข้าขอตัวไปส่งจดหมายให้พี่สาวหยุน”
นางเดินตรงไปที่กระโจมหลิงของหลิงฮันและพูดว่า “ปรมาจารย์หลิงอยู่ไหม?”
“ข้ามาแล้ว!” ทันทีที่หลิงฮันได้ยินเสียง เขาก็รีบเดินออกมาจากกระโจมทันที แม้ว่าจะมีหญิงสาวมากมายหลายคนมาหาเขาที่กระโจม แต่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์นั้นแตกต่าง นางจงใจสร้างระยะห่างกับเขาเพื่อไม่ให้เขามีโอกาสได้อยู่กับนางเพียงลำพัง
แต่อย่างน้อยนางก็อยู่ที่นี่
เมื่อเห็นหลิงฮันจ้องมองตั้งแต่หัวจรดเท้า ช่วยไม่ได้ที่สตรีศักดิ์สิทธิ์แห่งวิหคอมตะสวรรค์จะเผยสีหน้าไม่พอใจ แต่เมื่อนางได้รับความไว้วางใจจากคนอื่น นางก็ต้องทำหน้าที่ให้สำเร็จและยื่นจดหมายให้กับหลิงฮันพร้อมกับพูดว่า “นี่คือจดหมายจากพี่สาวของข้าที่ขอให้ข้ามอบให้เจ้า นางอาจเกินไปที่จะมอบให้เจ้าด้วยตัวเองและขอให้ข้าเป็นคนให้แทน”
จดหมายรัก?
เพียงแค่เหลือบมองหลิงฮันก็เดาได้ทันที และช่วยไม่ได้ที่สีหน้าของเขาจะเปลี่ยนไป
ภรรยาของข้า เป็นคนมาส่งจดหมายรักของคนอื่นให้ข้าด้วยตัวเอง นี่มันเรื่องตลกอะไรกัน?