ราชารุ่นเยาว์เป็นแค่เหยื่อล่อ
นี่ทำให้หลิงฮันและคนอื่นๆรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ถึงพวกเขาจะเป็นอัจฉริยะรุ่นเยาว์ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ พวกเขาก็ไม่ต่างอะไรไปจากมด
ไม่ใช่ อู๋เจ๋อกลายเป็นผู้เสียสละให้เป็นภาชนะของจอมยุทธจากดินแดนใต้พิภพ และในท้ายที่สุดเขาก็ถูกสังหารอย่างไร้ความปราณี
อัจฉริยะอันดับต้นๆของจักรวาล ไม่ต่างอะไรกับก้อนหินในสายตาของชายผิวฟ้า และไม่มีสิทธิ์ที่จะทำให้สนใจ
และชะตากรรมดังกล่าวอาจเกิดขึ้นกับพวกเขาคนใดคนหนึ่ง
ทำไมต้องเป็นอู๋เจ๋อ? นั่นเป็นเพราะเขาเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่ม จึงเป็นผู้ถูกเลือก
พวกเขาสามารถตายจากการต่อสู้ได้ แต่ถ้าตายด้วยวิธีนี้ มันเป็นการตายที่ไร้ค่าเกินไป
แต่ใครจะสามารถพูดโต้แย้งอะไรได้?
ชายผิวฟ้าก็ตายไปแล้ว วิญญาณชั่วร้ายของจอมยุทธใต้พิภพก็สลายหายไปแล้วเช่นกัน ดังนั้นอู๋เจ๋อจึงกลายเป็นผู้ที่น่าสงสารอย่างแท้จริง
พวกเขาทั้งหกคนถึงกับพูดอะไรไม่ออกอยู่พักใหญ่ๆ แต่ในที่สุดก็มีคนเอ่ยปากพูด
“พวกเรากลับไปที่พระราชวังกันเถอะ เพื่อดูว่ามีทักษะลับอะไรหลงเหลืออยู่อีกหรือไม่” สืออันเกาเป็นคนพูดทำลายความเงียบงัน
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย คนที่ตายไปแล้วไม่สามารถคืนชีพขึ้นมาได้ แม้พวกเขาจะอยู่ที่นี่ต่อก็ไม่มีอะไรดีขึ้นมา
เมื่อพวกเขากลับไปที่พระราชวัง บอลแสงยังคงลอยอยู่บนฟ้าอย่างเงียบๆ แต่เมื่อพวกเขากระโจนเข้าไปเก็บมัน บอลแสงก็ยังคงหลบหนี ทำให้พวกเขาไม่มีโอกาสได้รับมันมา
มันดูเหมือนว่าความแข็งแกร่งของพวกเขายังไม่เพียงพอที่จะคว้ามันเอาไว้ได้ แล้วตอนนี้พวกเขาก็ใกล้ถึงเวลากลับแล้ว
นอกจากนี้ระหว่างทางกลับก็อาจมีสมบัติที่หลงเหลืออยู่ใต้ซากปรักหักพังให้เก็บเกี่ยวอยู่บ้าง หากอยู่ที่นี่ต่อไปก็มีแต่จะเสียเวลาเปล่าและไม่ได้รับอะไรเพิ่ม
หลังจากออกจากพระราชวัง พวกเขาเดินไปยังสถานที่ที่อู๋เจ๋อถูกฆ่าตายอีกครั้ง ทว่าแม้แต่กระดูกก็ยังไม่เหลือ พวกเขาทำได้แค่เดินส่ายหัวกลับไป
หลังจากออกเดินทางจากพระราชวังมาเป็นเวลานาน หลิงฮันก็พาสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินออกมาจากหอคอยทมิฬ และเมื่อโสมเฒ่าปรากฏตัวออกมา ใบหน้าของเขาดูมืดมนเป็นอย่างมากและพูดว่า “เจ้าเด็กสารเลว อุปกรณ์มิติของเจ้ามันคืออะไรกัน? ทำไมมันถึงผิดปกติขนาดนี้?”
เขาเกือบถูกจิตวิญญาณภายในหอคอยทมิฬนำไปปลูกเพื่อนำไปปลูกปรุงยา และยังมีต้นไม้เฒ่าโบราณอยู่ในนั้นด้วย ดังนั้นเขาจึงต้องเรียกอีกฝ่ายว่าท่านปู่อย่างเชื่อฟัง
นอกจากต้นไม้เฒ่าแล้วยังมีจิตวิญญาณของจอมยุทธอยู่อีก แม้จะไม่มีตัวตนเป็นรูปเป็นร่าง แต่ก็ยังทำให้เขาหวาดกลัวอยู่ดี
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เจ้าสนุกไหม?”
.”สนุกกับน้องสาวเจ้าสิ ข้าจะสังหารเจ้าที่กล้าทำให้ข้าต้องหวาดกลัว!” โสมเฒ่ากล่าวด้วยความโกรธและเตะใส่หลิงฮัน
หลิงฮันป้องกันลูกเตะของโสมเฒ่าได้อย่างง่ายดาย เมื่อเขาระบายอารมณ์จนพอใจ เขาก็หยุดเตะใส่หลิงฮัน แต่ก็ไม่หันหน้าไปมองหลิงฮัน
“นี่เจ้าอารมณ์เสียอย่างนั้นรึ?” หลิงฮันหัวเราะ
โสมเฒ่าหันหน้าไปทางสุ่ยเยี่ยนยวี่และพูดกับนางว่า “แม่นางต้องการเป็นคู่หูของข้าหรือไม่? ข้ามีดีกว่าเจ้าเด็กนี่เป็นไหนๆ เห็นนี่หรือไม่ มันจะทำให้เจ้าดูอ่อนวัยขึ้นสามปีหรืออาจจะสิบปีเลย! อ๊าก!”
โสมเฒ่าถูกหลิงฮันตบหัวและกรีดร้องออกมาอย่างกระทันหัน
จากนั้นหลิงฮันก็เดินกลับไปที่จุดนัดพบ ซึ่งมีหลายคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่แล้ว เพราะเหลือเวลาอีกแค่สามวันเท่านั้นก่อนจะครบครึ่งปี จึงเป็นเรื่องธรรมดาที่พวกเขาจะมาถึงก่อนเวลา เพราะหากพลาดโอกาสที่จะออกจากเขตแดนลี้ลับก็จะต้องตกตายอยู่ที่นี่
“อาจารย์!” ติงผิงเป็นคนวิ่งนำหน้ามาหาเขา ตามมาด้วยมู่หลงชิงและคนอื่นๆ พวกเขาเหล่านี้ยังไม่ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด ดังนั้นจึงไม่สามารถเดินทางไปยังสถานที่ต่างๆ อย่างเช่นภูเขาเหยี่ยว
“หืม พี่รองยังไม่กลับมาอีกงั้นหรือ?” หลิงฮันกวาดสายตามอง แต่ไม่เห็นจักรพรรดิพิรุณ
ทุกคนส่ายหัว เพราะพวกเขาแยกย้ายออกเดินทางไปตามทางของตัวเอง ดังนั้นจึงไม่มีใครทราบว่าจักรพรรดิพิรุณอยู่ที่ไหนและประสบปัญหาอะไรอยู่
“ด้วยความแข็งแกร่งและความสามารถของพี่รอง เขาน่าจะไม่เป็นอะไร” หลิงฮันกล่าว เขาเชื่อมั่นในตัวจักรพรรดิพิรุณมาก
“เอ่อ? ศิษย์พี่สุ่ยและราชินีที่เก้า ทำไมพวกท่านถึงมาอยู่ตรงนี้ได้?” หลี่เหว่ยเหว่ยและจื่อหยุนเอ๋อเดินเข้ามา พวกนางเป็นศิษย์ของนิกายสวรรค์เยือกแข็งเหมือนกัน ดังนั้นพวกนางจึงเข้ามาที่นี่ได้
หลิงฮันไม่รู้จักพวกนางทั้งสองคนมาก่อน ดังนั้นพวกนางจึงไม่รู้จักตัวตนของหลิงฮัน ที่พวกนางคิดคือทำไมสุ่ยเยี่ยนยวี่และหูเฟยหยินถึงอยู่กับผู้ชายแปลกหน้าคนนี้
สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้าให้กับพวกนางทั้งสองคน ส่วนหูเฟยหยินดูกระตือรือร้นเป็นพิเศษเริ่มอธิบายให้ทั้งสองคนเข้าใจทันที นางยังเด็กมากและเพื่อนในวัยเดียวกันเพื่อแบ่งปันความสุข ความทุกข์และความโศกเศร้า
แต่ยังดีที่หูเฟยหยินสามารถเก็บความลับของหลิงฮันเอาไว้ได้ว่าเขาคือหลิงฮัน
สองวันผ่านไป จักรพรรดิพิรุณก็ยังไม่กลับมา
ตอนนี้หลิงฮันและคนอื่นๆเริ่มแสดงท่าทีกระวนกระวาย
อีกแค่วันเดียวเท่านั้นเขตแดนลี้ลับจะเปิดอีกครั้งและทุกคนต้องออกไปจากที่นี่ มิฉะนั้นคนที่ติดอยู่จะต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล
เกิดอะไรขึ้นกับจักรพรรดิพิรุณกันแน่?
ภายใต้ความวิตกกังวลของทุกคน วันที่สามก็มาถึง แต่จักรพรรดิพิรุณก็ยังไม่กลับมา
ครืน ครืน ห้วงมิติเริ่มฉีกขาดและประตูก็ปรากฏอย่างเงียบๆ โดยที่ทุกคนสามารถมองเห็นมือยักษ์ที่กำลังเปิดช่องว่างห้วงมิติอยู่
ปรมาจารย์สามวิถี
“พวกเจ้าออกมาได้”
“ไป!”
ผู้คนเริ่มทยอยออกจากเขตแดนลี้ลับ แต่เนื่องจากมีคนค่อนข้างมาก ดังนั้นการอพยพจึงล่าช้า และต้องใช้เวลาอยู่สักพัก
“พี่รอง ทำไมเจ้าถึงยังไม่กลับมาอีก!” มู่หลงชิงพูดอย่างกระวนกระวาน
หลิงฮันเองก็รู้สึกเป็นห่วงเช่นกัน แต่ทันใดเขาก็คิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้และพูดว่า “พี่รองอาจเป็นผู้ที่ถูกเลือก!”
“ผู้ที่ถูกเลือก?” เฟิงโป๋วหยุนและคนอื่นๆไม่เข้าใจที่หลิงฮันพูด
หลิงฮันกล่าวว่า “ก่อนหน้านี้ข้าเคยไปที่พระราชวัง ซึ่งเป็นเจ้าของเขตแดนลี้ลับแห่งนี้ เขาได้ทิ้งข้อความเอาไว้ว่า อัจฉริยะทั้งเจ็ดและผู้สืบทอดของข้า อัจฉริยะทั้งเจ็ดคนที่เขาพูดถึงอาจเป็นข้าและราชาอีกหกคน พวกเราได้เปิดประตูพระราชวังด้วยกัน ส่วน ‘ผู้สืบทอด’ มันน่าจะเป็นคนที่ถูกเขาเลือก”
“ตอนนั้นข้าคิดว่ามันอาจเป็นพวกข้าคนใดคนหนึ่งในหมู่เจ็ดราชา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่า…จะเป็นคนอื่น”
“มันมีความเป็นไปได้สูงมากที่จะเป็นพี่รอง!”