แม้ว่าอู๋เจ๋อจะเป็นราชารุ่นเยาว์ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าตัวเองเป็นราชาที่อ่อนแอที่สุดในเจ็ดราชา
นี่คือหนึ่งในเหตุผลที่ว่าทำไมเขาถึงถูกสิ่งมีชีวิตลึกลับครอบงำ ยิ่งอ่อนแอเท่าไหร่ ยิ่งครอบงำได้ง่ายขึ้นเท่านั้น และโอกาสครอบงำสำเร็จก็จะยิ่งสูงขึ้น
แต่ตอนนี้อู๋เจ๋อกำลังถูกหกราชาโจมตี และเกรงว่าเขาอาจถูกฆ่าตายในทันที
ตู้ม!
เมื่อการโจมตีจากทั้งหกคนมาถึง อู๋เจ๋งเพียงแค่ยกมือซ้ายขึ้นมาป้องกันและมีพลังบางอย่างไม่มองไม่เห็นสลายการโจมตีของทั้งหกคน จากนั้นเขาก็พูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่าเพิ่งรีบร้อน รอข้าชินกับร่างกายนี้เมื่อไหร่ ข้าจะสังหารพวกเจ้าทีละคน!”
รอยยิ้มและน้ำเสียงของเขานั้นดูชั่วร้ายมาก
หลิงฮันและคนอื่นๆรู้สึกตกใจ มันเป็นแบบนี้ได้ยังไงกัน? การที่อีกฝ่ายสามารถหยุดการโจมตีของพวกเขาทั้งหกคนได้ นั่นหมายความว่าความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายจะต้องเหนือกว่าระดับสุริยันจันทราขึ้นไป
แล้วทำไมเขาถึงยังไม่ถึงขับไล่ออกไปอีก?
“ฮ่าฮ่าฮ่า นี่ไม่ใช่ความแข็งแกร่งของข้า แต่เป็นพลังของอำนาจแห่งกฎเกณฑ์” อู๋เจ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม แต่ใบหน้าของเขาปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย เขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่กลายเป็นภาชนะของสิ่งมีชีวิตลึกลับ
เขาอธิบายอย่างสุภาพว่า “ข้าผู้นี้เกือบทะลวงผ่านระดับวารีนิรันดร์ขั้นสูงสุด อีกเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้นก็จะทะลวงผ่านระดับสร้างสรรพสิ่ง แล้วพวกเจ้าสามารถจินตนาการความแข็งแกร่งของข้าออกหรือไม่?”
หลังจากพูดจบ เขาก็บิดตัวไปมา กระดูกทั้งร่างส่งเสียงแตกหัก ดูเหมือนว่าเขากำลังปรับเปลี่ยนร่างกายให้เข้ากับ
“โจมตีอีกรอบ!” หลิงฮันและคนอื่นๆต่างก็แสดงความแข็งแกร่งของตนเองออกมา
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเคยเป็นจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ แต่ตอนนี้อีกฝ่ายเหลือแค่จิตวิญญาณที่กำลังพึ่งพาร่างกายของจอมยุทธระดับภูผาวารี หากเขาสามารถระเบิดพลังของจอมยุทธระดับวารีนิรันดร์ออกมาได้ เรื่องแบบนั้นคงไร้เหตุผลอย่างมาก
ตอนนี้เฉินจู๋เอ๋อและคนอื่นๆไม่กล้าปลดปล่อยพลังต่อสู้สิบดาว มิฉะนั้นพวกเขาจะต้องแบกรับผลที่จะตามมา มันไม่ได้เป็นการเพิ่มพลังต่อสู้ให้พวกเขาเพียงอย่างเดียว แต่อาจนำความตายมาให้ด้วย
ทั้งหกคนปลดปล่อยทักษะที่ทรงพลังที่สุดออกไปและต้องการสังหารอู๋เจ๋อให้ได้
แต่อู๋เจ๋อก็ยังคงต้านทานการโจมตีของพวกเขาได้ด้วยมือข้างเดียว แม้มันจะเป็นเพียงแค่อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ธรรมดาเหมือนอักขระศักดิ์สิทธิ์ แต่ก็มีประสิทธิภาพที่น่าตกตะลึงและป้องกันการโจมตีทั้งหมดของหกราชาได้อย่างง่ายดาย
ในขณะเดียวกัน เขาก็ยังคงเปลี่ยนแปลงร่างกาย แผ่นหลังของเขามีกระดูกปูดออกมา ส่วนที่หน้าผากก็มีเขางอกออกมา ซึ่งมันกำลังส่องแสงด้วยความมันวาว
ถ้าอู๋เจ๋อยังมีสติ บางทีนี่อาจทำให้เขาพอใจ
เพราะก่อนหน้านี้ ในหมู่ราชาทั้งเจ็ดคน เขาเป็นคนที่อ่อนแอที่สุด แต่ตอนนี้เขาสามารถป้องกันการโจมตีของราชาทั้งเจ็ดคนได้อย่างง่ายดาย
นี่เป็นความสำเร็จที่เขาคาดไม่ถึงอย่างแน่นอน อาจกล่าวได้ว่าเขากลายเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งไปแล้ว!
แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่อู๋เจ๋ออีกต่อไป
“อ่า ข้ารู้สึกดียิ่งนัก!” อู๋เจ๋อบิดคอ ตอนนี้ร่างกายของเขาสูงขึ้นอย่างน้อยสองเท่า ร่างของเขาแข็งแกร่งมากและมีผิวสีดำสนิท
เขายืดตัวอีกครั้ง จากนั้นก็มองไปที่หลิงฮันด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “เจ้าหนอนแมลงชั้นต่ำ ข้าควรสังหารเจ้ายังไงดี?”
“ถามน้องสาวเจ้าดูสิ!” หลิงฮันรีบถอยสร้างระยะห่าง จากนั้นก็ใช้ทักษะศรฆ่ามังกรทะลวงดาราและยิงใส่อู๋เจ๋อ
ปัง!
อู๋เจ๋อเหยียดมือขวาออกไป และใช้สองนิ้วจับลูกศรของหลิงฮัน ฉากที่เกิดขึ้นมันน่าตกตะลึงอย่างแท้จริง ต้องทราบก่อนว่าศรฆ่ามังกรทะลวงดารานั้นรวดเร็วแค่ไหน แต่เขากลับจับลูกศรด้วยสองนิ้วมือ
“มันทักษะที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อย ถ้าข้าไม่เชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์ ข้าคงพลาดท่าให้กับเจ้าไปแล้ว!” อู๋เจ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“มันได้ผล!” เฉินจู๋เอ๋ออุทานด้วยความตื่นเต้น “นิ้วของเขาได้รับบาดเจ็บ!”
แน่นอนว่าเลือดที่ไหลออกมาจากนิ้วของอู๋เจ๋อยังคงเป็นสีแดง
“บัดซบ!” ใบหน้าของอู๋เจ๋อเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “ร่างกายนี่ยังอ่อนแอเกินไป!”
“แม้ว่ามันจะเชี่ยวชาญอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มากกว่าพวกเรา แต่ร่างกายและความแข็งแกร่งยังคงเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง!” สืออันเการีบกล่าว
“แต่ยังไงพวกเราก็ไม่มีโอกาสชนะมันได้!” เหอเต๋อกล่าว
ทั้งหกคนพยักหน้าเห็นด้วย ถึงตอนนี้พวกเขาจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ แต่ก็ไม่มีพวกเขาคนใดตื่นตระหนก จะพูดให้ถูกคือพวกเรากำลังวิเคราะห์อย่างใจเย็น
อู๋เจ๋อแสยะยิ้มและพูดว่า “แล้วยังไง ภายใต้อำนาจแห่งกฎเกณฑ์ของข้า พวกเจ้าจะไปทำอะไรได้?”
เชายื่นมือออกไปข้างหน้า และอักขระศักดิ์สิทธิ์บนร่างกายก็ส่องแสงกลายเป็นโซ่ที่พุ่งเข้าหาราชาทั้งหกคน
หลิงฮันและคนอื่นๆรีบหลบอย่างรวดเร็ว ความแข็งแกร่งของอู๋เจ๋อไม่ได้ด้อยกว่าพวกเขามากนัก แต่อีกฝ่ายเชี่ยวชาญการใช้พลังอำนาจแห่งกฎเกณฑ์มากกว่า ดังนั้นจึงไม่มีใครมีพลังต่อสู้เทียบเท่ากับเขา
“ฮ่าฮ่าฮ่า!” อู๋เจ๋อส่งเสียงหัวเราะ ดูเหมือนว่าเขาจะพอมีสติเป็นของตัวเองอยู่บ้าง มิฉะนั้น จอยุทธระดับภูผาวารีที่เป็นแค่ ‘มด’ ไม่กี่ตัว แม้ว่าเขาจะสามารถสยบทั้งหกคนได้ ทำไมเขาจะต้องหัวเราะอย่างภาคภูมิใจด้วย?
หลิงฮันโจมตีใส่อู๋เจ๋อด้วยศรฆ่ามังกรทะลวงดาราอีกครั้ง พร้อมกับพยายามสร้างระยะห่างจากอีกฝ่าย
นี่คือการโจมตีที่สามารถคุกคามอู๋เจ๋อได้
แม้แต่อู๋เจ๋อก็ยังไม่กล้าประมาท พลังต่อสู้ของเขาเหนือกว่าก็จริง แต่ยังไงเขาก็เป็นแค่จอมยุทธระดับภูผาวารีเท่านั้น นี่คือจุดอ่อนที่ยิ่งใหญ่ ดังนั้นเขาจึงต้องให้ความสำคัญต่อการโจมตีของหลิงฮัน มิฉะนั้นร่างกายของเขาอาจได้รับบาดเจ็บร้ายแรง
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนอื่นๆมีเวลาปลดปล่อยทักษะออกมา
“ดาบไผ่สังหาร!” เฉินจู๋เอ๋อกรีดร้อง จากนั้นใบไผ่นับไม่ถ้วนกลายเป็นดาบไผ่ที่พุ่งเข้าหาอู๋เจ๋อ
“พยัคฆ์เพลิงอัคคีม่วง!” สืออันเกาคำราม เมื่อเขาผสานมือก็มีพยัคฆ์เปลวเพลิงปรากฏออกมา มันถูกปกคลุมไปด้วยเพลิงสีม่วงและพุ่งเข้าหาอู๋เจ๋อ
“วารีทมิฬ!” เหอเต๋อตะโกนและหลับตาข้างหนึ่ง โดยที่ดวงตาอีกข้างเบิกกว้างและมีวารีทมิฬพุ่งออกมา
ราชาทั้งหกคนต่างใช้ทักษะเฉพาะตัวออกมาใช้ ในเวลานี้ไม่มีใครกล้าหมกเม็ด มิฉะนั้นคงไม่มีโอกาสได้ออกไปจากที่นี่
ตู้ม ท้องฟ้าสว่างเจิดจ้า การโจมตีของพวกเขาทั้งหกคนพุ่งเข้าหาอู๋เจ๋อ