จักรพรรดินีแห่งดารารู้เรื่องนี้เหมือนกัน นางไม่ขยับตัวแต่ปลดปล่อยกลิ่นอายแห่งบรรพกาลออกมาจากทั่วร่างกาย กลิ่นอายของนางนั้นทรงพลังจนราวกับผนึกของเซียนหวู่เซียงจะถูกทำลายและฟื้นพลังกลับมา
เงาของอสรพิษขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ด้านหลังของนาง หัวของงูแต่ละหัวนั้นใหญ่ยิ่งกว่าภูเขา ไม่สิ… อาจจะยิ่งกว่าดวงดาวด้วยซ้ำ ปากของมันนั้นราวกับจะกลืนกินดาวทั้งดวงลงไปได้
“เก้าอสรพิษ! แท้แท้เจ้าก็เป็นเผ่าเก้าอสรพิษ!” เสียงของเซียนหวู่เซียนสั่นสะท้านไปด้วยความตกตะลึงและความตื่นเต้น “ฮ่าๆๆ ไม่น่าแปลกใจทำไมผู้อาวุโสถึงรู้สึกคุ้นเคยกับกลิ่นอายของเจ้า ที่แท้เจ้าก็เป็นเผ่าเก้าอสรพิษในตำนาน!”
“สายเลือดของเจ้ารวมกับการฝึกสอนของผู้อาวุโสผู้นี้ ลูกศิษย์ในอนาคตของข้าจะต้องแข็งแกร่งที่สุดใต้สวรรค์และปฐพี!”
เผ้าเก้าอสรพิษ?
หลิงฮันมึนงง ดูจากความตื่นเต้นของเซียนหวู่เซียงแล้ว เผ่าเก้าอสรพิษจะต้องแข็งแกร่งมากแน่นอน แต่น่าเสียดายที่เขาไม่รู้ข้อมูลของเผ่าที่ว่าเลย
จักรพรรดินีแห่งดารายังคงยืนนิ่ง ร่างของนางสั่นไหวจากการที่พยายามหลุดจากผนึกของเซียนหวู่เซียง
“สาวน้อยอย่าพยายามอย่างสูญเปล่าเลย ถึงแม้เจ้าจะมีสายเลือดของเผ่าเก้าอสรพิษ แต่พลังบ่มเพาะของเจ้าเป็นเพียงระดับดารา ส่วนผู้อาวุโสคือระดับสร้างสรรพสิ่ง! ระดับสร้างสรรพสิ่งคือเซียน ความห่างของเจ้ากับข้านั้นกว้างใหญ่เกินไป หนึ่งความคิดของข้าสามารถบดขยี้สวรรค์ เจ้าคิดว่าจะหลุดพ้นการควบคุมของข้าได้?” เซียนหวู่เซียงกล่าว
จักรพรรดินีแห่งดาราปฏิเสธที่จะยอมรับชะตากรรมของตนเอง นางคือจักรพรรดินีผู้อยู่เหนือคนอื่น ไม่มีทางที่นางจะยอมแพ้โดยไม่ต่อต้าน
“เจ้าหนู มัวทำอะไรอยู่ รีบๆลงมือเร็วเข้า นี่เจ้าไม่หลงเสน่ห์สตรีที่งดงามผู้นี้เลยรึ? นี่เจ้าเป็นขันทีรึไงกัน?” เซียนหวู่เซียงจงใจยั่วยุ
หลิงฮันมองไปยังจักรพรรดิแห่งดาราและกล่าว “เจ้าไม่ต้องกังวล แม้ข้าจะไม่ได้คิดว่าข้าเป็นสุภาพบุรุษ แต่ก็ข้าก็ไม่ฉวยโอกาสกับสตรีแน่นอน”
จักรพรรดินีแห่งดาราไม่สบอารมณ์ นางยืนอยู่บนจุดสูงสุดมาเป็นเวลานาน เหตุใดนางต้องให้คนอื่นมารู้สึกสมเพชเห็นใจด้วย? หากไม่ใช่เพราะนางถูกผนึกพลังบ่มเพาะเอาไว้ นางคงสับหลิงฮันออกเป็นสลายชิ้นตามใจต้องการแล้ว
“ช่างปากแข็งเสียจริงเจ้าหนู ข้าไม่หนูหรอกนะว่าเจ้าจะอดกลั้นได้นานแค่ไหน แต่ผู้อาวุโสคนนี้ไม่รีบ ข้าจะรอเจ้าไปอีกสิบปีก็ได้” เซียนหวู่เซียงกล่าว
หลังจากกล่าวเสร็จเสียงของเซียนไร้เทียมทานก็ไม่ดังขึ้นมาอีกเลยราวกับว่าเขาเลิกเฝ้ามองหลิงฮันแล้ว
หนึ่งวัน สองวัน สามวัน… วันเวลาค่อยๆผ่านไป ในมิติของหอคอยชั้นเก้า มีเพียงแค่หลิงฮันกับจักรพรรดินีแห่งดาสองคน
หลิงฮันไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษอะไร แต่ในฐานะบุรุษแล้ว ต่อให้จักรพรรดินีแห่งดาราจะมีความงามที่เย้ายวนแค่ไหน เขาก็ไม่มีทางฉวยโอกาสกับสตรีที่ ‘อ่อนแอ’
หลักการนี้ของเขาจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง
เขาบ่มเพาะพลังทุกวัน ในร่างของเขามีแก่นพลังวิญญาณของจ้าวอสูรอยู่ บวกกับที่นี่มีพลังชีวิตที่เข้มข้น ความก้าวหน้าของเขาจึงไม่เชื่องช้าเลย
โชคร้ายที่เขาไม่สามารถเข้าไปในหอคอยทมิฬได้ ไม่เช่นนั้นด้วยต้นสังสารวัฏจะทำให้เขาบ่มเพาะพลังได้รวดเร็วกว่านี้อีก
สิบวัน ยี่สิบวัน หนึ่งเดือน
หลิงฮันกับจักรพรรดินีแห่งดารานั้น แม้จะอยู่ในห้องเดียวกันสองต่อสอง พวกเขาก็ไม่เปิดปากคุยกันสักคำ
‘จักรพรรดินีจอมหยิ่ง!’
หลิงฮันกล่าวในใจ นางไม่รู้รึไงว่าเขาต้องอดกลั้นอดทนขนาดไหนเพื่อจะได้ไม่จับกดนาง
“เฒ่าตัวเหม็น! เฒ่าตัวเหม็น!” หลิงฮันตะโกน
“เจ้าเด็กไร้มารยาท เจ้าเรียกข้าว่าอะไรนะ?” เซียนหวู่เซียงไม่พอใจ
“เจ้าทั้งชราและไม่น่าเคารพ เป็นธรรมดาที่ข้าจะเรียกเจ้าแบบนั้น” หลิงฮันยิ้ม “เฒ่าตัวเหม็น แล้วคนอื่นๆที่มายังดาวสุสานแห่งนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง?”
“เจ้ายังไม่เป็นคู่บ่าวสาวให้ข้าเลย ยังจะไปสนใจคนอื่นอีกรึ?” เซียนหวูเซียงเค้นเสียงไม่พอใจ ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเขาเหลืออยู่เพียงวิญญาณ บางทีต่อให้เป็นเขาก็ต้องหลงไหลในความงามของสตรีเผ่าเก้าอสรพิษนางนี้
“ดูเหมือนว่าข้าจะออกจากที่นี่ไปไม่ได้อีกหลายพัก เข้าช่วยบอกกับสหายข้าให้หน่อยได้รึไม่ว่าไม่ต้องเป็นห่วงข้า” หลิงฮันกล่าว
“ทำไมผู้อาวุโสต้องเป็นมือเป็นเท้าให้เจ้า?” เซียนหวู่เซียงไม่สบอารมณ์อย่างแท้จริง เข้าเคยเป็นถึงตัวตนระดับเซียน จะให้เขายอมเชื่อฟังทำตามคำพูดของรุ่นเยาว์นั้นก็เรียกว่าเกินไป
หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “ตอนนี้เขากำลังพึ่งพาข้าอยู่ แค่เรื่องเล็กน้อยเท่านี้ก็ทำให้ข้าหน่อยไม่ได้รึ?”
“เจ้าหนูตัวร้าย!” เซียนหวู่เซียงถอนหายใจ “ตกลง ผู้อาวุโสจะไปบอกสตรีที่เป็นสหายของเจ้าให้”
สองเดือนต่อมา หลิงฮันบรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุดเรียบร้อยและใกล้จะทะลวงผ่านขั้นต่อไปแล้ว
นี่คือเวลาที่เขารอคอย
ฝ่าฟันบททดสอบสายฟ้าสวรรค์
ทั่วสวรรค์และปฐพีที่ยิ่งใหญ่ บททดสอบสายฟ้าสวรรค์คือพลังที่ทรงอำนาจที่สุด!
บททดสอบสายฟ้าสวรรค์ไม่คุกคามคนอื่นนอกจากจอมยุทธที่ทะลวงผ่าน แต่หลิงฮันตั้งใจจะใช้โอกาสนี้ในการทำลายมิติที่ปิดกั้นแห่งนี้เพื่อหนีจากสถานการณ์ในตอนนี้
เป็นเพราะเขาไม่ได้บ่มเพาะพลังใต้ต้นสังสารวัฏทำให้เขาต้องใช้เวลาถึงครึ่งปีกว่าจะถึงขั้นตอนนี้ อำนาจของบททดสอบสายฟ้าสวรรค์คือพลังที่แม้แต่ตัวตนระดับสร้างสรรค์พสิ่งก็ไม่อาจลบล้างได้ เมฆสายฟ้าเริ่มก่อตัวกันกลางอากาศพร้อมจะสร้างความหายนะแล้ว
“อะไรกัน!” เซียนหวู่เซียงอุทาน “เจ้าหนู นี่เจ้ากินอะไรเข้าไปกันแน่ เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปีเจ้ากลับบ่มเพาะพลังจากขั้นสูงชั้นปลายจนบรรลุขั้นสูงชั้นสูงสุด แถมยังพร้อมจะทะลวงผ่านไปยังขั้นต่อไป?”
การสะสมพลังวิญญาณจากชั้นปลายไปชั้นสูงสุดไม่ใช่เรื่องน่าตกใจเท่าไหร่ เพราะอย่างไรสวรรค์และปฐพีก็มีสมบัติมากมายที่ช่วยให้เป็นเช่นนั้นได้ แต่การเข้าใจกฎเกณฑ์ของสวรรค์เพื่อทะลวงผ่านนั้นใช่เรื่องง่ายเสียทีไหนกัน?
เขาไม่รู้ว่าในร่างหลิงฮันมีแก่นพลังของจ้าวอสูรอยู่ ถึงแม้จะมีเจตจำนงเหลืออยู่เพียงเล็กน้อย แต่นั่นก็เพียงพอที่จะช่วยให้หลิงฮันทะลวงผ่านทุกขั้นพลังของระดับภูผาวารีได้อย่างไร้คอขวด
“ฮ่าๆ ที่แท้ก็มีแผนการเช่นนี้อยู่งั้นรึเจ้าหนู เจ้าคิดจะใช้บททดสอบสายฟ้าสวรรค์ทำลายมิติกักขังของผู้อาวุโส?” เซียนหวู่เซียงแสยะยิ้ม “เจ้าหนู เจ้ายังเด็กเกินไปที่จะต่อต้านข้าคนนี้”
‘ครืนนน’ คลื่นสายฟ้าพุ่งลงมาใส่ร่างของหลิงฮัน
ร่างของหลิงฮันปะทะเข้ากับบททดสอบสายฟ้าสวรรค์ เขาล้มเลิกความคิดอื่นและสลายพลังป้องกันของกายหยาบเพื่อดูดซับพลังของสายฟ้าสวรรค์เข้าสู่ร่างกายจนร่างกายมีสภาพบาดเจ็บ
“โอ้?” จักรพรรดินีแห่งดาราถอยเขยิบ แม้สายฟ้าสวรรค์จะกระหน่ำลงมาอย่างต่อเนื่อง แต่ตราบใดที่นางไม่ลงมือกับหลิงฮันสายฟ้าสวรรค์ก็จะไม่โจมตีนาง แต่แน่นอนว่าถึงแม้หลิงฮันจะเป็นคนโจมตีนางก่อนแล้วนางโต้ตอบ สายฟ้าสวรรค์ก็จะเปลี่ยนมาผ่าลงเข้าใส่ทั้งสองคนอยู่ดี
เห็นได้ชัดว่าก่อนหน้านี้กายหยาบของหลิงฮันแข็งแกร่งเทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ แต่ทำไมร่างของเขาที่โดนสายฟ้าผ่าเข้าใส่ถึงสะบักสะบอมเช่นนี้?