สายลมที่หนาวเย็นพัดผ่านไปทั่วพื้นที่
ใครจะคิดว่าจักรพรรดินีจะยื่นมือเข้าช่วยหลิงฮัน?
แค่การสืบสวนเล็กนน้อยของพลทหารระดับเจ็ด แต่กลับทำให้จักรพรรดินีออกม้วนคำสั่งและให้ฉีเชียวเซวี่ยอ่านในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้
หลายคนคิดว่าเป็นเรื่องที่แปลกประหลาดมาก มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จักรพรรดินีจะให้รางวัลหลิงฮัน
“หลิงฮันจงรับคำสั่ง!” ฉีเชียวเซวี่ยกล่าวขณะจ้องมองหลิงฮัน
“ขอรับ!” หลิงฮันก้าวด้วยความเคารพ แต่ก็แอบบ่นอยู่ในใจ อีกฝ่ายจะมาให้เร็วกว่านี้หน่อยไม่ได้หรือไง ต้องรอให้เขาถึงช่วงเวลาวิกฤตจวนจะถูกฆ่าก่อนหรือถึงจะเข้ามาช่วย
ฉีเชียวเซวี่ยหันหลังกลับและพูดว่า “องค์จักรพรรดินีกล่าวว่าอย่าได้หยุดทำความดี และจงอย่าปล่อยให้คนชั่วทำตามใจ!”
อย่าได้หยุดทำความดี?
ผลงานของหลิงฮัน?
จ้าวหลุนตกใจมาก เมื่อหลิงฮันกลับไปที่ค่ายทหาร อีกฝ่ายรีบไปเข้าพบราชินีที่เก้าทันทีและขอให้นางพาเขากลับไปที่เมืองจักรพรรดิ ในตอนนั้นจ้าวหลุนคิดว่าหลิงฮันเป็นคนขี้ขลาดและกลัวความตาย นั่นเป็นเพราะมีจอมยุทธระดับสุริยันจันทราหลายร้อยคนอยู่ฝั่งตรงข้ามแม่น้ำ แล้วใครจะไม่กลัว?
ตอนนี้จ้าวหลุนคิดว่าหลิงฮันน่าจะค้นพบความลับที่น่าอัศจรรย์
การล่าถอยของจักรวรรดิราชวงศ์สวรรค์นิรันดร์เกี่ยวข้องกับหลิงฮันหรือไม่?
ช่วยไม่ได้ที่ใบหน้าของจ้าวหลุนกลายเป็นซีดขาว นี่เขาล้มเหลวอีกแล้วอย่างนั้นรึ!
ทำไม! ทำไม! ทำไมคนที่เป็นฝ่ายได้เปรียบกว่ามักเป็นหลิงฮันเสมอ?
จ้าวหลุนเกาหัวจนผมยุ่ง ทั้งที่เขาดีกว่าหลิงฮันเป็นร้อยเท่า แต่ทำไมเขาถึงแพ้หลิงฮันเสมอ?
ฉีเชียวเซวี่ยกวาดสายตามองพยานเกือบสามสิบคนด้วยจิตสังหาร ทำให้คนพวกนั้นสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว
อย่าปล่อยให้คนชั่วทำตามอำเภอใจ ประโยคนี้หมายความว่าอย่างไร?
พัวะ!
ฉีเชียวเซวี่ยปล่อยฝ่ามือออกไป แล้วหัวของคนหนึ่งก็ถูกบดขยี้ทันทีพร้อมกับโลหิตที่พุ่งขึ้นสูงห้าฟุต
ต่อหน้าสาธารณะชน นี่เขากล้าสังหารผู้คนอย่างเปิดเผยเลยหรือ?
แน่นอน มีเพียงแค่ฉีเชียวเซวี่ยคนเดียวที่กล้าทำเช่นนี้ เพราะนางเป็นมือขวาของจักรพรรดินี
“ไม่ ได้โปรดอย่าสังหารข้าเลย!”
“มันเป็นเพราะจ้าว-“
“มันเป็นเพราะซา-“
พยานเหล่านั้นพยายามที่จะพูดถึงจ้าวหลุนและซาหยวน แต่ฉีเชียวเซวี่ยไม่ปล่อยโอกาสให้พวกเขาพูดจนจบ เหล่าพยานยี่สิบกว่าคนถูกสังหารภายในพริบตา สมองและโลหิตของพวกเขากระจัดกระจายไปทั่วพื้น
การหลั่งเลือด ความโหดร้าย นี่คือความน่าเกรงขาม
ทุกคนสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว นี่เป็นการแสดงความประสงค์ของจักรพรรดินี
– อย่าคิดว่าจักรพรรดินีอยู่ในพระราชวังแล้วนางจะไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นอยู่ภายใต้ลมหายใจของนาง! ในทางตรงกันข้าม จักรพรรดินีรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นในจักรวรรดิ และไม่มีใครสามารถปกปิดอะไรจากนางได้
นี่แสดงให้เห็นว่าจักรพรรดินีไม่พอใจแม่ทัพหลายคนที่ใช้อำนาจในทางมิชอบ นี่คือจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะของนาง ไม่ใช่สวนหลังบ้านของแม่ทัพ!
อย่างไรก็ตาม จักรพรรดินียังไว้หน้าแม่ทัพซาและแม่ทัพจ้าวอยู่บ้าง และประหารชีวิตพยานเหล่านี้เพื่อไม่ให้เกี่ยวข้องกับจ้าวหลุนและซาหยวน มิฉะนั้นพวกเขาจะถูกสอบสวนและอาจทำให้เกิดผลที่ตามมาหลายอย่าง
ยิ่งไปกว่านั้น มันน่าสนใจมากที่จักรพรรดินีแต่งตั้งหลิงฮันเป็นพลทหารระดับเจ็ด เพราะจ้าวหลุนก็อยู่ในตำแหน่งนี้เช่นกัน นั่นหมายความว่าหากอยู่ในจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะตำแหน่งของพวกเขาเท่ากัน
ฉีเชียวเซวี่ยดึงแขนกลับมาและพูดว่า “ในเมื่อข้าได้ทำตามคำสั่งของจักรพรรดินีเสร็จสิ้นแล้ว ข้าคงต้องขอตัว โปรดพิจารณาคดีกันต่อ!”
เมื่อพูดจบ นางก็จากไปทันที
“รับคำสั่ง!” พวกเขาคุกเข่าลงกับพื้นอีกครั้ง
หลังจากที่ฉีเชียวเซวี่ยจากไปเวลานาน ในที่สุดกลิ่นอายของจอมยุทธระดับดาราก็หายไป ใบหน้าของทุกคนดูเหมือนบาดเจ็บสาหัสและบิดเบี้ยวจนดูน่าเกลียด
เมื่อครู่ฉีเชียวเซวี่ยจงใจปลดปล่อยกลิ่นอายของจอมยุทธระดับดาราออกมา แน่นอนว่าทุกคนย่อมหวาดกลัว แล้วถ้านางมีความคิดที่จะฆ่าทุกคนที่นี่ พวกเขาคงถูกสังหารหมู่ไปแล้ว
“ยังต้องสอบสวนต่ออีกหรือไม่?” กู่เทียนชูกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นคลอน
แน่นอนว่าไม่!
“หลังจากการสืบสวนทำให้พบว่าพยานก่อนหน้ากล่าวใส่ร้ายป้ายสีหลิงฮันว่าเป็นกบฎ!” คงเฉิ่งเหอพยายามพูดเหมือนกับกินเข็มร้อยเล่มเข้าไป แต่เขาต้องประกาศผลการตัดสินว่า “หลิงฮันไม่มีความผิดแต่อย่างใด! หากใครพูดว่าหลิงฮันละทิ้งหน้าที่และเป็นกบฎอีกครั้งจะถือว่ามีความผิด!”
หลังจากพูดจบ พวกเขาทั้งสามคนก็หนีไป
พวกเขาไม่อาจทนอยู่ต่อที่นี่ได้อีก และไม่กล้าแม้แต่จะสบตาหลิงฮัน!
ทุกคนเริ่มแยกย้ายกันจากไป และในไม่ช้ารายละเอียดทุกอย่างเกี่ยวกับการสอบสวนในที่สาธารณะก็แพร่กระจายไปทั่วเมืองจักรพรรดิ
แน่นอนว่าไม่มีใครพูดถึงการกบฎของหลิงฮันอีกต่อไป
ในจักรวรรดิราชวงศ์ดาราหายนะ จักรพรรดินีเป็นดั่งพระเจ้าที่แท้จริง คำพูดและการแสดงออกของนางคือทุกสิ่งทุกอย่าง
ในที่สุดหลิงฮันก็สามารถเดินทางกลับจักรวรรดิต้าหลิงได้สักที
เขามีแผนที่จะกลับจักรวรรดิต้าหลิงก่อนหน้านี้ แต่เพราะการรุกรานจากแคว้นราชสีห์ทองคำ ทำให้แผนของเขาต้องเลื่อนออกไปกว่าสองเดือน
เขาเตรียมการทุกอย่างพร้อมแล้ว และหลอมเม็ดยาบางส่วนทิ้งไว้ในร้านขายโอสถ แม้จะไม่ได้อยู่ที่เมืองจักรพรรดิ แต่เขาก็ยังสร้างรายได้ได้
“ข้าจะไปกับเจ้าด้วย” สุ่ยเยี่ยนยวี่รู้ว่าหลิงฮันกำลังเดินทางกลับ
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “เจ้าเป็นภรรยาของข้า ข้าก็ควรพาเจ้าไปพบเหล่าพี่น้องของข้า – และหลังจากที่กลับไปที่จักรวรรดิต้าหลิง มันคงถึงเวลาแล้วที่พวกเราจะมีลูกกัน”
“หลิงฮัน! เจ้าคนอัธพาล!” สุ่ยเยี่ยนยวี่มองตาขาวใส่
หลิงฮันหัวเราะและออกจากเมืองจักรพรรดิพร้อมกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ในวันถัดไป ทั้งสองคนมุ่งหน้าสู่จักรวรรดิต้าหลิงด้วยพาหนะแหวกเมฆา
พาหนะแหวกเมฆาบินผ่านท้องฟ้าเหมือนกับสายฟ้า แม้แต่จอมยุทธระดับภูผาวารีก็ไม่อาจจับความเร็วของมันได้ทัน อย่างน้อยต้องเป็นจอมยุทธระดับสุริยันจันทราที่ใช้พลังทั้งหมดเท่านั้นถึงจะไล่ตามทัน
ครึ่งเดือนต่อมา พาหนะแหวกเมฆาก็พาพวกเขาทั้งสองคนมาถึงจักรวรรดิต้าหลิง
ในที่สุดข้าก็กลับถึงบ้านแล้ว!
หลิงฮันเต็มไปด้วยความสุข แม้ว่าตอนนี้เขาจะทะลวงผ่านระดับพลังของพระเจ้าแล้ว แต่เขาก็ยังคุ้นเคยกับโลกเดิมที่เคยอาศัยอยู่
ปัง!
อาคมขนาดใหญ่ของเมืองจักรพรรดิทำงานอัตโนมัติเพื่อป้องกันพาหนะแหวกเมฆา แต่นี่เป็นรูปแบบอาคมระดับทลายมิติเท่านั้น แม้จะเสริมแกร่งด้วยพลังแห่งจักรภพ แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคใดๆต่อพาหนะแหวกเมฆา พาหนะแหวกเมฆาเพียงแค่สั่นสะเทือนเล็กน้อยและทะลวงผ่านรูปแบบอาคมมุ่งหน้าไปที่พระราชวัง
“เจ้าเป็นใคร!” ทันใดนั้น ผู้คนที่อยู่ในพระราชวังเริ่มแตกตื่น