เมื่อได้ยินคำว่าอยากรวย หลีเหว่ยเหว่ยก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
เนื่องจากก่อนหน้านี้หลิงฮันได้หายหน้าหายตา ธุรกิจค้าขายวัตถุดิบจึงต้อถูกล้มเลิกชั่วคราว และด้วยอุปกรณ์มิติของนางกับของจื่อหยุนเอ๋อ วัตถุดิบที่ได้มาจากหลิงฮันล่วงหน้าก็อยู่ได้ไม่เกินสิบวันก่อนจะขายหมด
เรื่องนี้ทำให้สตรีทั้งสองผิดหวังเป็นมาก
“แล้วจะรวยได้อย่างไร?” นางรีบเอ่ยถาม “อีกไม่นานจะมีการประมูลครั้งใหญ่ถูกจัดขึ้น ถ้าข้าหาเงินได้มากก็จะเป็นเรื่องที่ดี!”
“การประมูลอะไรรึ?” หลิงฮันถาม
“ที่เมืองจักรพรรดิจะจัดการประมูลขึ้นในทุกๆช่วงของปี และครั้งนี้เมื่อเขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์สิ้นสุดลง การประมูลครั้งใหญ่ที่มีของดีมากมายก็ย่อมถูกจัดขึ้นเป็นธรรมดา!” หลี่เหว่ยเหว่ยกล่าวด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย
นางระงับความรู้สึกตื่นเต้นบนใบหน้าก่อนจะกล่าว “เจ้ายังไม่บอกข้าเลยว่าข้าจะรวยได้อย่างไร?”
หลิงฮันหัวเราะและกล่าว “นี่ไม่ใช่เรื่องยาก ไม่ใช่ว่ามีการเดิมพันว่าการประลองของข้ากับจ้าวหลุนจะเริ่มขึ้นเมื่อไหร่ไม่ใช่รึไง?”
หลี่เหว่ยเหว่ยเข้าใจทันทีและปรบมือ “เมื่อข้าลงเดิมพัน เจ้าก็จะป้าประลองจ้าวหลุนสินะ… เดี๋ยวก่อน แล้วถ้าหากจ้าวหลุนไม่รับการท้าจากเจ้าล่ะ?”
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “นั่นก็ขึ้นอยู่กับอำนาจของบุตรสาวของผู้อาวุโสฝ่ายซ้าย เจ้าจะสามารถเปลี่ยนหัวข้อการเดิมพันได้รึไม่?”
หลี่เหว่ยเหว่ยพยักหน้า นางเข้าใจสิ่งที่หลิงฮันต้องการจะบอก แต่ทันใดนั้นนางก็แสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมาทันที “ถ้าจ้าวหลุนประลองกับเจ้าขึ้นมาจริงๆ ทำจะทำอย่างไรหากเขามีความคิดจะสังหารเจ้า?”
‘แล้วทำไมข้าจะต้องเป็นกังวลด้วยล่ะเนี่ย!’
นางกล่าวกับตัวเอง
หลงฮันยิ้ม “จ้าวไม่สามารถสังหารข้าได้ ยิ่งกว่านั้นเขาต่างหากที่จะถูกข้าสังหารหากไม่บรรลุระดับภูผาวารีขั้นสูงสุด!”
นี่ไม่ใช่คำพูดโอ้อวด กายหยาบของเขาในตอนนี้เทียบได้กับแร่โลหะศักดิ์สิทธิ์ขั้นสามแล้ว แม้แต่จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นสูงสุดก็ยังยากที่จะทำให้ร่างกายเขาเป็นรอยขีดข่วน นอกจากนั้นเขาก็ยังมีตาข่ายผนึกสีชาดที่จะผนึกพลังบ่มเพาะของจ้าวหลุนให้ลดต่ำลงมา
ตระกูลหลัวคิดค้นตาข่ายที่ว่าขึ้นเพื่อใช้จัดการกับจ่าฝูงอสูรลาวา ด้วยตาข่ายผนึกสีชาดอันนี้จอมยุทธที่มีพลังบ่มเพาะระดับพระเจ้าชั้นล่างๆจะถูกลดพลังบ่มเพาะ
จ้าวหลุนที่เป็นจอมยุทธระดับภูผาวารีก็นับว่าเป็นพระเจ้าชั้นล่างเหมือนกัน เขาย่อมได้รับผลกระทบจากตาข่ายผนึกสีชาด ถ้าในช่วงนั้นหลิงฮันใช้ศรฆ่ามังกรทะลวงดาราโจมตี มีโอกาสสูงมากที่จ้าวหลุนจะตกตาย
แต่บุตรชายเพียงคนเดียวของนายพลจ้าวจะถูกสังหารได้อย่างไร?
คนที่จะสังหารจ้าวหลุนย่อมต้องหวาดกลัวต่อไล่ล่าสังหารของนายพลจ้าวที่ไม่มีกฎหมายใดๆช่วยคุ้มครองได้
แม้หลิงฮันจะสามารถหลบหนีเข้าไปในหอคอยทมิฬคนเดียวได้ แต่เขายังมีภาระคือจักรวรรดิต้าหลิง!
หลิงฮันส่ายหัว ถ้าเขาสังหารอีกฝ่ายไม่ได้เขาก็จะทำให้อีกฝ่ายเสียหน้าเบื่อเป็นบทเรียนเอง เขาเชื่อว่าตราบใดที่จ้าวหลุนไม่ตาย นายพลจ้าวคงไม่มีทางเคลื่อนไหวด้วยตัวเองแน่นอน
แต่ปัญหาก็คือถึงแม้จะถูกผนึกด้วยตาข่ายผนึกสีชาด แต่จ้าวหลุนจะพ่ายแพ้ง่ายๆรึ?
อีกฝ่ายคืออัจฉริยะสี่ดาว แม้จะถูกลดพลังบ่มเพาะลงมาแต่เขาก็ยังมีพลังต่อสู้ที่เทียบเท่าระดับภผาวารีขั้นสูงสุดชั้นต้น ส่วนหลิงฮันล่ะ? ตอนนี้เขาเพิ่งทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นกลาง แถมพลังต่อสู้ที่เขาสามารถใช้ให้คนอื่นเห็นได้ก็คือห้าดาวเท่านั้น… หากเขาแสดงพลังต่อสู้ที่เหนือกว่านั้นออกไปก็ไม่อาจคาดเดาได้ว่าผลลัพธ์แบบใดจะตามมา
ต้องรู้ก่อนว่าแค่ในเขตแดนลี้ลับ ตัวเขาที่แสดงศักยะภาพของอัจฉริยะห้าดาวออกมาก็ทำให้สองจักรวรรดิราชวงศ์หมายหัวคิดจะสังหารเขาแล้ว หากเขาแสดงพลังของอัจฉริยะหกดาวออกไปผู้คนมากมายคงจะหวั่นไหวจนนอนไม่หลับเป็นแน่!
“เจ้ามั่นใจเกินไปแล้ว!” หลี่เหว่ยเหว่ยส่ายหัว “เจ้ายังไม่รู้ว่าหลังจากที่จ้าวกลัวทะลวงผ่านขั้นสูงสุด จักรพรรดินีแห่งดวงดาราได้ตั้งเขาให้เป็นกองกำลังของจักรวรรดิอย่างเป็นทางการ บนธงสัญลักษณ์ของจักรวรรดิมีชื่อเขาอยู่ เมื่อเขาเรียกใช้อำนาจแห่งจักรภพพลังต่อสู้ของเขาจะเพิ่มขึ้นหนึ่งดาว!”
คิ้วของหลิงฮันขมวดเข้าหากัน ดูถ้าว่าการเอาชนะจ้าวหลุนจะแทบเป็นไปไม่ได้แล้ว
ถ้าหากต้องการชนะ อย่างแรกเคยคือเขาต้องผนึกพลังบ่มเพาะของอีกฝ่ายด้วยตาข่ายผนึกสีชาดและโจมตีต่อด้วยศรฆ่ามังกรทะลวงดารา เขาไม่สามารถยิงลูกศรไปยังตำแหน่งศีรษะกับหัวใจและโอกาสที่จะโจมตีก็มีเพียงครั้งเดียว
หลิงฮันครุ่นคิดก่อนจะกล่าว “ถ้าหากจ้าวหลุนประลองกันข้าจริงๆ ข้าเชื่อว่าจะต้องมีพวกโง่ที่คิดจะพนันว่าข้าหรือจ้าวหลุนจะเป็นฝ่ายชนะแน่นอน หรือไม่ก็การพนันว่าจ้าวหลุนจะเอาชนะข้าภายในกี่กระบวนท่าหรือว่าข้าจะเป็นฝ่ายยอมแพ้เอง”
“อืม!” หลี่เหว่ยเหว่ยพยักหน้าเห็นด้วย
หลิงฮันยิ้ม “งั้นพวกเราจะใช้จ้าวหลุนนี่แหละเป็นตัวสร้างความร่ำรวย!”
หลี่เหว่ยเหว่ยตกตะลึงในความมั่นใจของหลิงฮัน เขาเป็นแค่จอมยุทธจากโลกใบเล็กแท้ๆ คนที่ค่อยสนับสนุนก็ไม่มี ทำไมเขาถึงมั่นใจนักหนาว่าจ้าวหลุนไม่สามารถสังหารเขาได้! แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเพราะเขามั่นใจในตัวเองเช่นนี้นางจึงได้เชื่อใจเขา
“งั้นก็นำเงินมา ข้าจะใช้มันพนันฝ่ายเจ้าให้เอง!” นางกล่าวด้วยสีหน้าตื่นเต้น
หลิงฮันกอบโกยวาสนาได้ไม่น้อยจากเขตแดนลี้ลับ โดยรวมๆแล้วตอนนี้เขามีผลึกก่อเกิดเหลือราวๆสี่พันผลึก เขานำพวกมันทั้งหมดมอบให้กับหลี่เหว่ยเหว่ย
หลี่เหว่ยเหว่ยจากไปอย่างรวดเร็วและกลับมาบอกเขาในวันรุ่งขึ้นว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว อย่างเดียวที่เหลือคือรอให้เขาไปท้าประลองจ้าวหลุน
หลิงฮันเขียนสารท้าประลองไปติดประกาศยังประตูของสำนักฝ่ายเหนือถึงเรื่องที่จะท้าประลองกับจ้าวหลุน
ข่าวได้แพร่กระจายไปทั่วสำนักฝ่ายเหนืออย่างรวดเร็วราวกับติดปีก หลังจากนัน้ไม่นานก็แพร่ต่อไปทั่วสำนักนภาสีชาด จนไปถึงทั่งเมืองจักรพรรดิ ทุกคนต่างพูดถึงข่าวนี้กันไม่ขาดสายเนื่องจากเป็นการท้าประลองที่มีจ้าวหลุนมาเกี่ยวข้อง
ใครคือจ้าวหลุน?
บุตรชายเพียงคนเดียวของนายพลเจ้า อัจฉริยะในรอบพันปี เขาเป็นต้นอ่อนที่ถูกคาดหวังไว้อย่างมากว่าในอนาคตจะบรรลุระดับดารา!
ตอนนี้ทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิต่างตั้งตารอดูว่าจ้าวหลุนจะรับคำท้ารึไม่
……
“โอ้ ศิษย์น้องผู้นี้ช่างน่าสนใจนัก เพียงแค่ทะลวงผ่านระดับภูผาวารีได้ไม่นานก็ท้าประลองจ้าวหลุนเสียแล้ว” ณ สำนักฝ่ายตะวันตก ชายหนุ่มชุดฟ้าคนหนึ่งกำลังนั่งจิบชาอย่างสบายใจ
ที่ด้านหลังของเขามีสตรีที่ดูแข็งแกร่งและงดงามยืนอยู่
ท่าทีของนางนั้นเต็มดูแล้วเต็มไปด้วยความขึงขัง ผมสีดำของนางถูกมัดเป็นเปียใหญ่พาดไว้ด้านหลังยาวไปจนถึงสะโพก
เมื่อนางเห็นว่าน้ำชมในแก้วของชายหนุ่มชุดฟ้าเหลือไม่มาก นางก็รีบรินน้ำชาเติมใส่แก้วและกล่าว “นายน้อย ในความคิดของท่านจ้าวหลุนจะรับคำท้ารึไม่?”