หลิงฮันยืนรับทัณฑ์สวรรค์
เดิมทีด้วยกายหยาบของเขามันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะรับทัณฑ์สวรรค์ด้วยกายหยาบเทียบเท่ากับแร่เหล็กระดับศักดิ์สิทธิ์ขั้นสองทัณฑ์สวรรค์จึงไม่อาจทำอะไรเขาได้เลยแม้แต่น้อย
แต่ในตอนนี้มันกลับไม่เป็นเช่นนั้น
เพื่อที่จะแข็งแกร่งขึ้นเขาจะต้องทำลายกระดูกและกล้ามเนื้อแล้วแบกรับทัณฑ์สวรรค์แล้วสร้างขึ้นใหม่ ด้วยการโคจรคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เพื่อให้กายหยาบของเขาแข็งแกร่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม ครั้งสุดท้ายที่เขารับทัณฑ์สวรรค์เมื่อครึ่งปีก่อน กับตอนนี้มันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
หลิงฮันรู้สึกเจ็บปวดมาก
“หากเจ้าต้องการแข็งแกร่งกว่าคนที่อยู่ในระดับเดียวกันในอนาคต เจ้าจะต้องเผชิญหน้ากับความยากลำบากที่คนอื่นไม่สามารถแบกรับได้ มิฉะนั้นเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าคนอื่นได้อย่างไร?” เสียงของหอคอยน้อยดังอยู่ในจิตใจของหลิงฮัน
มันยังคงทำตัวสูงส่งและเทศนาเขาอยู่เสมอ
แน่นอนว่าหลิงฮันทราบเรื่องพวกนั้นดี แต่มันเป็นเขาต่างหากที่ต้องแบกรับความเจ็บปวด เขาต่างหากที่สมควรบ่นมิใช่หรือ?
เปรี๊ยง!
ทัณฑ์สวรรค์ไม่สนใจความรู้สึกของเขา และผ่าลงมาอย่างน่าสะพรึงกลัวราวกับต้องการฆ่าเขา
หลิงฮันได้ทำลายกระดูกและกล้ามเนื้อ แล้วแบกรับพลังอำนาจของทัณฑ์สวรรค์
บางคนเมื่อรับทัณฑ์สวรรค์จะไม่เป็นที่ดึงดูดความสนใจของผู้คนในสำนัก เพราะในสำนักนภาสีชาดนั้นมีศิษย์มากเกินไป และมีทัณฑ์สวรรค์ปรากฏออกมาให้เห็นทุกวัน
ดังนั้นจึงมีแค่ส่วนน้อยเท่านั้นที่ให้ความสนใจกับมัน คือไม่กี่คนที่อยู่บริเวณใกล้เคียง
และในตอนนี้ทัณฑ์สวรรค์ได้ผ่าลงมาแล้ว มันจึงเป็นเรื่องยากที่คนธรรมดาจะเห็นร่างของหลิงฮันเลยไม่เป็นที่สนใจของคนอื่น นอกจากนั้นหลินฮันทำให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บจนโลหิตท่วมตัว แล้วใครจะจำเขาได้?
หลายคนคิดว่าหลิงฮันถูกทัณฑ์สวรรค์กลืนกิน ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาจะส่ายหัว แม้พวกเขาไม่รู้ว่าใครกำลังรับทัณฑ์สวรรค์อยู่ แต่คนผู้นี้ช่างไม่พร้อมเอาเสียเลย ทั้งที่ทัณฑ์สวรรค์เพิ่งจะผ่าลงมาเท่านั้น แต่ก็น่าเศร้ายิ่งนักที่เขาไม่สามารถแบกรับมันเอาไว้ได้
สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกตะลึงคือ แม้ว่าคนโง่เขลาผู้นี้จะกลายเป็นกองเนื้อไปแล้ว แต่ทัณฑ์สวรรค์ก็ยังไม่หยุดและผ่าลงมาอย่างต่อเนื่อง นี่แสดงให้เห็นว่าคนผู้นี้ยังไม่ตาย!
นี่เขายังไม่ตาย?
พวกเขาจ้องมองด้วยสายตาตกตะลึงและอ้าปากค้าง แต่หลังจากที่ผ่านไปครึ่งวันเท่านั้น กายหยาบของหลิงฮันก็ฟื้นฟูกลับมาเป็นปกติ และเมื่อทัณฑ์สวรรค์หายไป เขารีบนำเสื้อผ้ามาคลุมร่างของตัวเองทันที
ไม่มีทางที่เขาจะล่อนจ้อน ไม่เช่นนั้นเขาจะมีหน้าไปพบคนอื่นได้อย่างไร?
“นี่ เจ้าเห็นหน้าของคนผู้นั้นหรือไม่?”
“ข้าไม่เห็น เขารวดเร็วเกินไป!”
“มันช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก ทั้งที่โดนทัณฑ์สวรรค์กระหน่ำผ่าลงมา เหตุใดเขายังมีชีวิตอยู่?”
“หรือว่าเขาจะใช้เม็ดยาในตำนาน เม็ดยาเก้าชีวิต?”
“เจ้าหมายถึงเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ที่ตายเก้าครั้ง แล้วสามารถเกิดใหม่ได้น่ะรึ?”
“นอกจากเม็ดยานั้นแล้ว จะมีเม็ดยาอย่างอื่นอีกหรือไง?”
ในขณะที่ผู้คนกำลังพูดคุยกัน หลิงฮันได้กลับมาที่สวนหลังบ้านใหม่ของเขา เขาอาบน้ำแล้วสวมเสื้อผ้า และนำวัตถุดิบปรุงอาหารออกมาเพื่อทำอาหารกิน หลังจากที่ไม่ได้กินอะไรมาเป็นเวลาหลายเดือนเขาจึงคิดให้รางวัลตนเอง
“เจ้าเด็กสารเลว เจ้าหายหัวไปไหนมาตั้งหลายวันกัน? เจ้าทำให้ข้าต้องออกตามหาเจ้า!” เจ้าแมวอ้วนปรากฏตัวอยู่บนกำแพงสวน จมูกของมันช่างดียิ่งนักเพียงแค่ได้กลิ่นอาหารของหลิงฮันมันก็มาหาเขาแล้ว
มันเป็นกลิ่นที่คุ้นเคย
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “นี่เจ้าเป็นหมาหรือแมวกันแน่ จมูกของเจ้าถึงดีขนาดนี้?”
“ข้าเป็นพยัคฆ์ขาว!” เจ้าแมวอ้วนกระโจนเข้าหาหลิงฮันทันที
“หืม นี่เจ้าพูดได้ด้วย?” หลิงฮันรู้สึกแปลกใจและเมื่อเจ้าแมวอ้วนพุ่งเข้ามา เขาก็พบว่าตอนนี้ระดับพลังของมันทะลวงผ่านระดับภูผาวารีแล้ว
ว่ากันว่าเมื่อสัตว์อสูรทะลวงผ่านระดับภูผาวารี มันจะสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ ดังนั้นการที่เจ้าแมวอ้วนสามารถพูดได้คงไม่ใช่เรื่องแปลก
“ข้าเป็นลูกหลานของพยัคฆ์ขาว มันแปลกนักหรือไงที่พูดได้?” เจ้าแมวอ้วนยังคงโจมตีใส่หลิงฮันไม่หยุด ถึงแม้มันจะทะลวงผ่านระดับภูผาวารีและเป็นลูกหลานของพยัคฆ์ขาว แต่ระดับพลังของหลิงฮันนั้นสูงกว่าและยังมีความแข็งแกร่งที่น่าสะพรึงกลัวเช่นกัน แล้วเขาจะหวาดกลัวมันได้อย่างไร?
แต่หลิงฮันกลับไม่ตอบโต้ เพราะเขาต้องการดูว่าเจ้าแมวอ้วนนี่แข็งแกร่งแค่ไหน
มันค่อนข้างแข็งแกร่งทีเดียว ทั้งที่ระดับพลังของเจ้าแมวอ้วนอยู่ในระดับภูผาวารีขั้นต้น แต่พลังต่อสู้ของมันก็มีมากถึงสี่ดาว นี่เป็นเรื่องที่น่าทึ่งมาก
“ฮึ่ม สายเลือดของข้ายังไม่ตื่นขึ้นมาเท่านั้นแหละ ไม่เช่นนั้นเจ้าเสร็จข้าไปแล้ว!” เจ้าแมวอ้วนกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
“ขนาดนั้นเลย?” หลิงฮันหัวเราะและโยนลูกบอลฝ้ายออกไป
“เมี๊ยว” เจ้าแมวอ้วนรีบวิ่งไปหาลูกบอลฝ้ายที่หลิงฮันปา เมื่อมันตะปบได้ มันก็หันมามองหลิงฮันด้วยสายตาที่โกรธเกรี้ยว “เจ้าเด็กสารเลว นี่คิดว่าข้าเป็นแมวงั้นรึ!”
“ฮ่าฮ่าฮ่า มากินเนื้อกันเถอะ อย่าโกรธข้าเลย” หลิงฮันนั่งลงกับพื้น ตอนนี้เขารู้ความแข็งแกร่งของเจ้าแมวอ้วนแล้ว แล้วเขาจะหยอกล้อมันเล่นอีกไปทำไม? ตอนนี้เขาสามารถจัดการเจ้าแมวอ้วนนี้ได้ด้วยนิ้วเดียว
เจ้าแมวอ้วนรีบเดินไปหาหลิงฮันอย่างไม่พึงพอใจ แต่เมื่อเนื้อหลายชิ้นตกเข้าไปอยู่ในท้องของมัน มันก็ดูมีความสุขขึ้นมาทันทีและเรียกหลิงฮันว่าพี่น้อง
เจ้าแมวอ้วนกินนอนอยู่กับหลิงฮันทุกวัน สองวันต่อมาหลี่เหว่ยเหว่ยก็มาเยี่ยมเขา
“เจ้าโง่หลิง หกเดือนที่ผ่านมาเจ้าไปมุดหัวอยู่ที่ไหนกัน?” หลี่เหว่ยเหว่ยดูโกรธเกรี้ยว เมื่อนางเปิดประตูเข้ามา นางพูดถามหลิงฮันทันที
“ข้าปิดด่านฝึกตน” หลิงฮันตอบกลับอย่างเฉยเมย
“ปิดด่านฝึกตนบ้านเจ้าสิ เจ้ารู้หรือว่าข้าต้องอับอายแค่ไหนเพราะเจ้า!” หลี่เหว่ยเหว่ยโกรธกว่าเดิม
“ข้าไปทำอะไรให้เจ้า?” หลิงฮันถามด้วยรอยยิ้ม
หลี่เหว่ยเหว่ยนั่งลงและหยิบอาหารกินโดยที่ไม่ขอและพูดว่า “ถังเฟยท้าเจ้าสู้ แต่เจ้ากลับไม่โผล่หัวออกมาให้เห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขาจึงพูดว่าเจ้าเป็นคนขี้ขลาดและไม่กล้าสู้ด้วย ดังนั้นข้าจึงออกตัวแทนเจ้าว่าเจ้าไม่ใช่คนขี้ขลาดและจะออกมาสู้ด้วยในไม่ช้า”
“แล้วเจ้าสามารถคาดเดาผลลัพธ์ได้หรือไม่? เจ้าไม่โผล่หัวออกมาให้เห็นตั้งครึ่งปี และตอนนี้ในเมืองจักรพรรดิพูดกันว่าเจ้าเป็นคนขี้ขลาดตาขาวอย่างแท้จริง!”
“ข้าจึงมาที่นี่เพื่อบอกเจ้า!”
หลิงฮันหัวเราะและพูดว่า “ข้าผิดเอง แต่ก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ในขณะที่ข้ากำลังปิดด่านฝึกตน ข้าไม่รู้เรื่องอะไรเลย” เพราะหลิงฮันกลัวจะถูกรบกวนเขาจึงเก็บตัวฝึกฝนอยู่ในหอคอยทมิฬ จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่คนอื่นจะหาเขาเจอ
“จริงสิ!” หลี่เหว่ยเหว่ยดูตื่นเต้น “จ้าวหลุนได้ทำการต่อสู้บนลานประลองเหล็กและสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ยี่สิบคนติดต่อกัน แล้วได้รับสมญานามว่าราชาในหมู่อัจฉริยะรุ่นเยาว์ ซึ่งไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเขา!”
“และตอนนี้ทุกคนต่างพูดถึงเรื่องนี้กันทั้งนั้น ถึงขั้นเดิมพันว่าเจ้าจะต่อสู้กับจ้าวหลุนเมื่อไหร่!”
หลิงฮันดูสนใจเล็กน้อยและพูดว่า “แล้วอัตราต่อรองมันเท่าไหร่กันล่ะ?”
“หนึ่งปีสิบเท่า สองปีเก้าเท่า สิบปีขึ้นไปลงหนึ่งจ่ายสอง สามสิบปีขึ้นไปสองจ่ายสาม หากร้อยปีขึ้นไปอัตราต่อรองจะต่ำมาก” หลี่เหว่ยเหว่ยกล่าว
หลิงฮันยิ้มกว้างและพูดว่า “เจ้าอยากรวยหรือไม่?”