สุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นคนที่ภายนอกดูอ่อนแอ แต่แท้จริงแล้วแข็งแกร่ง
ในเมื่อนางตัดสินใจแล้วจะไม่มีใครสามารถเปลี่ยนความคิดของนางได้อย่างแน่นอน
นางต้องการเข้าไปในถ้ำเพลิงพร้อมกับหลิงฮัน ดังนั้นหูเฟยหยินจึงไม่กล้าอยู่ด้านนอกคนเดียว ผลคือทั้งสามคนเดินเข้าไปในถ้ำเพลิงด้วยกัน
ตู้ม เปลวเพลิงปะทุขึ้นมาจากพื้นดินขึ้นสู่ท้องฟ้าเป็นครั้งคราว ทำให้เกิดคลื่นความร้อนแผ่กระจายไปทั่ว
พลังของเปลวเพลิงนั้นไม่ธรรมดา แม้แต่สุ่ยเยี่ยนยวี่ยังหวั่นเกรงเล็กน้อย แต่ปฏิกิริยาของหูเฟยหยินนั้นน่าเหลือเชื่อมาก แค่พื้นดินเกิดการเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย นางก็หลบไปอยู่ด้านหลังของหลิงฮันแล้ว ซึ่งเขาทำได้แค่ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้เท่านั้น
หลังจากที่พวกเขาเข้าไปในถ้ำ บางครั้งพวกเขาก็จะได้ยินเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังสะท้อนอยู่ภายในถ้ำ มันเป็นเรื่องยากมากที่จะบอกได้ว่าเสียงนั้นมาจากที่ไหน
“ดูให้ดีบางทีที่นี่อาจมีผลึกภูผาวารีอยู่ก็เป็นได้” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว แม้ว่านางจะเคยเข้ามาที่เขตแดนลี้ลับมหาสมุทรสวรรค์ครั้งหนึ่ง แต่นั่นเป็นเรื่องเมื่อสิบปีก่อน ซึ่งตอนนั้นนางยังอ่อนแออยู่เลยและไม่ได้เข้ามาในถ้ำเปลวเพลิง
“หากมันมีผลึกภูผาวารีที่นี่ ข้าก็จะเอามันมาให้ได้” หลิงฮันพูดอย่างกับมันเป็นเรื่องง่าย ถึงแม้จะใช้ผลึกภูผาวารีจะทำให้เขาก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด แต่ก็ต้องใช้เวลาหลายปีเพื่อทำให้รากฐานพลังเสถียร ถึงอย่างนั้นมันก็ช่วยเขาประหยัดเวลาได้มากอยู่ดี
“เจ้าคิดว่าจะได้รับมันมาได้อย่างง่ายดายหรือ?” สุ่ยเยี่ยนยวี่กลอกตาใส่หลิงฮันราวกับเป็นเรื่องตลก
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดเถียงอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว
ถ้ำแห่งนี้มีขนาดใหญ่มาก มันมีความสูงสิบฟุต และให้ความรู้สึกกว้างขวาง ทั้งยังมีเสาหินที่งอกขึ้นมาจากพื้นสูงถึงเพดานถ้ำและยังมีลาวาสีแดงหยดไหลลงมา ซึ่งดูงดงามเป็นอย่างมาก
ครืน ครืน ครืน เสียงแปลกประหลาดบางอย่างดังมาจากด้านหน้า ทำให้กลุ่มของหลิงฮันทั้งสามคนระมัดระวังตัวมากยิ่งขึ้น ในขณะที่หูเฟยหยินจับชายเสื้อของสุ่ยเยี่ยนยวี่แน่น
ในไม่ช้า ร่างเงาสีแดงก็ปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าของพวกเขา
มันเป็นสัตว์อสูรตัวใหญ่ที่มีความสูงประมาณสองฟุต ลำตัวทั้งหมดของมันเป็นสีแดงและมีผิวหนังเหมือนชั้นหินผา มันเป็นสัตว์อสูรที่น่าเกลียดมาก ตรงคอของมันไม่มีหัว แต่หัวของมันอยู่ใกล้กับขาทั้งสี่ที่คล้ายกับเต่า แต่ไม่มีหาง
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อมันเห็นกลุ่มของหลิงฮันทั้งสามคน มันอ้าปากกว้างและมีน้ำลายหยดไหลออกมา แต่น้ำลายของมันแท้จริงแล้วคือลาวา เมื่อหยดสู่พื้นทำให้พื้นดินละลาย
“มันคือสัตว์อสูรลาวา?” หลิงฮันถาม
“น่าจะเป็นแบบนั้น” สุ่ยเยี่ยนยวี่พยักหน้า ถึงแม้นางจะไม่เคยเห็นมันมาก่อนก็ตาม แต่ตรงหน้ามีแค่สัตว์อสูรตัวนี้เท่านั้นไม่มีตัวอื่น
“มันน่าเกลียดมาก” หูเฟยหยินพูดกระซิบเหมือนกับว่านางกลัวมันจะได้ยิน
“ไม่จำกังวล สัตว์อสูรที่นี่ดูเหมือนจะไม่มีสติปัญญา มันไม่มีทางเข้าใจที่พวกเราพูดหรอก” หลิงฮันกล่าวด้วยรอยยิ้ม ถึงแม้มันจะมีสติปัญญา แต่มันก็ต้องเรียนรู้คำศัพท์ก่อนถึงจะเข้าใจที่พวกเขาพูดได้
แน่นอนว่าถ้าใช้สัมผัสสวรรค์ในการสื่อสารก็จะสามารถกำแพงภาษาได้เลย
“โฮก!” อสูรลาวาคำรามเสียงต่ำ ดวงตาของมันมีขนาดใหญ่เท่ากับระฆังทองคำที่เปล่งแสงอันดุร้าย ตึง เท้าทั้งสี่ข้างของมันวิ่งกระโจนเข้าใส่หลิงฮัน ถึงแม้ขาของมันจะดูไม่สั้น แต่ความเร็วของมันเชื่องช้ามาก
“ข้าเอง!” สุ่ยเยี่ยนยวี่กระโจนออกไปโจมตีมันด้วยดาบ
โฮก อสูรลาวาพ่นเปลวเพลิงออกมา และทำให้อุณหภูมิรอบตัวของมันสูงขึ้นทันที
สุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่เข้าปะทะกับมันโดยตรง แต่เคลื่อนตัวหลบไปอยู่ด้านและโจมตีมันด้วยดาบของนาง
ปฏิกิริยาของอสูรลาวานั้นค่อนข้างช้า มันถูกดาบของสุ่ยเยี่ยนยวี่เข้าจังๆ แต่พลังป้องกันของมันน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง ดาบของนางทิ้งบาดแผลให้มันได้แค่เล็กน้อยเท่านั้น และด้วยร่างกายที่ใหญ่โตของมันยังไกลกว่าที่จะฝ่ามันออกเป็นสองส่วนได้
ภายใต้ความเจ็บปวดที่ได้รับดูเหมือนว่าอสูรลาวาจะโกรธเกรี้ยวขึ้นมาเล็กน้อย มันส่งเสียงคำรามอยู่ในปากและพยายามพุ่งชนสุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่หยุด
สัตว์อสูรตัวนี้โง่มาก มันเคลื่อนไหวไปตามสัญชาตญาณของมันเท่านั้น ดังนั้น ถึงแม้มันจะมีผิวหนังที่แข็งดั่งหินและพ่นเปลวเพลิงออกมาได้ แต่มันก็ไม่สามารถนำมาสร้างความได้เปรียบให้กับตัวเองได้ กลับกัน สุ่ยเยี่ยนยวี่ใช้แค่ดาบที่อยู่ในมือขวาเท่านั้น เมื่อนางสร้างบาดแผลให้มันลึกพอ โลหิตที่คล้ายกับเปลวเพลิงก็ไหลออกมาไม่หยุด
“ยอดเยี่ยม! ยอดเยี่ยมมาก!” หูเฟยหยินส่งเสียงให้กำลังใจสุ่ยเยี่ยนยวี่ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหลบซ่อนตัวอยู่ด้านหลังของหลิงฮัน
“โฮก!” ในขณะนั้นเอง อสูรลาวาอีกตัวก็ปรากฏตัวออกมา แต่มันปรากฏตัวอยู่ด้านหลังพวกเขาทั้งสามคน หลังจากที่มันส่งเสียงคำรามเสร็จ มันก็กระโจนพุ่งเข้าหาหูเฟยหยิน
หูเฟยหยินดูร้อนรนด้วยความกลัว แต่หลิงฮันไม่ใช่นาง เขาโจมตีออกไปด้วยมือขวาโดยที่ไม่ใช้ทักษะอะไรเลยเพียงแค่พละกำลังอย่างเดียวก็ชนะมันแล้ว
ตู้ม ความแข็งแกร่งของเขาในปัจจุบันแข็งแกร่งเกินไป เมื่อหมัดของเขาปะทะกับอสูรลาวา ทำให้มันถูกฆ่าตายทันที
“เกิดอะไรขึ้น!” หูเฟยหยินไม่ลืมที่จะส่งเสียงอุทานออกมาและพูดไม่หยุดว่า “ข้ากลัว! ข้ากลัวมากเลย!”
หลิงฮันสำรวจซากศพของมันและเห็นเนื้อพลังปราณที่มีขนาดเท่านิ้วมือ แม้แต่อสูรลาวาก็ไม่มีข้อยกเว้น
“พี่สุ่ย จัดการมันเลย!” หูเฟยหยินส่งเสียงให้กำลังใจสุ่ยเยี่ยนยวี่อีกครั้ง ทั้งที่เป็นอสูรลาวาเหมือนกัน แต่หลิงฮันสามารถเอาชนะมันได้ด้วยหมัดเดียว ในขณะที่สุ่ยเยี่ยนยวี่ยังคงพัวพันกับมันอยู่
หลิงฮันไม่ได้เข้าไปแทรกแซง แต่รอให้สุ่ยเยี่ยนยวี่เป็นคนจัดการด้วยตัวเอง
หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดสุ่ยเยี่ยนวก็จัดการอสูรลาวาได้สำเร็จและชำแหละนำเนื้อพลังปรารออกมา
นางส่ายหัวและพูดว่า “ข้าให้เจ้า”
“ทำไมล่ะ?” หลิงฮันถาม
“ข้าทำให้เจ้าต้องเสียเวลา” สุ่ยเยี่ยนยวี่ถอนหายใจ “เจ้าไม่จำเป็นต้องปลอบใจข้า ข้ารู้ตัวเองดี!”
หลิงฮันยิ้มและไม่พูดอะไรออกมา แต่รู้สึกชื่นชมนางอยู่ในใจ
“พวกเราเดินหน้าต่อกันเถอะ!”
ทั้งสามคนยังคงเดินหน้าต่อเป็นเวลามากกว่าสองชั่วโมง และได้เผชิญหน้ากับอสูรลาวาหลายสิบตัว ซึ่งมันทำให้พวกเขาเก็บเกี่ยวเนื้อพลังปราณได้จำนวนมาก ในขณะเดียวกันสุ่ยเยี่ยนยวี่ก็พบผลึกภูผาวารีอยู่บนกำแพงถ้ำ
“ด้านหน้าควรจะเป็นสถานที่ที่สัตว์อสูรที่แข็งแกร่งอาศัยอยู่ มันมีแรงกดดันที่น่าหวาดกลัวออกมาจากด้านใน” สุ่ยเยี่ยนยวี่ชี้นิ้วไปด้านหน้า “เจ้าจะเสี่ยงเข้าไปจริงหรือ?”
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ข้าจะไม่ปะทะกับมันโดยตรง แต่ถ้าข้าเข้าไปเพื่อขโมยผลึกภูผาวารีเกรงว่าอาจทำให้มันรู้ตัวได้ หากพวกเจ้าอยู่ที่นี่อาจไม่ปลอดภัย พวกเจ้าออกไปจากที่นี่ก่อนจะดีกว่า”
สุ่ยเยี่ยนยวี่คิดอยู่ชั่วครู่และพูดว่า “ตกลง ระมัดระวังตัวด้วย!”