การจะก้าวไปถึงเกาะครั้งที่สี่ในครั้งนี้คงเป็นไปมาได้ ดังนั้นหลิงฮันจึงทำได้เพียงล้มเลิกความคิด
สุ่ยเยี่ยนยวี่เองก็ลองข้ามทะเลสาบแล้วเช่นกัน ถึงแม้ว่านางจะมีพรสวรรค์สูงส่ง แต่นางก็ก้าวไปได้แค่แปดสิบก้าวเท่านั้น
ส่วนหูเฟยหยินที่ถูกหลิงฮันให้ยุยงก็สร้างความตกตะลึงให้ทุกคน นางก้าวไปถึงเกาะได้สำเร็จโดยที่ดูท่าทางไม่ยากลำบาก
หลิงฮันยุยงนางอีกครั้งเพื่อให้นางลองอีกรอบ
หูเฟยหยินที่คิดว่าตนเองถูกหลิงฮันช่วยชีวิตเอาไว้แน่นอนว่าต้องยอมเชื่อฝังเขาและเริ่มลองข้ามทะเลสาบครั้งที่สอง
ครั้งนี้นางใช้ความพยายามเล็กน้อย แต่ก็ก้าวไปได้แค่หกสิบก้าว
เพียงแค่มองนางที่สามารถก้าวเดินได้อย่างไม่ยากเย็นเท่าไหร่หลิงฮันก็รู้ว่านางยังสามารถก้าวต่อไปได้อีก แต่เพราะนางไม่มีความทะเยอทะยานอะไรความคิดแรกเมื่อเริ่มก้าวได้ลำบากก็คือล่าถอย
หลิงฮันเชื่อว่าถึงแม้นางจะไม่สามารถก้าวไปถึงเกาะครั้งที่สองได้ แต่นางก็น่าจะก้าวไปได้อย่างน้อยเก้าสิบก้าว และหากนางกัดฟันฝืนตัวเอง นางจะต้องก้าวไปถึงเกาะเป็นครั้งที่สองได้แน่นอน
หลิงฮันอดส่ายหัวไม่ได้ พรสวรรค์ในด้านวรยุทธของหูเฟยหยินนั้นยอดเยี่ยมมาก แต่นางขาดความทะเยอทะยาน ความสำเร็จในอนาคตคาดว่าอาจจะเทียบกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ไม่ได้
“ไปกันเถอะ”
หูเฟยหยินได้รับผลึกภูผาวารีแบบพิเศษมาแล้ว นางรู้สึกพึงพอใจในตัวเองมาก แม้ที่จริงแล้วนางจะไม่ได้ต้องการของแบบนี้แต่ในเมื่อจักรพรรดินีแห่งดาราต้องการให้นางเข้ามาเขตแดนลี้ลับ นางก็ไม่อยากจะทำให้พี่สาวนางผิดหวัง
นิสัยของนางที่อ่อนโยนเช่นนี้ไม่เหมาะกับโลกแห่งวรยุทธแม้แต่น้อย
พวกเขาเดินออกจากทะเลสาบศักดิ์สิทธิ์และมุ่งหน้าไปยังถ้ำเปลวเพลิงสีชาด
คำเปลวเพลิงสีชาดคืออีกสถานที่หนึ่งในเขตแดนลี้ลับที่มีผลึกภูผาวารีพิเศษ ผลึกภูผาวารีจากถ้ำนี้จะทำให้ภูผาวารีของจอมยุทธมีธาตุแห่งเปลวเพลิงที่ทรงพลัง
ถ้ำแห่งนี้มีสัตว์อสูรที่ถูกเรียกว่าอสูรลาวาที่มีพลังแฝงแห่งเปลวเพลิง ดังนั้นพลังต่อสู้ของพวกมันจึงแข็งแกร่งกว่าระดับพลังไปอีกหนึ่งขั้น
ประเด็นสำคัญก็คือที่ถ้ำแห่งนี้มีสัตว์อสูรตนหนึ่งที่มีพลังอยู่ที่ระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูง มันเป็นอสูรที่น่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก จอมยุทธที่สามารถเข้ามายังเขตแดนลี้ลับได้ล้วนแต่ไม่มีใครแข็งแกร่งกว่ามัน ดังนั้นหากพบเห็นทุกคยจึงทำได้เพียงหลบหนี
แน่นอนว่าสัตว์อสูรตนนี้พำนักอยู่ในด้านในลึกสุดของถ้ำ มันคือราชาของเหล่าอสูรลาวา โดยปกติแล้วมันจะไม่ออกมาจากส่วนที่มันอาศัยอยู่ แต่บางทีหากดวงซวย ก็อาจจะพบเห็นมันเคลื่อนที่ไปมาในส่วนอื่นของถ้ำ
แต่หลิงฮันไม่หวั่นเกรงและจะมุ่งหน้าไปยังส่วนที่ลึกที่สุด เขามีหอคอยทมิฬ ต่อให้พบเจอกับราชาของอสูรลาวาเขาก็ซ่อนตัวได้ นอกจากนั้นกายหยาบของเขาในตอนนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ระดับภูผาวารีขั้นสูงจะทำลายได้อย่างสมบูรณ์ ด้วยการฟื้นฟูของคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์เขาจะตกตายได้อย่างไร?
หลังจากดูเส้นทางในแผนที่ ทั้งสามคนก็ออกเดินทาง
หูเฟยหยินไม่สนใจว่านางจะไปที่ไหน นางไม่มีความทะเยอทะยานแม้แต่น้อย ในเมื่อจักรพรรดินีแห่งดาราต้องการให้นางเข้ามาในเขตแดนลี้ลับ นางก็แค่เข้ามาตามที่อีกฝ่ายบอกเฉยๆ
ในขณะที่เดินทางหลิงฮันก็ตรวจสอบผลจากการดูดซับพลังผลึกภูผาวารีแรงโน้มถ่วง
“แม้แต่รูปแบบอักขระศักดิ์สิทธิ์สามอันที่เกิดจากพลังผลึกภูผาวารีแรงโน้มถ่วงก็ยังเพิ่มพลังต่อสู้ให้ข้าได้ไม่ถึงหนึ่งดาว”
“ยิ่งมีพลังต่อสู้มากเท่าไหร่ พลังต่อสู้ก็อีกหนึ่งดาวถัดไปก็ยิ่งขัดเกลาได้ยากขึ้นกว่าเดิมหลายสิบเท่า”
‘พรึบ พรึบ พรึบ’ ทันใดนั้นป่าทึบด้านหน้าพวกเขาก็เกิดการสั่นสะเทือน
หลิงฮันและสุ่ยเยี่ยนยวี่หยุดฝีเท้าทันที แต่หูเฟยหยินนั้นไม่รู้สึกตัว นางเดินนำไปอีกสองสามก้าวก่อนจะเห็นว่าหลิงฮันกับสุ่ยเยี่ยนยวี่หยุดเดิน เขาชะงักและเดินย้อนกลับมา “ทำไมถึงไม่ไปต่อล่ะ?”
‘พรึบ’ คนสามคนวิ่งออกมาจากป่าทึบ พวกเขามีท่าทีรีบร้อนโดยคนหนึ่งร่างของเขาเต็มไปด้วยเลือด พวกเขาสามคนรีบวิ่งมายังทิศทางของพวกหลิงฮัน
หลิงฮันไม่กล้าวางใจ สามคนนี้อาจจะถูกไล่ตามมาจริง แต่ก็อาจจะแสร้งทำให้ดูเหมือนเป็นเช่นนั้นแต่คิดจะลอบโจมตีพวกเขาก็ได้ ในเขตแดนลี้ลับทุกคนต้องระมัดระวังตัวไว้ก่อน
‘ครืนน!’
ในตอนนั้นเองสัตว์อสูรก็พุ่งออกมาจากป่าทึบ มันคือสัตว์อสูรยักษ์ที่มีความสูงราวๆสิบฟุต
ผิวของมันเป็นดำเข้มและมีรูปร่างเหมือนกับวานร แต่สิ่งที่แปลกก็คือตาของมันมีอยู่ดวงเดียวคือ ดวงตาขนาดใหญ่บนหน้าผาก ดวงตาของมันกินพื้นที่แทบจะครึ่งของใบหน้า
‘หมับ!’
สัตว์อสูรตัวใหญ่คว้าร่างของจอมยุทธที่อยู่ใกล้สุดเอาไว้ แขนของมันมีความยาวราวๆสิบฟุตเหมือนกับความสูงของมัน มันคว้าจับจอมยุทธที่อยู่หลังสุดในกลุ่มสามคนไว้ได้อย่างรวดเร็ว
“ปล่อยข้า!” ชายคนนั้นกรีดร้องด้วยความกลัวและสะบั้นดาบด้วยพลังสุดแรงเกิด
‘พึบ!’ สัตว์อสูรยักษ์ไม่แยแส มันหยิบดาบของชายคนนั้นมาและขว้างทิ้งไป จากนั้นมันก็โยนร่างจอมยุทธในมือเข้าไปในปากและกัดร่างของเขาจนขาดเป็นสามท่อน
จอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นต้นชั้นสูงสุดกลับตกตายอย่างง่ายดายเช่นนี้…
“วานรตาเดียว!” สุ่ยเยี่ยนยวี่อุทาน “สัตว์อสูรตนนี้เมื่อเติบโตเต็มที่มันจะมีพลังบ่มเพาะระดับภูผาวารีขั้นสูงชั้นสูงสุด พวกเราหนีไม่รอดแน่!”
ในขณะที่สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าว อสูรยักษ์ก็คว้าไปยังร่างของจอมยุทธอีกคนหนึ่งและโยนเข้าไปในปากพร้อมกับกลืนลงไป
“ขะ ขะ ข้าขยับตัวไม่ได้!” ร่างของหูเฟยหยินสั่นสะท้าน นางเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความกล้า แค่นางไม่หวาดกลัวจนฉี่ราดก็นับว่าน่าชื่นชมแล้ว
หลิงฮันกล่าวกับสุ่ยเยี่ยนยวี่ทันที “พานางหนีไปก่อน ข้าจะถ่วงเวลามันให้!”
“ไม่ วานรตาเดียวแข็งแกร่งเกินไป เจ้าหยุดมันไม่ได้หรอก พวกเราหนีไปด้วยกันดีกว่า” สุ่ยเยี่ยนยวี่กล่าวอย่างหนักแน่น
สตรีช่างมีนิสัยน่าปวดหัวยิ่งนัก!
แต่หลิงฮันก็ต้องยอมรับว่าเขารู้สึกซาบซึ้งมาก ต่อหน้าสัตว์อสูรยักษ์เช่นนี้จะมีซักกี่คนที่จริงใจและกล่าวออกมาว่า ‘หนีไปด้วยกัน’ ?