ศิษย์จากสำนักฝ่ายตะวันตกยังคงแห่กันเข้ามาไม่หยุด แต่พวกเขาทุกคนก็ดูหมดหวัง
ในเมื่อมันไม่ใช่การต่อสู้เพื่อเอาชีวิต มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับหลิงฮันที่จะฆ่าพวกเขาหรือทำให้พวกเขาพิการ
ในเมื่อมีแกะหลุดเข้ามาในฝูงสิงโต แล้วพวกเขาจะปล่อยหลิงฮันไปได้อย่างไร?
หลิงฮันกระแทกฝ่ามือออกไป ทำให้ศิษย์ของฝ่ายตะวันตกหลายสิบคนปลิวกระเด็นไปเหมือนกับดอกไม้ทันทีและเขายังคงดูผ่อนคลายราวกับว่าการจัดการพวกเขามันไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร
“ศิษย์พี่เจี่ยมาแล้ว!” ทุกคนหันหน้าไปมองชายหนุ่มที่มีรูปร่างผอมแห้งเหมือนกับถั่วงอก ผิวหนังของเขาแทบจะติดกับกระดูก
ชายหนุ่มคนนั้นผงกหัว และโคจรพลังปราณไปที่แขนซ้าย ทันใดนั้นเองแขน ลำตัว และขาของเขาก็ขยายใหญ่ขึ้น มีเพียงแค่หัวของเขาเท่านั้นที่ยังมีขนาดเท่าเดิม
ในไม่ช้าร่างกายที่เหมือนกับถั่วงอกของเขาก็กลายเป็นชายร่างกำยำที่มีความสูงสามฟุตและมีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ
“ศิษย์พี่เจี่ยฝึกฝนทักษะกลืนกินสวรรค์ ถึงแม้ปกติเขาจะมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบแปดดาว แต่เมื่อใดที่ใช้ทักษะนี้ เขาก็จะมีพลังต่อสู้มากถึงยี่สิบเอ็ดดาวหรืออาจมากกว่านั้น!”
“หึ่ม ความสามารถของศิษย์พี่เจี่ยไม่ได้ด้อยไปกว่าเย่เชิงหยุน ใช่แล้ว เย่เชิงหยุนมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติยี่สิบเอ็ดดาวเท่านั้น แต่ศิษย์พี่เจี่ยเหนือกว่านั้น!”
“ยี่สิบสองดาว!”
ทุกคนเต็มไปด้วยความตื่นเต้น หากศิษย์พี่เจี่ยสามารถจัดการหลิงฮันได้ สำนักฝ่ายตะวันตกของพวกเขาก็จะไม่เสียหน้าอีกต่อไป
ตึ่ง! ตึ่ง! ตึ่ง!
ศิษย์พี่เจี่ยพุ่งเข้าหาหลิงฮัน ตอนนี้เขามีร่างกายสูงใหญ่กำยำ ทุกฝีก้าวทำให้พื้นต้องสั่นสะเทือนราวกับจะแยกออกจากกัน
ปัง!
ศิษย์พี่เจี่ยปล่อยหมัดไปที่หัวของหลิงฮัน
ต่อหน้าร่างกายที่ใหญ่โตกำยำของเขา ทำให้หลิงฮันเป็นเหมือนกับเด็กแรกเกิด
“จัดการมันเลย!” ทุกคนส่งเสียงตะโกน
หลิงฮันรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยที่อีกฝ่ายแข็งแกร่งกว่าเย่เชิงหยุน แต่น่าเสียดายที่เขาใช้ทักษะลับบางอย่างเพื่อเพิ่มพลังต่อสู้ ซึ่งอาจอยู่ได้ไม่นานนัก
ความแข็งแกร่งของเขาเป็นแค่ความแข็งแกร่งที่อยู่ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับหลิงฮันแล้ว พลังต่อสู้แค่นั้นยังไม่เพียงพอ
หลิงฮันยื่นมือออกไปเพื่อต้านรับ
ปัง หมัดของศิษย์พี่เจี่ยหยุดอยู่ที่ด้านหน้าหลิงฮันและไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้อีก
แต่เนื่องจากทั้งสองคนมีขนาดร่างกายที่ไม่เท่ากัน หมัดของศิษย์พี่เจี่ยมีขนาดใหญ่มากบังหัวของหลิงฮันมิด จึงไม่มีใครเห็นฉากที่เกิดขึ้นได้ แต่ก็มีหลายคนที่คิดว่าหลิงฮันจะต้องถูกจัดการอย่างแน่นอน
หลังจากที่ผ่านไปชั่วครู่ พวกเขาก็พบว่าหลิงฮันยังคงยืนหยัดอยู่ที่เดิมและช่วยไม่ได้ที่สีหน้าของพวกเขาจะกลายเป็นมืดมน
นี่เขาเป็นสัตว์ประหลาดหรือไง?
หลิงฮันยกมือขึ้นและยกร่างของศิษย์พี่เจี่ยขึ้นมาเหนือหัว เหมือนกับมดที่ยกสิงโต
“กระเด็นไปซะ!” หลิงฮันโยนศิษย์พี่เจี่ยไปที่กำแพง ปัง ร่างของเขากระแทกเข้ากับกำแพงและแน่นิ่งไปในที่สุด
พรวด!
หลังจากที่เขากระอักโลหิตออกมา ร่างกายของเขาก็หดตัวอย่างรวดเร็วและกลับสู่ขนาดเดิม ทำให้พลังต่อสู้ของเขาในปัจจุบัน….กลับมาอยู่ที่ระดับทลายมิติสิบแปดดาวอีกครั้ง
แม้แต่ศิษย์พี่เจี่ยก็ยังไม่ใช่คู่มือ!
ศิษย์จากสำนักฝ่ายตะวันตกตกอยู่ในความหวาดกลัว พวกเขากำลังเผชิญหน้ากับอัจฉริยะที่ไม่ธรรมดา แม้จะมีความได้เปรียบเรื่องจำนวนคน แต่ก็ไม่มีผลเมื่ออยู่ต่อหน้าสัตว์ประหลาดอย่างเขา
หลิงฮันยิ้มและพูดว่า “พวกเจ้ายังอยากจะต่อสู้อีกหรือไม่?”
ศิษย์ทุกคนต่างมองหน้ากันไปมา ตอนนี้มีศิษย์มากกว่าครึ่งหนึ่งถูกหลิงฮันจัดการไปแล้ว และดูเหมือนว่าเขายังไม่ได้เอาจริงเลยด้วยซ้ำ
พวกเขาต่างพากันส่ายหัวและไม่มีความคิดที่จะสู้อีกต่อไป อีกฝ่ายผิดปกติเกินไปแล้ว!
“หากพวกเจ้าไม่คิดที่จะสู้ ข้าก็จะได้กลับไปนอน!” หลิงฮันไม่ได้พูดขอโทษ แม้เขาจะจัดการศิษย์ของสำนักฝ่ายตะวันตกไปมากกว่าครึ่งหนึ่งก็ตาม หากเขาพูดขอโทษตอนนี้อาจมีผลกระทบเชิงลบ
หลังจากพูดจบหลิงฮันก็เดินจากไป ในขณะที่ศิษย์ของสำนักฝ่ายตะวันตกทำได้แค่มองเขาด้วยดวงตาที่เบิกกว้างและโกรธเกรี้ยว
ในความเป็นจริง หลิงฮันไม่ได้รู้สึกดีใจ แม้ว่าเขาจะแข็งแกร่ง แต่ก็ถูกบังคับให้ทำแบบนี้
“จ้าวหลุน ความเกลียดชังระหว่างเจ้ากับข้าดูเหมือนจะไม่จบง่ายๆ!’ หลิงฮันพูดในใจ
แต่ตอนนี้เขาแข็งแกร่งพอที่จะต่อสู้กับจ้าวหลุนหรือไม่?
ไม่!
อย่าว่าแต่จ้าวหลุนเลย แม้แต่ผู้ติดตามทั้งสามคนของจ้าวหลุน หลิงฮันก็ไม่อาจต่อกรกับอีกฝ่ายได้ ช่องว่างระหว่างจอมยุทธระดับทลายมิติกับจอมยุทธระดับภูผาวารีนั้นกว้างใหญ่เกินไป
“ข้าต้องรีบทะลวงผ่านระดับภูผาวารีให้เร็วที่สุด ด้วยความสามารถของข้า มันคงไม่ใช่เรื่องยากที่ข้าจะเป็นอัจฉริยะระดับห้าดาว! จากนั้น ตราบใดที่ข้าทะลวงผ่านระดับภูผาวารีขั้นต้น ข้าก็จะสามารถรับมือกับจอมยุทธระดับภูผาวารีขั้นกลางถึงขั้นสูงสุดได้”
“จ้าวหลุนเป็นศัตรูของข้าเพราะศิษย์พี่สุ่ย ดังนั้นนางจึงเป็นจุดอ่อนของข้าเช่นกัน ข้าแสร้งทำเป็นสนิทสนมกับศิษย์พี่สุ่ย ดังนั้นจ้าวหลุนเลยโกรธแค้นข้า ทั้งที่ไม่ใช่เรื่องของข้าเลยแท้ๆ”
……
วันต่อมา การทดสอบรายเดือนของสำนักฝ่ายเหนือก็เริ่มต้นขึ้น
นี่คือการทดสอบความแข็งแกร่งของทุกคนว่าก้าวหน้าขึ้นหรือถอยหลังลงคลอง นั่นเป็นเพราะบางคนหลังจากที่เข้าสำนักได้พวกเขาทำตัวผ่อนคลายเกินไปและไม่หมั่นฝึกฝน
หากศิษย์คนใดไม่มีความก้าวหน้า ขั้นแรกพวกเขาจะถูกตักเตือน ขั้นที่สองพวกเขาจะสูญเสียสิทธิ์ประโยชน์มั้งหมด และขั้นที่สามคือถูกขับไล่ออกจากสำนัก ดังนั้นการทดสอบประจำเดือนจึงมีความสำคัญมาก
ศิษย์ใหม่มากกว่าห้าร้อยคนได้มารวมตัวเพื่อรับการทดสอบแล้ว
สุ่ยเยี่ยนยวี่กวาดสายตามองทุกคนและพูดว่า “วันนี้เป็นวันทดสอบประจำเดือน พวกเจ้าทุกคนจะต้องทำให้ดีที่สุด หากความสามารถของพวกเจ้าแย่กว่าตอนที่แสดงออกมาในตอนที่สอบเข้าสำนัก พวกเจ้าจะถูกตักเตือนก่อน และหากเตือนครบสามครั้งแล้วยังไม่มีความก้าวหน้าอีกก็จะถูกขับไล่ออกจากสำนัก”
“ครับ!” ทุกคนตอบด้วยความกลัว
หลิงฮันยกมือพร้อมกับลุกขึ้นยืน แล้วพูดถามว่า “ศิษย์พี่ หากได้อันดับหนึ่งจะได้รับรางวัลตอบแทนหรือไม่?”
สุ่ยเยี่ยนยวี่ส่ายหน้าและพูดว่า “ไม่มีรางวัลตอบแทนอะไรทั้งสิ้น”
“ไม่มี?” หลิงฮันหมดความสนใจทันทีและฟุบหลับลงบนโต๊ะ ในเมื่อไม่ได้รางวัลตอบแทนเขาจะพยายามสุดความสามารถไปเพื่ออะไร
เมื่อเห็นท่าทางขี้เกียจของหลิงฮัน ช่วยไม่ได้ที่สุ่ยเยี่ยนยวี่จะรู้สึกโกรธ
ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงฮันเป็นสามีของนาง นางก็คงจะขี้เกียจเกินไปที่จะเป็นห่วงเขา!
“เริ่มกันได้แล้ว!” นางกล่าวด้วยท่าทางไม่พอใจ
การทดสอบที่ว่าคือการต่อสู้ นอกเหนือจากนั้นแล้วจะทดสอบอะไรได้อีก?
แต่ก็ไม่มีใครกล้าพอที่จะท้าทายหลิงฮัน เพราะเขาถูกทุกคนยอมรับว่าเป็นอันดับหนึ่งของที่นี่
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวานหลิงฮันยังบุกไปที่ฝ่ายตะวันตกด้วยตัวคนเดียว จะมีใครในที่แห่งนี้กล้าทำแบบเขาหรือไม่?
และนั่นมันไม่ใช่การหาเรื่องใส่ตัวหรอกหรือ?
ดังนั้น ถึงแม้หลิงฮันจะไม่ได้ต่อสู้กับใคร แต่เขาก็ได้กลายเป็นอันดับหนึ่งของการทดสอบประจำเดือนโดยอัตโนมัติ