หลัวป้าน่าสมเพจมาก!
ทุกคนรู้สึกเช่นนั้นในขณะที่เห็นหลัวป้าถูกตบไปสองครั้ง ยิ่งกว่านั้นศิษย์ใหม่อีกคนก็โหดเหี้ยมอย่างมาก ไม่ใช่แค่เขาจะกล้าหาญและมีทักษะยุทธที่ยอดเยี่ยม แต่พลังต่อสู้ของเขาก็ยังสูงส่งอีกด้วย
นอกจากนั้นหลัวข่ายเฟิงก็ยังยืนอยู่ข้างๆด้วย นี่เขาไม่ไว้หน้าตระกูลหลัวเลยรึไง?
ใบหน้าของหลัวข่ายเฟิงเปลี่ยนเป็นมืดมน ที่เขาไม่หยุดหลัวป้าก็เพราะต้องการให้หลิงฮันไว้หน้าเขา แต่เขาไม่นึกเลยว่าหลัวป้าจะถูกหลิงฮันทำให้อับอาย
หนึ่งในสามรุ่นเยาว์อัจฉริยะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจอมยุทธจากโลกใบเล็ก
ใครจะทำใจเชื่อลง?
ในเมื่อหลัวป้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลิงฮัน หลัวข่ายเฟิงจึงต้องออกหน้าด้วยตัวเอง ไม่เช่นนั้นชื่อเสียงของตระกูลหลัวจะเสียหาย
“ฮึ่ม ทั้งขโมยเม็ดยาของสำนักไปขายและทำร้ายศิษย์ร่วมสำนัก คนเช่นนี้ไม่สมควรอยู่ในสำนักนภาสีชาด!” เขากล่าวและปลดปล่อยแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัวใส่หลิงฮัน
แรงกดดันของจอมยุทธระดับสุริยันจันทรานั้นแข็งแกร่งกว่าหลิงฮันไม่รู้กี่เท่า ภายใต้แรงกดดันนี้หลิงฮันรู้สึกราวกับภูเขากำลังกดทับลงมาที่ตัวเขา กระดูกในร่างของเขาสั่นสะท้านและต้องเอนตัวเพื่อคงตัวเอาไว้
หลิงฮันรู้ว่าอีกฝ่ายต้องการบังคับให้เขาคุกเข่าลง
แต่คนที่หยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีเช่นเขาจะยอมถูกทำให้อัปยศงั้นรึ?
หลิงฮันพยายามคงร่างให้ยืนตรง กระดูกทั่วร่างของเขาส่งเสียงแตกร้าว จอมยุทธระดับสุริยันจันทราแข็งแกร่งเกินไป แม้จะเป็นเพียงแค่แรงกดดันแต่มันก็ทำให้หลิงฮันเหงื่อท่วมไปทั้งร่าง ดวงตาของเขากลายเป็นแดงก่ำพร้อมกับเส้นเลือดที่ปูดนูนออกมา
แม้ช่องว่างของระดับทลายมิติกับระดับสุริยันจันทรานั้นจะห่างกันราวกับสวรรค์และปฐพี แต่ด้วยความหยิ่งทะนงของเขา หลิงฮันยอมตายเสียยิ่งกว่าจะต้องคุกเข่า
คนอื่นๆรอบข้างแสดงท่าทีตกตะลึงออกมา
รุ่นเยาว์ผู้นี้ช่างมีกำลังใจที่แข็งแกร่ง
ร่างของหลิงฮันส่งเสียงถูกบีบรัดออกมาไม่หยุด เหงื่อของเขาไหลท่วมจนชุดเปียกไปทั้งชุด แต่เขาก็ยังยืนนิ่งราวกับขุนเขา
“ยังไม่ยอมรับความผิดของตัวเองอีก?” หลัวข่ายเฟิงกล่าว เขาต้องทำให้หลิงฮันอัปยศในวันนี้ให้ได้ มีเพียงทางนี้เท่านั้นคนอื่นๆถึงจะมองข้ามความน่าอับอายของหลัวป้าที่ถูกตบ
“ข้าไม่ผิด ทำไมจะต้องยอมรับ?” หลิงฮันกล่าวอย่างหยิ่งยโส
‘พรึบ’ ทันใดนั้นเองทุกคนก็เห็นร่างหนึ่งลอยมาจากตำแหน่งที่ห่างไกล นางเป็นสตรีงดงามที่ดูแล้วน่าจะมีอายุราวๆยี่สิบปี ตอนนี้ใบหน้าของนางประดับไว้ด้วยความตื่นเต้นที่ปิดไม่อยู่
“หลิงฮัน! หลิงฮัน!” นางส่งเสียงเรียกแต่ไกล
“หืม นั่นกู่หลิงยื่อไม่ใช่รึไง?”
“นางคือหนึ่งในสามสตรีที่งดงามที่สุดของเมืองจักรพรรดิ ข้าได้ยินว่านางมีพรสวรรค์ด้านศาสตร์แห่งการปรุงยาและได้เข้าร่วมกับสำนักฝ่ายปรุงยา”
“สำนักเรามีฝ่ายปรุงยาด้วยรึ?”
“เหอๆ ฝ่ายปรุงยามีศิษย์เพียงน้อยนิดเท่านั้น ทุกๆวันพวกเขาจะเอาแต่เก็บตัวหลอมเม็ดยา ดังนั้นจึงไมค่อยมีใครรู้จักฝ่ายปรุงยาเท่าไหร่”
“แต่ถึงอย่างนั้นฝ่ายปรุงยาก็มีสถานะที่พิเศษ ไม่ว่าใครก็ต้องไว้หน้าพวกเขา”
ทุกคนพยักหน้า นักปรุงยาคือกลุ่มคนที่พิเศษ พวกเขามีสถานะที่แตกต่างออกไปและไม่อาจล่วงเกินได้
กู่หลิงยื่อเข้ามายังลานที่พัก นางไม่มองใครอื่นและกล่าวกับหลิงฮัน “เจ้าหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าทั่วไปได้ถึงสามส่วน นั่นเป็นเพราะเจ้าพัฒนาสูตรเม็ดยาหรือว่าเจ้ามีทักษะหลอมเม็ดยาที่พิเศษกันแน่? ข้าตรวจสอบมาแล้วว่าเจ้ามาจากโลกใบเล็กเมื่อไม่นานมานี้ การที่เจ้าจะพัฒนาสูตรเม็ดยาคงเป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเจ้าคงมีทักษะหลอมยาที่พิเศษสินะ?”
นางกล่าวด้วยอารมณ์ตื่นเต้นก่อนจะหยุดชะงักและมองไปยังคนรอบๆด้วยสายตาสับสนก่อนจะกล่าว “หืม มีอะไรเกิดขึ้นกับเจ้ารึเปล่า ทำไมที่นี่ถึงได้มีคนเยอะขนาดนี้?”
ทุกคนกลายเป็นไร้คำพูด นี่เจ้าเพิ่งรู้ตัวรึไง?
เพียงแต่ว่ากู่หลิงยื่อก็ทำให้พวกเขารู้ข่าวอย่างหนึ่ง… หลิงฮันคือนักปรุงยา! ที่แท้เม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกหลอมโดยเขา
ถึงว่าทำไมเขาถึงยอมรับว่าขายเม็ดยาแต่ปฏิเสธว่าขโมยเม็ดยามาจากสำนัก
เม็ดยาที่หลอมด้วยตัวเอง คนอื่นสามารถห้ามไม่ให้ขายได้ด้วยรึ? ในสำนักไม่มีกฎแบบนั้น
หลัวข่ายเฟิงแน่นิ่ง เหว่ยเชียนฉู่เองก็เค้นเสียงและมองไปยังพี่น้องตระกูลหลัวด้วยสายตาอาฆาต คำกล่าวหาของเจ้ามันผิดชัดๆ นี่พวกเจ้ายังมีหน้าจะพูดถึงกฎของสำนักอีกรึ
ด้วยคำพูดของกู่หลิงยื่อเมื่อครู่ หลัวข่ายเฟิงจะเถียงอะไรได้? เขาทำได้เพียงโทษสองพี่น้องตระกูลหลัวที่ไม่สืบเหตุการณ์มาให้ดีเสียก่อน
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ศิษย์พี่ ข้ามีเรื่องที่ต้องสะสางก่อน ไว้ข้าจะบอกท่านทีหลัง”
“เรื่องอันใด? ข้าจะช่วยเจ้าเอง!” กู่หลิงยื่อกล่าวอย่างหนักแน่น ในความคิดของนางจะมีสิ่งใดสำคัญไปกว่าการได้รีบๆแลกเปลี่ยนความรู้ด้านการปรุงยา?
หลิงฮันนิ่งไปชั่วครู่ก่อนจะกล่าว “ทั้งสองคนนั้นกล่าวหาว่าข้าขโมยเม็ดยาของสำนักไปขาย”
กู่หลิงยื่อเกรี้ยวกราดและมองไปยังสองพี่น้องด้วยความเหยียดหยาม “พวกเจ้าจะไม่ได้รับยาใดๆที่หลอมโดยฝ่ายปรุงยาเด็ดขาด! การที่พวกเจ้ากล้าล่วงเกินนักปรุงยาคนเดียว นั่นหมายถึงพวกเจ้าต้องการเป็นศัตรูกับนักปรุงยาทุกคน!”
สองพี่น้องตระกูลหลัวรู้สึกหดหู่อย่างมาก พวกเขาจะไปรู้ได้อย่างไรว่าหลิงฮันที่เป็นจอมยุทธจากโลกใบเล็กและมีอายุอยู่ในช่วงยี่สิบปีจะสามารถหลอมเม็ดยาศักดิ์สิทธิ์ได้?
หลิงฮันกระแอมและกล่าว “ผู้อาวุโส ทั้งสองคนนี้กล่าวหาข้า ตามกฎของสำนักพวกเขาควรจะเป็นเช่นไร?”
เหว่ยเชียนฉู่ทำอะไรไม่ถูก หลัวข่ายเฟิงเป็นฝ่ายเดียวกับเขา เขาจะยอมให้อีกฝ่ายเสียหน้าได้อย่างไร?
หลัวข่ายเฟิงมองอีกฝ่ายก่อนจะรีบกล่าว “หลัวป้ากับหลัวหลี่ไม่ได้ทำอันใดผิด เพราะอย่างไรพวกเขาก็เห็นหลิงฮันขายเม็ดยาจริงๆ พวกเขาเคร่งครัดก่อกฎของสำนักถึงได้นำเรื่องนี้มาแจ้งเตือน”
หลิงฮันกล่าวอย่างไม่แยแส “เพียงแค่เพราะคำพูดของท่าน สองคนนั้นจึงจะไม่มีความผิดงั้นรึ? ถ้าหากศิษย์พี่ไม่มายืนยันให้ข้า ท่านก็คงจะสังหารข้าไปแล้วสินะ?”
“ข้าศิษย์ที่ผ่านหอคอยดาราขาวชั้นแปด ในอนาคตข้ามีศักยะสูงพอที่จะกลายเป็นอัจฉริยะสี่ดาว ถ้าข้าตกตาย สำนักจะต้องสูญเสียขนาดไหน?”
เหว่ยเชียนฉู่ “งั้นเจ้าต้องการอะไร?” เขาแสร้งทำเป็นผู้ประนีประนอม
หลิงฮันยิ้ม “ถ้าพวกเขามอบผลึกก่อเกิดให้ข้าสักหนึ่งหมื่นหรือแปดพันก้อน ข้าก็จะลืมความบาดหมางครั้งนี้ไปซะ แต่ถ้าไม่ข้าก็จะขอยืนหยัดจนกว่าจะได้รับความเป็นธรรม!”