หลังจากพูดคุยกันจบ สุ่ยเยี่ยนยวี่ก็เดินจากไป
หลิงฮันลูบคาง นี่นับว่านางเป็นภรรยาของเขาอีกคนมิใช่หรือ?
หลิงฮันหัวเราะเมื่อคิดแบบนั้น แม้สุ่ยเยี่ยนยวี่จะงดงามและมีเสน่ห์ แต่ตอนนี้หัวใจของเขาจะต้องมุ่งเน้นไปที่การฝึกฝนวรยุทธ แม้บางครั้งจะคิดฟุ้งซ่านไปบ้าง แต่ตอนคิดฟุ้งซ่านเขาก็จะคิดแต่เรื่องปรุงยา แล้วเขาจะมีเวลาว่างพอที่จะหมกมุ่นกับความรักได้อย่างไร?
หลังจากนี้อีกสามวัน เขาจะต้องเจอกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาอย่างแน่นอน
อย่างไรก็ตาม มันไม่ได้เป็นตามที่หลิงฮันคิด
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ สองพี่น้องตระกูลหลัวกำลังรอให้หลิงฮันนำเม็ดยาไปขายอีกครั้ง พวกเขาไม่สามารถจับโจรได้หากไม่มีหลักฐาน นี่ทำให้สองพี่น้องนั่งไม่ติดและตัดสินใจที่จะฟ้องผู้อาวุโส
พวกเขาพาผู้นำตระกูลหลัวมาที่สำนัก จากนั้นหลัวข่ายเฟิงก็ไปเรียกผู้อาวุโสฝ่ายคุมกฎมากับเขา
การปรากฏตัวของผู้อาวุโสฝ่ายคุมกฎ แน่นอนว่าย่อมทำให้ศิษย์หลายคนรู้สึกตกใจและอยากรู้ว่าวันนี้ศิษย์คนไหนจะเป็นผู้โชคร้าย
พวกเขาชี้ไปที่บ้านของหลิงฮัน
เมื่อหลัวข่ายเฟิงให้สัญญาณ หลัวป้าและหลัวหลี่ใช้เท้าเตะประตูบ้านของหลิงฮันทันที
หลิงฮันที่กำลังฝึกฝนอยู่ในสวนหันไปมองสองพี่น้องตระกูลหลั่วด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อต้องการต่อสู้กับข้าอย่างนั้นรึ?”
“เปล่า!” หลัวป้าพูดอย่างเย็นชา
“หลิงฮัน เจ้าตระหนักถึงบาปของตัวเองหรือไม่?” หลัวข่ายเฟิงเดินเข้ามาด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม
ถึงแม้เขาจะเป็นแค่จอมยุทธระดับสุริยันจันทราขั้นต้น แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้ศิษย์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงหายใจไม่ออกและเจ็บปวดที่หน้าอกแล้ว
หลิงฮันลุกขึ้นยืนโค้งคำนับผู้อาวุโสทั้งสองคนและพูดว่า “คารวะผู้อาวุโสทั้งสองท่าน” แล้วพูดต่อว่า “ศิษย์ไม่รู้ว่าพวกเขาพูดถึงเรื่องอะไร”
“เจ้ายังทำเป็นไม่รู้เรื่องอีกรึ?” หลัวข่ายเฟิงกล่าวด้วยเสียงเย็นชา และสีหน้าเริ่มเคร่งขรึมมากขึ้นราวกับว่าเขาเป็นผู้อาวุโสฝ่ายคุมกฎแล้วพูดต่อว่า “ข้าจะถามเจ้าว่า ในเดือนที่ผ่านมาเจ้าได้นำเม็ดยาระดับศักดิ์สิทธิ์ไปขายที่ร้านโอสถหรือไม่?”
“ใช่” หลิงฮันพยักหน้า และทำให้เขาเข้าใจเรื่องบางอย่างทันที คนที่เขาเห็นในวันนั้นคือหลัวหลี่นี่เอง และอีกฝ่ายต้องการให้เขาได้รับโทษที่นำเม็ดยาไปขาย
หลัวข่ายเฟิงคิดว่าหลิงฮันจะพูดปฏิเสธ เขาไม่คิดเลยว่าเจ้าเด็กนี่จะยอมรับง่ายๆแบบนี้ และอดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ที่อีกฝ่ายยอมรับความผิดของตนเอง
ผู้อาวุโสฝ่ายคุมกฎแซ่เหว่ยนามว่าเชียนฉู่ ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให้เขาไม่ชอบหน้าหลัวข่ายเฟิง แต่ในเมื่อหลิงฮันยอมรับความผิดที่นำเม็ดยาไปขาย เขาก็ต้องทำตามกฎและลงโทษอีกฝ่าย
“หลิงฮัน สำนักมีกฎกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่าห้ามนำเม็ดยาไปขายนอกสำนัก เจ้ามีอะไรอยากจะพูดหรือไม่?” เขากล่าว
ศิษย์ที่อยู่บริเวณใกล้เคียงต่างตกตะลึงกับเรื่องที่พวกเขาได้ยิน เหตุผลที่พวกเขามาที่นี่มันเป็นเช่นนั้นนี่เอง จะว่าไปหลิงฮันช่างโง่เขลายิ่งนัก แม้เขาจะเป็นศิษย์ที่โดดเด่นที่สุดในปีนี้ และมีโอกาสเป็นอัจฉริยะระดับสี่ดาวในอนาคต แต่กลับนำเม็ดยาไปขายนอกสำนัก
กฎคือกฎ แม้ว่าหลิงฮันจะเป็นอัจฉริยะที่มากพรสวรรค์ แต่เขาก็ไม่อาจรอดพ้นจากการถูกลงโทษได้
“หลิงฮัน รีบคุกเข่าของเจ้าลงซะ!” หลัวหลี่ตะโกนด้วยใบหน้าที่เย้ยหยัน
เขารอพูดประโยคนี้เกือบหนึ่งเดือนแล้ว!
หลิงฮันจ้องมองหลัวหลี่ด้วยสายตาดูถูกและพูดว่า “อย่าพึ่งใจร้อน เจ้าเป็นแค่ศิษย์ แล้วเจ้ามีสิทธิ์อะไรมากสั่งข้าแบบนั้น?”
หลิงฮันกล้าไม่ไว้หน้าเขาอีกแล้ว!
หลัวหลี่โกรธจนตัวสั่น เขาไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นอีกฝ่ายมาจากโลกใบเล็ก แล้วเขาจะไม่รู้สึกโกรธที่ถูกทำให้อับอายได้อย่างไร?
“ว…วันนี้เจ้าหนีไม่รอดแน่!” หลัวหลี่พยายามสงบสติอารมณ์และตะโกนใส่หลิงฮัน ในเมื่ออีกฝ่ายยอมรับผิด แล้วเขาจะกังวลไปทำไม?
“ไม่ต้องรีบร้อน!” หลัวป้ารีบตบไหล่น้องชายของเขา แล้วหันไปพูดกับหลิงฮันด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า “หลิงฮัน ในเมื่อเจ้ายอมรับความผิดของตัวเอง เม็ดยาที่เจ้านำไปขาย เจ้าจะชดใช้ยังไง?”
คิ้วของเหว่ยเชียนฉู่ขมวดเข้าหากันด้วยความไม่พอใจ ทั้งที่เป็นเขาต่างหากที่เป็นผู้อาวุโสฝ่ายคุมกฎ แต่รุ่นเยาว์ทั้งสองกลับออกตัวแทนเขาทั้ง ซึ่งทำให้เขาไม่พอใจเป็นอย่างมาก แต่ในขณะนั้นเองหลัวข่ายเฟิงก็เดินเข้ามาตบไหล่เขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่เหว่ย หากท่านปล่อยให้พวกข้าเป็นคนจัดการเรื่องนี้ ในอนาคตท่านจะได้รับรางวัลตอบแทนจากตระกูลหลัว!”
แม้เหว่ยเชียนฉู่จะไม่พอใจ แต่เขาก็ไม่กล้ามีปัญหากับตระกูลหลัว ยิ่งไปกว่านั้นหลิงฮันเองก็ยอมรับว่าทำผิดจริง ถึงแม้จะปล่อยให้พี่น้องตระกูลหลัวทำโทษหลิงฮัน เขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร
เมื่อคิดแบบนั้น เขาจึงเห็นด้วยกับหลัวข่ายเฟิงและยืนดูให้สองพี่น้องเป็นคนจัดการ
แน่นอนว่าหลัวข่ายเฟิงรู้สึกมีความสุขมาก เหตุผลที่เขาพาเหว่ยเชียนฉู่มาด้วยคือสำนักมีกฎของสำนัก ซึ่งมีเพียงแค่ผู้อาวุโสฝ่ายคุมกฎเท่านั้นที่มีอำนาจใช้กฎ
หลิงฮันแสยะยิ้มและพูดว่า “ดูเหมือนพวกเจ้าจะรีบด่วนสรุปเกินไปแล้ว ตอนไหนกันที่ข้าพูดว่าข้าขายเม็ดยาที่ได้รับมาจากสำนัก?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าคิดว่าพวกข้าเป็นเด็กสามขวบหรือไง? เมื่อครู่ เจ้าเพิ่งพูดออกมาเองว่าได้นำเม็ดยาไปขายที่ร้านโอสถ” หลัวป้าชี้ไปที่หลิงฮัน
“ใช่ ข้านำเม็ดยาไปขาย” หลิงฮันพยักหน้าอีกครั้ง “แต่เม็ดยาที่ข้านำไปขายนั้นแตกต่างจากเม็ดยาที่ได้รับจากสำนัก นอกจากนี้ อย่าชี้นิ้วใส่ข้า มันไม่สุภาพและทำให้ข้ารู้สึกอารมณ์เสียมาก”
หลัวป้าแปลกใจ แต่ก็ยังคงชี้นิ้วใส่หลิงฮันและพูดว่า “ไม่ว่าเจ้าจะพูดอะไรออกมา เจ้าไม่มีทางเปลี่ยนความผิดของเจ้าให้เป็นถูกได้!”
เพียะ!
หลิงฮันทนไม่ไหวและตบหน้าอีกฝ่าย และด้วยความแข็งแกร่งของเขาทำให้ฟันหลัวป้าหลุดออกมาสามซี่ทันที
“เจ้า เจ้า เจ้า-” หลัวป้ารู้สึกโกรธและอาย ทั้งที่เขาเป็นถึงหนึ่งในสามอัจฉริยะของเมืองจักรพรรดิ แต่กลับถูกอีกฝ่ายตบหน้าในที่สาธารณะ แม้ว่าหลิงฮันจะถูกฆ่าตาย แต่เขาจะลบความอับอายที่เกิดขึ้นนี้ได้อย่างไร?
“ข้าบอกเจ้าแล้วอย่าชี้นิ้วใส่ข้า ในฐานะที่ข้าเป็นศิษย์พี่ของเจ้า มันเลยเป็นหน้าที่ของข้าที่จะสั่งสอนเจ้า” หลิงฮันกล่าวด้วยท่าทางผ่อนคลาย
“ข้าจะฆ่าเจ้า!” หลัวป้ารู้สึกโกรธมาก เขาต้องเอาชนะหลิงฮันด้วยตัวเอง มิฉะนั้นตลอดชีวิตที่เหลือของเขา เขาจะทำได้แค่เงยหน้ามองอีกฝ่ายเท่านั้น
เพียะ!
หลิงฮันตบหน้าหลัวป้าอีกครั้ง