รุ่นเยาว์คนอื่นอาจจะไม่รู้ แต่เฟิงโปหยุนนั้นเป็นตัวตนระดับทลายมิติที่แข็งแกร่ง แล้วบรรพบุรุษตระกูลลิ่วจะไม่รู้จักได้อย่างไร?
มีคำร่ำลือมากมายเกี่ยวเฟิงโปหยุน แต่เรื่องที่เขามีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วคือการที่เขาฝึกฝนจนบรรลุแก่นแท้แห่งดาบได้สำเร็จ! ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่บรรพบุรุษตระกูลลิ่วที่เพิ่งทะลวงผ่านระดับทลายมิติได้เลย ถึงแม้เขาจะมีพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติขั้นห้าเขาก็ไม่มีความมั่นใจว่าตนเองจะชนะเฟิงโปหยุนได้แม้แต่น้อย
แถม… กลุ่มของอีกฝ่ายยังมีจอมยุทธระดับทลายมิติคนอื่นด้วย?
หนึ่ง… สอง… สาม… สี่คน!
สามคนเป็นมนุษย์ ส่วนอีกหนึ่งคือหุ่นเชิดศิลา
‘ตุบ ตุบ ตุบ’ บรรพบุรุษตระกูลลิ่วทุบตีรุ่นเยาว์เหล่านี้จนแม้แต่พวกเขาก็จำหน้าตาตนเองไม่ได้ เมื่อเห็นว่าเหล่ารุ่นเยาว์บาดเจ็บสาหัสบรรพบุรุษตระกูลลิ่วก็หยุดมือและกล่าว “ไม่ต้องรักษาบาดแผลและตามข้าไปกล่าวขออภัย!”
“ว่าไงนะ?” รุ่นเยาว์เหล่านี้รู้ว่าที่บรรพบุรุษทุบตีพวกเขาเป็นเพราะหลิงฮัน ซึ่งมันทำให้พวกเขามึนงงมาก
ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยทำเรื่องที่หนักหนากว่านี้มานับครั้งไม่ถ้วน แต่บรรพบุรุษก็ไม่เคยว่าตำหนิอะไรพวกเขาเลยแท้ๆ แต่ตอนนี้ไม่เพียงแค่พวกเขาจะถูกทุบตี แต่ยังต้องไปขอโทษด้วย?
อะไรกัน คนพวกนั้นเป็นใครกันแน่!
แม้พวกเขาจะมีนิสัยอวดดี แต่แน่นอนว่าพวกเขาย่อมหวาดกลัวต่อบรรพบุรุษตระกูลลิ่ว
“ท่านบรรพบุรุษ ทำไมต้องทำขนาดนั้นด้วย?” รุ่นเยาว์คนหนึ่งเอ่ยถาม เขาคือผู้สืบทอดที่บรรพบุรุษตระกูลลิ่วประคบประหงมมากที่สุด มีเพียงเขาเท่านั้นที่กล้าเอ่ยถามในเวลาเช่นนี้
รุ่นเยาว์คนอื่นๆสูดหายใจลึก พวกเขาเองก็อยากรู้เหตุผลเหมือนกัน
“เจ้าคิดว่าการที่ชายชราผู้นี้ทะลวงผ่านระดับทลายมิติได้แล้วจะถือว่าไร้เทียมทานที่สุดในโลก?” บรรพบุรุษตระกูลลิ่วเค้นเสียง “ในกลุ่มคนที่พวกเขาบอกว่าพวกเจ้าไปรังแกมามีจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่ถึงสี่คน และอย่างน้อยก็ในทั้งสี่คนนั้นมีหนึ่งคนที่สามารถชนะข้าได้ด้วยการโจมตีเดียว!”
พรวด!
รุ่นเยาว์เหล่านั้นสำลักออกมาทันที เป็นไปได้อย่างไร! ในสายตาของพวกเขา บรรพบุรุษของพวกเขาคือตัวตนที่ไร้เทียมทาน ถึงแม้จะยังมีคนที่แข็งแกร่งกว่า บรรพบุรุษของพวกเขาก็ควรด้อยกว่าเล็กน้อยเท่านั้นแต่ไม่มีทางพ่ายแพ้
จอมยุทธระดับทลายมิติคือตัวตนที่ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของโลกและไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวใคร
บรรพบุรุษตระกูลลิ่วถอนหายใจในใจ เขารอคอยจนกระทั่งหลิงฮันนั่งลงและรีบพาเหล่ารุ่นเยาว์ไปขอโทษทันที
คนของตระกูลลิ่วจ้องมองด้วยสีหน้าตกตะลึง นั่นเพราะตำแหน่งที่นั่งของหลิงฮันนั้นอยู่สูงกว่าพวกเขาเสียอีก พวกหลิงฮันนั้นนั่งอยู่บนจุดสูงสุดของลานเปิดสวรรค์ พวกเขาสามารถมองเห็นผู้ที่มาชมคนอื่นได้เพียงแค่ชำเลืองมองลงมา
ตำแหน่งที่นั้นไม่สามารถนั่งได้ตามใจชอบ ในแต่ละที่ล้วนแต่กำหนดตามอำนาจของแต่ละคน ซึ่งตำแหน่งแต่ละที่ได้ถูกกำหนดโดยจักรวรรดิจันทราม่วง ซึ่งใครกันจะกล้าต่อต้านไม่เห็นด้วยต่อจักรวรรดิจันทราม่วงที่มีจักรพรรดิสุดแข็งแกร่งระดับทลายมิติยี่สิบดาว?
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้ ไม่ใช่แค่รุ่นเยาว์ของตระกูลลิ่วที่ไม่พอใจ แต่แม้แต่บรรพบุรุษตระกูลลิ่วก็เริ่มรู้สึกไม่สบอารมณ์
บรรพบุรุษตระกูลลิ่วยอมรับว่าเขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงโปหยุน แต่พวกเขาก็เป็นจอมยุทธในระดับทลายมิติเหมือนกัน แต่พวกเขากับถูกแบ่งแยกกันอย่างชัดเจนขนาดนี้ ไม่ใช่ว่านี่เป็นการดูถูกเขาเกินไปหน่อยรึไง?
ไม่ใช่แค่เขา แต่คนอื่นก็รู้สึกเช่นเดียวกัน
แม้จะเป็นภูมิภาคกลางก็ไม่ได้มีจอมยุทธระดับทลายมิติมากมายนัก นอกจากห้านิกายโบราณ ตำหนักสมบัติวิญญาณ สมาคมนักปรุงยา และสมาคมน้ำแข็งนิรันดร์ ขุมอาจอื่นๆก็พอจะมีจอมยุทธระดับทลายมิติอยู่บ้าง
บรรพบุรุษตระกูลลิ่วสลัดความคิดที่จะขอโทษทิ้งและกล่าวในใจ “เหอะเหอะ ที่นี่มีตัวตนระดับสูงมารวมตัวกันมากมาย ข้าล่ะรอที่จะดูพวกมันถูกจัดการและต้องเสียหน้าไม่ไหวแล้ว”
ขุมอำนาจที่มีตัวตนระดับทลายมิติอยู่ จะมีขุมอำนาจไหนบ้างที่พอใจกับตำแหน่งที่นั่งเช่นนี้
จริงอยู่ที่เฟิงโปหยุนแข็งแกร่ง แต่เขาก็ไม่ได้แข็งแกร่งพอที่จะได้ที่นั่งตรงนั้น!
“เหอๆ ที่บางที่ก็เป็นเหมือนกับปล่องภูเขาไฟที่ร้อนระอุ ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมีคุณสมบัติพอจะได้นั่นตรงนั้น ไม่เช่นนั้นเมื่อใดที่ภูเขาไฟปะทุ คนที่นั่งอยู่ก็จะกลายเป็นเถ้าถ่าน!” จอมยุทธระดับทลายมิติคนหนึ่งก้าวเดินขึ้นมาและแสยะยิ้ม
เขาคือจอมยุทธระดับทลายมิติผู้มากประสบการณ์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมาแล้วห้าถึงหกร้อยปี ตอนนี้เขามีพลังบ่มเพาะระดับทลายมิติขั้นแปด ด้วยอายุขัยที่มากและความเลือดร้อนที่จางหายไป พลังต่อสู้จริงๆของเขาในตอนนี้จึงอยู่ที่ประมาณแปดดาว
ด้วยอายุและระดับพลังของเขาแล้ว เขาควรจะได้รับความเคารพแท้ๆ
ดังนั้นเมื่อเขาเห็นว่าพวกหลิงฮันมีตำแหน่งที่นั่งที่สูงกว่าเขาจึงไม่พอใจอย่างมาก พวกเจ้ามีคุณสมบัติใดกัน?
ชายชราผู้นี้มีชื่อว่าหมานจิงอี่ ตอนนี้เขามีอายุกว่าพันปีแล้ว
ยิ่งเขามีอายุเยอะขึ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งห่วงในชื่อเสียงของตนเอง
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “ไม่ต้องห่วง ข้าสามารถจัดการภูเขาไฟที่ปะทุได้!”
“เจ้าแน่ใจรึ?” คิ้วของหมานจิงอี่เปลี่ยนเป็นขึงขัง
“ชายชราผู้นั้นถึงแม้จะไม่เลือดร้อนเหมือนสมัยก่อนแล้ว แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นถึงจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นแปด ในโลกนี้มีน้อยคนนักที่จะยืนอยู่เหนือกว่าเขาในด้านของระดับพลังบ่มเพาะ”
“ในขณะต่อสู้ ชายชราผู้นั้นก็ยังคงสามารถสำแดงพลังต่อสู้ออกมาได้ราวๆแปดดาว ซึ่งใต้ท้องฟ้านี้เขาไม่ด้อยไปกว่าใครแน่นอน”
ทุกคนพยักหน้า อย่าคิดว่าจอมยุทธระดับทลายมิติที่มีพลังต่อสู้เกินกว่าเก้าดาวจะมีเยอะ ในระดับทลายมิตินั้นเพียงแค่ห่างกันดาวเดียวอำนาจที่สำแดงออกมาได้ก็ต่างกันราวกับสวรรค์และปฐพี
“ข้าแน่ใจ!” หลิงฮันยิ้ม
หมานจิงอี่ยกมือขึ้นและกล่าว “งั้นถ้าข้าจะขอท้าเจ้าประลองล่ะ?”
หลิงฮันยิ้ม “แน่นอนว่าไม่ขัดข้อง”
ท่ามกลางท้องฟ้า ราชันทั้งเจ็ดกำลังมองดูสถานการณ์
“เราควรยื่นมือเข้าไปช่วยไหม?” ราชันขุนเขาเที่ยงธรรมกล่าว
ราชันมหาดวงดาราส่ายหัว “พวกเราควรจะนั่งดูอยู่เฉยๆดีกว่า แม้ในแง่ของพลังต่อสู้เจ้าหนุ่มนั่นจะเทียบพวกเราไม่ได้ แต่เขาก็มีร่างกายที่แข็งแกร่งเทียบเท่ากับองค์จักรพรรดิ เพียงแค่การโจมตีจากชายชราจะไปทำอันใดเขาได้?”
“เห็นด้วย!” ราชันอีกหกคนพยักหน้าและล้มเลิกความคิดที่จะเข้าไปแทรกแซง
หมานจิงอี่ประหลาดใจเล็กน้อย รุ่นเยาว์ผู้นี้ช่างอวดดียิ่งนัก หรือเขาแค่คิดว่าการบรรลุระดับทลายมิติจะทำให้เขาไร้เทียมทานที่สุดในโลกแล้ว? เหอะ วันนี้ข้าจะสอนให้เจ้ารู้เองว่าขิงแก่ย่อมเผ็ดกว่า!
เขาลอยขึ้นสู้ท้องฟ้าและกล่าว “งั้นก็มาสู้กัน!” เขาไม่กล้าจะทำลายลานพิธีเปิดสวรรค์ ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องถูกหม่าตั้วเปาหรือไม่ก็เจ็ดราชันจัดการเอาแน่
ชายชรารักในชื่อเสียงของตนเองมาก แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการจะถูกทุบตีต่อหน้าสาธารณะชน