หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและกล่าว “เจ้ามีกลิ่นที่น่ารังเกียจ แม้จะอยู่ห่างออกไปร้อยไมล์ข้าก็ได้กลิ่น เช่นนั้นแล้วการหาตัวเจ้าพบจะเป็นเรื่องยากอันใด?”
นั่นเป็นสิ่งที่เขากล่าวออกไปเล่นๆ ที่จริงแล้วเป็นเพราะเขาควบคุมอำนาจแห่งจักรภพอยู่ ตราบใดที่เขาต้องการ เขาก็สามารถรับรู้ทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นในทุกๆเมืองผ่านธงที่ปักหอคอยเอาไว้ได้
“เหอะ ก็แค่จอมยุทธระดับสวรรค์ที่ไม่รู้จักถึงความห่างชั้น ข้าอยากจะรู้จริงๆว่าวันนี้เจ้าจะหลบหนีไปได้อย่างไร?” เซียวเมี่ยวเหยียนแสยะยิ้ม
นางโกรธแค้นหลิงฮันเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าหนู สตรีผู้นั้นไม่เลวเลย เจ้าต้องให้นางมาเป็นคนรับใช้ของข้า!” เจ้ากระต่ายคำรามดังขึ้นจากพื้นเบื้องล่าง
เซียวเมี่ยวเหยียนกลายเป็นเกรี้ยวกราดทันที แต่เมื่อนางมองไปที่เจ้ากระต่ายนางก็อุทานออกมา “ทายาทของเผ่าชิงอี?”
“เจ้ากล้าเอ่ยเรียกบรรพบุรุษของข้าเช่นนั้นได้อย่างไร!” เจ้ากระต่ายตะโกนเสียงดัง
ใบหน้าอันงดงามของเซียวเมี่ยวเหยียนกระตุกเพราะความตกตะลึง เผ่าชิงอีคือเผ่าที่น่าสะพรึงกลัวของดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ดังนั้นนางจึงไม่อยากจะสร้างความบาดหมางกับทายาทของพวกเขาเสียเท่าไหร่ ถ้าหากนางลงมือจริงๆเจ้ากระต่ายคงจะตายไปแล้ว
นางเมินเฉยเจ้ากระต่ายและจ้องมองหลิงฮัน “กายหยาบที่เทียบได้กับแร่เหล็กระดับสิบของเจ้านั้นทรงพลังเป็นอย่างมาก แต่ตราบใดที่ข้าเป็นคนลงมือ ข้าก็ยังมีวิธีที่จะทำลายพลังป้องกันของเจ้า!”
“ข้าเริ่มจะกลัวขึ้นมานิดหน่อยแล้วสิ” หลิงฮันหัวเราะ “พวกเจ้าฆ่าล้างสิ่งมีชีวิตมากมายเพื่อหลอมโลกเบื้องล่างให้เป็นเม็ดยา วันนี้หัวของเจ้าจะต้องถูกตัดขาดเพื่อสังเวยต่อชีวิตเหล่านั้น”
“เจ้าหนู ห้ามทำเช่นนั้น นำนางมาเป็นคนรับใช้ของข้า!” เจ้ากระต่ายตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง
“การที่พวกเจ้าทั้งสามคนมาปรากฏตัวที่นี่ในวันนี้พร้อมกัน ถือว่าเป็นการช่วยให้ข้าจัดการปัญหาที่ใหญ่ที่สุดทิ้งได้พอดี!” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา เซียวเมี่ยวเหยียนและกวนหยางนั้นมีพลังต่อสู้ระดับทลายมิติสิบแปดดาว ทั้งสองเป็นภัยคุกคามที่ใหญ่ที่สุดของโลกนี้ไม่ผิดแน่ ถ้าเขาสามารถกำจัดทั้งสองทิ้ง ภัยคุกคามอื่นๆคงจะปล่อยให้แปดราชันเป็นคนจัดการได้
“ดูเหมือนว่าเจ้าจะมั่นใจว่าตัวเองแข็งแกร่งเสียเหลือเกิน!” จักรพรรดิจอมอสูรยิ้มและหัวเราะไปพร้อมๆกัน เขากับพวกเซียวเมี่ยวเหยียนนั้นไม่ได้วางแผนว่าจะมาบุกเมืองจักรพรรดิด้วยกัน
ดังนั้นเมื่อเขาเห็นการปรากฏตัวของเซียวเมี่ยวเหยียน เขาจึงเกิดความคิดที่จะแอบซุ่มอยู่เงียบๆและคอยลอบโจมตี แต่เขาไม่คาดเคยเลยว่าจะโดนหลิงฮันเปิดโปงซะก่อน
หลิงฮันจ้องมองไปยังเซียวเมี่ยวเหยียนและกวนหยางโดยเมินเฉยของจักรพรรดิจอมอสูรอย่างสิ้นเชิง การกระทำของเขาทำให้จักรพรรดิจอมอสูรโกรธมาก ข้าเป็นถึงตัวตนสุดแข็งแกร่งที่เคยเหยียบย่ำทวีปฮงเทียนมาแล้ว เพื่อที่จะแยกร่างของเขาออกเป็นเก้าส่วน จอมยุทธนับไม่ถ้วนต้องยอมแม้แต่สละชีวิตของตนเอง แต่ตอนนี้หลิงฮันกลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย!
บัดซบ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาต้องยับยั้งพลังเอาไว้เพื่อทำภารกิจที่สำคัญ เขาคงระเบิดอำนาจของพระเจ้าออกมาเพื่อสังหารหลิงฮันแล้ว
“หอคอยน้อย!”
หลิงฮันกล่าวในใจ ‘ครืนน’ หอคอยทมิฬสั่นไหวและมอบพลังให้กับเขา ภายในพริบตาพลังบ่มเพาะของเขาก็ทะยานสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันเขาก็โคจรอำนาจในจักรภพเสริมไปอีก
“อะไรกัน!”
ทั้งสามคนตกตะลึงและอุทานออกมาพร้อมๆกัน ทำไมแค่พริบตาเดียวกลิ่นอายของหลิงฮันถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้? ทำไมจู่ๆพวกเขาถึงสัมผัสได้ถึงอำนาจที่น่าขนลุกจากตัวหลิงฮัน?
แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติสิบแปดดาวอย่างพวกเขายังขนลุก นี่เกิดอะไรขึ้นกับหลิงฮันกันแน่?
หลิงฮันเค้นเสียงเย็นชาและนำดาบสังหารออกมา มือของเขาสั่นไหวเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นใช้งานอำนาจของดาบสังหารที่ได้ชื่อว่าเป็นดาบอันดับหนึ่งภายใต้สวรรค์ ตอนนี้พลังบ่มเพาะของหลิงฮันกลายเป็นระดับทลายมิติแล้ว ดังนั้นเขาจึงสามารถใช้งานอำนาจของดาบเล่มนี้ได้
“ข้าไม่เชื่อเด็ดขาด!” เซียวเมี่ยวเหยียนคำราม ปีกขนาดใหญ่คู่หนึ่งปราฏขึ้นด้านหลังของนางและกระพือไปมา กลิ่นอายของนางทรงพลังขึ้นอย่างมาก นางนำดาบสีแดงโลหิตออกมาและโจมตีใส่หลิงฮัน
นางโคจรพลังสายเลือดเพื่อรีดเค้นพลังต่อสู้ออกมาถึงขีดสุด
ตูม!
ดาบสองเล่มเข้าปะทะกันก่อให้เกิดคลื่นแสงที่รุนแรง ปราณดาบที่ปะทะกันทะยานขึ้นสูงเสียดฟ้าจนดวงดาวแหลกสลาย ‘ปัง’ ร่างหนึ่งถูกกระแทกกระเด็นออกมาจากคลื่นแสงและชนเข้ากับภูเขาลูกที่ตั้งอยู่ห่างไกล
‘ครืนนน’ ภูเขาลูกนั้นถล่มลงมาทันทีก่อให้เกิดเสียงสนั่นสั่นไหวไปทั่วปฐพี
กวนหยางจ้องมองและเห็นได้ชัดว่าร่างที่กระเด็นออกไปคือเซียวเมี่ยวเหยียน!
นี่มันเป็นไปได้อย่างไร!
เซียวเมี่ยวเหยียนที่ทรงพลังเช่นนั้นไม่สามารถหยุดดาบของหลิงฮันได้?
ร่างของจักรพรรดิจอมอสูรสั่นสะท้าน นี่มันจะน่ากลัวเกินไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงของหลิงฮันเมื่อครู่ทำให้พลังต่อสู้ของเขาทะยานขึ้นสูงถึงระดับทลายมิติยี่สิบดาว! พลังต่อสู้ระดับนี้คือจุดสูงสุดของมวลมนุษย์
ต้องหนี!
จักรพรรดิจอมอสูรล้มเลิกแผนการที่เคยคิดเอาไว้และต้องการจะล่าถอย
หลิงฮันยืนนิ่งและจับดาบไว้แน่น เซียวเมี่ยวเหยียนที่พุ่งเข้าปะทะกับเขาซึ่งๆหน้าเช่นนั้นไม่ใช่ว่าเป็นการแซ่หาความตายรึไงกัน?
ด้วยพรศักดิ์สิทธิ์ของหอคอยทมิฬและอำนาจแห่งจักรภพ พลังต่อสู้ของเขาได้เพิ่มขึ้นเป็นระดับทลายมิติยี่สิบดาว!
ด้วยพลังต่อสู้เช่นนี้แม้เขาจะไม่ใช่ทักษะยุทธใดๆ เขาก็ยังเป็นตัวตนที่ทรงพลังที่สุดในโลก
แล้วถ้าหากเขาใช้ทักษะอย่างสามดาบเร้นลับกับทักษะผนึกพลิกปฐพี พลังต่อสู้ของเขาจะเป็นเท่าใดกัน?
“คิดจะหนี?” หลิงฮันแสยะยิ้มและใช้ดาบโจมตีใส่จักรพรรดิจอมอสูร
‘ตูม’ ร่างของจักรพรรดิจอมอสูรขาดกระจุยทันทีอย่างไม่อาจต่อต้าน
พลังต่อสู้สิบห้าดาว ต่อหน้าหลิงฮันตอนนี้แล้วจะนับเป็นอันใดได้? เพียงแต่ว่าจักรพรรดิจอมอสูรนั้นไม่มีทางตายง่ายๆ ในขณะที่ร่างของเขาขาดกระจุย หมอกสีดำก็ลอยออกมาและหมุนวนรวมกันในจุดจุดเดียว หมอกสีดำไม่ได้เปลี่ยนรูปร่างเป็นอะไรแต่แค่เข้ามารวมกันเฉยๆ
เขาไม่มีร่างกายที่แท้จริง แต่ตัวตนของเขาคือปราณอสูร
หลิงฮันใช้ดาบโจมตีอีกครั้ง ปราณอสูรถูกผ่าออกเป็นสองส่วนแต่ก็กลับมาผสานรวมกันใหม่อย่างรวดเร็วราวกับว่าไม่มีวันตาย
“ฮ่าๆๆ ราชาผู้นี้คือปราณอสูร สิ่งมีชีวิตที่เป็นอมตะ ถ้าเจ้าคิดจะสังหารราชาผู้นี้มันยังเร็วไปล้านปี!” จักรพรรดิตอมอสูรใช้สัมผัสสวรรค์กล่าว ในเมื่อเขาไม่มีร่างกายแล้วเขาก็ไม่สามารถใช้เสียงพูดตามปกติได้
หลิงฮันเค้นเสียง ร่างของเขาพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็วและโคจรแก่นแท้แห่งดาบจู่โจมจักรพรรดิจอมอสูร
“อะไรกัน!” สัมผัสสวรรค์ของจักรพรรดิจอมอสูรส่งเสียงร้องโอดครวญ แก่นแท้แห่งดาบนั้นไม่ใช่แค่สามารถจู่โจมได้แค่วิญญาณ แต่มันยังใช้จัดการสิ่งมีชีวิตจำพวกอสูรได้อย่างมีประสิทธิ์ภาพอีกด้วย
หลิงฮันใช้ช่วงโอกาสสั้นๆนั้นคว้าปราณอสูรของจักรพรรดิจอมอสูรเอาไว้และนำเข้าไปในหอคอยทมิฬ