หลิงฮันไม่รีบที่จะใช้รูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพี กลับกันเขาคิดที่จะใช้อีกฝ่ายเป็นหินลับคมให้กับเขา
แม้ว่าจะรับการโจมตีที่รุนแรงจากอีกฝ่าย เขารู้สึกว่าเม็ดยาที่อยู่ในร่างกายกำลังเปลี่ยนเป็นพลังของเขาอย่างรวดเร็ว และรู้สึกว่ามีพละกำลังเพิ่มขึ้น
ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะแสดงสีหน้ามึนเมา ตอนนี้เลือดและยาของเขาถูกกระตุ้นอย่างสมบูรณ์
เมื่อเซียนหยู่สื่อเหยียนเห็น ช่วยไม่ได้ที่เขาจะแสดงสีหน้าโกรธรเกี้ยว
อีกฝ่ายแสดงสีหน้ามีความสุขแบบนั้นออกมามันหมายความว่ายังไงกัน หรือว่าการโจมตีของเขามันจะเบาเกินไป?
เขารู้สึกตกใจกับกายหยาบและความยืดหยุ่นของหลิงฮัน แต่เขาก็ไม่สนใจ เพราะไม่ว่าหลิงฮันจะมีพรสวรรค์มากแค่ไหนก็ไม่อาจต่อกรกับจอมยุทธระดับทลายมิติได้ นี่คือความจริงที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“กระบวนท่าที่สาม!” เซียนหยู่สื่อหยวนเริ่มปล่อยหมัดที่สาม
หลิงฮันถูกต่อยกระเด็นอีกครั้งและกระอักเลือดออกมาถึงขั้นกระดูกแตกหัก แต่เขาก็ยังคงลุกขึ้นยืน และกระดูกก็กลับมาอยู่ในสภาพเดิมด้วยความเร็วที่น่าทึ่ง
มันเป็นไปได้ยังไง?
“กระบวนท่าที่สี่!”
“กระบวนท่าที่ห้า!”
“กระบวนท่าที่หก!”
เซียนหยู่สื่อเหยียนโจมตีต่อเนื่องไม่หยุด ซึ่งโจมตีออกไปทั้งหมดสามครั้ง และเพิ่มพลังโจมตีเข้าไปในแต่ละหมัด ซึ่งทำให้หลิงฮันได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง
ครั้งนี้ หลิงฮันนั่งแช่อยู่กับพื้นอยู่สักพักก่อนที่จะลุกขึ้นยืน เขาเห็นหน้าอกปรากฏรอยยุบขนาดใหญ่สามหลุม มันน่าตกใจมากที่เห็นเช่นนั้น แต่หลังจากนั้นไม่นานหลุมพวกนั้นก็กลับมาเป็นปกติ
แสงสีทองที่เปล่งประกายออกมาจากร่างกายของเขาเป็นเหมือนกับเทพเจ้าจุติบนโลก
ปัง เสียงบางอย่างดังอยู่ในร่างกายและทันใดนั้นกลิ่นอายก็ทะยานขึ้นฟ้าราว
“ทะลวงผ่าน!”
จอมยุทธระดับทลายมิติเปล่งเสียงอุทานออกมา พวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่เห็น
เขากำลังทะลวงผ่านขณะถูกทุบตีเนี่ยนะ? และนี่ไม่ได้เป็นการทุบตีเท่านั้น แต่ยังได้รับบาดเจ็บถึงขั้นกระดูกแตกหัก ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว การจะทะลวงผ่านเป็นอะไรที่ไม่น่าเชื่อ
แต่ความจริงได้ประจักษ์ต่อหน้าพวกเขาทุกคน เผ่ามนุษย์นี่ก้าวเข้าสู่ขั้นหกแล้วจากระดับก้าวสู่เทวาขั้นห้า
ช่วยไม่ได้ที่หลิงฮันจะรู้สึกหดหู่ เขาก้าวหน้าเร็วเกินไป เขาต้องการใช้อีกฝ่ายเป็นหินลับคมตัวเอง แต่ไม่คิดเลยว่าหลังจากที่รับการโจมตีหกกระบวนท่า มันจะทำให้ฤทธิ์ของเม็ดยาที่สะสมอยู่ในร่างกายของเขาแสดงผลและทำให้ทะลวงผ่าน
เมื่อทุกคนเห็นสีหน้าโศกเศร้าของหลิงฮัน พวกเขาแทบจะบ้าคลั่ง!
เจ้าทะลวงผ่านขั้นถัดไปภายใต้สถานการณ์ที่ถูกจอมยุทธระดับทลายมิติทุบตี แต่เจ้ายังรู้สึกไม่พอใจ?
คิ้วของเซียนหยู่สื่อเหยียนขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เขาตั้งใจที่จะใช้เก้ากระบวนท่าแรกทุบตีหลิงฮัน และใช้กระบวนท่าสุท้ายเผด็จศึก แต่หกหมัดแรกของเขาไม่เพียงแต่อีกฝ่ายจะไม่ตาย แต่ยังทำให้ทะลวงผ่านขั้นถัดไป นี่ทำให้เขารู้สึกหดหู่มาก
เขายกกำปั้นขึ้นมาเพื่อเตรียมโจมตีออกไปเป็นครั้งที่เจ็ด ครั้งนี้เขาเริ่มเอาจริงขึ้นมาเล็กน้อย และโคจรพลังปราณไปไว้ที่หมัด
ก่อนหน้านี้เขาแฝงเจตจำนงแห่งเต๋าเข้าไปในการโจมตีเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับตอนนี้มันมากกว่ามาก
จอมยุทธระดับทลายมิติที่หมัดของพวกเขาสามารถบดขยี้ดวงดาวได้ พวกเขาเป็นตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวขนาดไหน?
หัวใจของหลิงฮันสั่นไหวเล็กน้อยและรู้สึกกดดันเป็นอย่างมาก จอมยุทธระดับทลายมิติเริ่มที่จะเอาจริงแล้ว แม้ว่าจะไม่ใช่พลังทั้งหมด แต่ก็ยังคงทำให้เขารู้สึกหนาวเย็นราวกับตกอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง
หรือจะถึงเวลาที่เขาจะใช้รูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีแล้ว?
หลิงฮันลังเลอยู่สักพักและเลือกที่จะรับการโจมตีด้วยตัวเอง
การโจมตีครั้งนี้ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะฆ่าเขา เขาสามารถต้านทานมันได้และกระตุ้นฤทธิ์ของเม็ดยาภายในร่างกายและใช้จอมยุทธระดับทลายมิติเพื่อกระตุ้นมัน
เซียนหยู่สื่อหยวนโจมตีออกไป ครั้งนี้เขาได้แสดงให้เห็นพลังที่แท้จริงของจอมยุทธระดับทลายมิติ ในหมัดของเขา ท้องฟ้าและปฐพีต่างสูญเสียสีสันของพวกมันไปราวกับมีเพียงแค่หมัดของเขาเท่านั้น
ตู้ม หลิงฮันถูกโจมตีกระเด็นไปด้านหลัง กระดูกของเขาอย่างน้อยครึ่งหนึ่งแตกหัก ผิวหน้ามากกว่าเก้าในสิบส่วนถูกทำลาย ร่างกายของเขาถูกท่วมไปด้วยเลือดและสติของเขาเริ่มเลือนลาง
ทรงพลัง ทรงพลังเกินไปแล้ว นี่แหละคือจอมยุทธระดับทลายมิติ
หลิงฮันเคยสัมผัสกับพลังต่อสู้ดังกล่าวมาก่อน แม้ว่าเขาจะเคยปะมือกับศพที่ยิ่งใหญ่มาก่อน แต่นั่นเป็นเพราะดาบสังหารที่ต่อต้านความแข็งแกร่งของจอมยุทธระดับทลายมิติ ซึ่งไม่ใช่เขาจนกว่าเขาจะประสบด้วยตัวเอง
นิ้วทั้งสิบของเขาขยับไปมาอย่างนุ่มนวลและรัศมีดาบส่องแสงออกมา ภายใต้การโจมตีที่ทำให้เขาไ่ด้รับบาดเจ็บสาหัส มันทำให้เขาเริ่มเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบ
แก่นแท้แห่งดาบนี่คือสิ่งที่เขาแสวงหา
ในโลกนี้เขาฝึกฝนบ่มเพาะพลังมานานกว่าห้าปีเท่านั้น เมื่อเทียบกับฉือชิ่วเหรินและราชันดาบน้อย พวกเขาเกือบจะอยู่ในระดับเดียวกันในเรื่องความเข้าใจของดาบและกระบี่ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังมีปรมาจารย์ดาบและกระบี่คอยสั่งสอน จุดเริ่มต้นของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง
ในขณะที่หลิงฮันต้องพึ่งพาตัวเองเท่านั้น
ในสภาพที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หลิงฮันเริ่มเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบแล้ว
เขาส่งเจตจำนงแห่งดาบและเจตจำนงแห่งเต๋าในร่างกายและเสริมสร้างความเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบ
ถ้าเขาสามารถเข้าใจแก่นแท้แห่งดาบได้ มันจะเป็นความก้าวหน้าที่ครั้งยิ่งใหญ่ในความเข้าใจเจตจำนงแห่งเต๋าและเขาสามารถต่อสู้กับเจตจำนงแห่งเต๋าของจอมยุทธระดับทลายมิติได้ นั่นเป็นเพราะแก่นแท้แห่งดาบมีเพียงแค่จอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้นที่สามารถทำความเข้าใจได้
เมื่อเห็นฉากที่เกิดขึ้น เกือบทุกคนรู้สึกตกตะลึงและประหลาดใจ
เผ่ามนุษย์นี่รู้แจ้งพลังของจอมยุทธระดับทลายมิติ!
นี่เป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเกินไป จุดสำคัญคือเผ่ามนุษย์คนนี้มีความก้าวหน้าอย่างมาก รัศมีดาบกำลังกะพริบ แต่รัศมีดาบที่เปล่งออกมาเริ่มหน้าหวาดกลัวขึ้นเรื่อยๆ
เซียนหยู่สื่อเหยียนเองก็รู้สึกตกตะลึงเล็กน้อย เผ่ามนุษย์นี่ชักจะท้าทายสวรรค์เกินไปแล้ว
ไม่ ไม่สามารถปล่อยให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไปอีกเด็ดขาด ถ้าให้เวลาเขาอีกสองสามปี มันอาจจะเป็นภัยคุกคามต่อตระกูลเซียนหยู่!
เขาจะไม่ออมมืออีกต่อไป เขายื่นมือขวาออกไป แต่ไม่ได้กำเป็นหมัด แต่เป็นกรงเล็บมังกรสีทองแทน เขาต้องการที่จะสังหารหลิงฮันให้ได้ในกระบวนท่านี้ เพื่อตัดไฟตั้งแต่ต้นลม
ทันใดนั้น เซียนหยู่สื่อเหยียนก็กระโจมออกไปพร้อมกับกรงเล็บมังกรที่หมายจะเอาชีวิตของหลิงฮัน
ตอนนี้ เผ่ามนุษย์คนนี้จะต้องถึงฆาตอย่างแน่นอนและเป็นไปไม่ได้เลยที่จะรับการโจมตีนี้ได้