หลิงฮันสังหารเซียนหยู่เฉิงและเซียนหยู่ตงหมิงต่อหน้าสาธารณะชน สำหรับตระกูลเซียนหยู่แล้วนับว่าเป็นเหตุการณ์ที่น่าอับอายอย่างมาก ทุกคนในตระกูลต่างเกลียดหลิงฮันราวกับศัตรูคู่ชีวิต
และตอนนี้ศัตรูที่ว่าก็ได้ปรากฏตัวออกมาแล้ว โอวปู้ลั่วจึงมีท่าทีเช่นนี้
กลุ่มของพวกเขาลอยจากฟากฟ้าลงสู่เกาะ เกาะแห่งนี้เป็นอาณาเขตของทั้งตระกูลเซียนหยู่และขุมอำนาจภายใต้อาณัติ กองกำลังของพวกเขาในเกาะนี้จึงน่าตกตะลึงกลัวอย่างยิ่ง
แต่ที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือแม้จะอยู่ต่อหน้าตัวตนระดับทลายมิติที่จอมยุทธทั่วไปไม่อาจทำได้แม้แต่หายใจ หลิงฮันกลับสามารถเดินได้อย่างเฉยเมย
ภายใต้การนำทางของโอวปู้ลั่ว ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงตำหนักของตระกูลเซียนหยู่
“เหล่าอาวุโสแห่งตระกูลเฮ่อเหลียน!” ผู้นำของตระกูลเซียนหยู่กล่าวทักทาย เขาเป็นชายที่มีร่างผอมบางแต่บนหัวไม่ได้มีเขาขนาดเล็กเหมือนกับเฮ่อเหลียนหลง กลับกันที่บริเวณแขนของเขาได้ถูกปกคลุมไปด้วยเกล็ด มือของเขาก็แตกต่างกับคนปกติทั่วไปตรงที่มือเขามีรูปร่างเหมือนกรงเล็บมังกร
ตระกูลใหญ่ของเผ่ามหาสมุทรต่างมีสายเลือดของมังกรที่แท้จริง สิ่งที่แตกต่างก็คือความบริสุทธิของสายเลือด แต่โดยส่วนใหญ่ไม่ว่าตระกูลไหนก็มักจะมีเขาเป็นรูปลักษณ์ของสายเลือด การที่จะมีกรงเล็บงอกออกมาแบบชายผู้นี้นันหาได้ยากมาก
เหตุผลที่เซียนหยู่ตงได้เป็นผู้นำตระกูลเซียนหยู่ก็เพราะกรงเล็บมังกรของเขา ด้วยสายเลือดที่บริสุทธิ์ของเขาทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในสามปรมาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่แห่งมหาสมุทรทางเหนือเหมือนกับเฮ่อเหลียนหลง
“ผู้นำเซียนหยู่!” เฮ่อเหลียนหลงทักทายกลับ
“เป็นเผ่ามนุษย์ผู้นั้นสินะที่สังหารบุตรของข้า?” เซียนหยู่ตงมองไปยังหลิงฮัน สายตาของเขาไม่มีความเป็นมิตรแม้แต่น้อย
“ผู้นำเซียนหยู่ ไม่ใช่ว่าเหตุผลที่พวกเรามาที่นี่คือเรื่องอื่นหรอกรึ?” เฮ่อเหลียนหลงกล่าวอย่างเย็นชา
เซียนหยู่ตงกระซิบ “หวังว่าเรื่องที่เจ้าบอกจะไม่ใช่ความเท็จ ไม่เช่นนั้นข้าจะสังหารเจ้าหนูที่สังหารบุตรชายข้าในทันที!”
“เรื่องใหญ่เช่นนั้นเจ้าคิดว่าข้าจะล้อเล่น?” เฮ่อเหลียนหลงหัวเราะ
“งั้นก็เชิญทางนี้!” เซียนหยู่ตงทำท่าทางต้อนรับ แต่น้ำเสียงของเขายังคงเต็มไปด้วยความเย็นชา
ทุกคนเดินเข้าไปในห้องโถง เนื่องจากภัยพิบัติแห่งการชำระล้างเป็นปัญหาใหญ่เกินไป จอมยุทธที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมสนทนาครั้งนี้จึงมีเพียงจอมยุทธระดับทลายมิติเท่านั้น นอกจากนั้นห้องโถงนี้ก็ยังติดตั้งค่ายอาคมป้องกันเอาไว้ด้วย
หลิงฮันกล่าวเกี่ยวกับแผนการของนิกายโบราณทั้งห้าอีกครั้งและตอบข้อสงสัยของตระกูลเซียนหยู่ ซึ่งปฏิกิริยาตอบโต้ของพวกเขาไม่ได้ต่างไปกับของตระกูลเฮ่อเหลียนก่อนหน้านี้แม้แต่นิดเดียว
ภัยพิบัตินี้เป็นเหตุการณ์ที่แม้แต่จอมยุทธระดับทลายมิติก็ไม่อาจสงบจิตใจไหว
พวกเขาทุกคนเชื่อคำพูดของหลิงฮันทุกคน
นั่นเพราะสิ่งที่หลิงฮันกล่าวสามารถใช้อธิบายประวัติศาสตร์ที่บิดเบี้ยวได้ทันที แล้วยังสามารถอธิบายได้อีกว่าทำไมพวกเขาถึงสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามเมื่อพวกเขาคิดจะบดขยี้มิติเพื่อก้าวผ่านไปดินแดนศักดิ์สิทธิ์
เซียนหยู่ตงเรียกความสนใจโดยการทุบโต๊ะและกล่าว “ผู้นำเฮ่อเหลียน การก่อตั้งพันธมิตรครั้งนี้ข้ามีเงื่อนไขเล็กน้อย”
“เงื่อนไขอันใด?” เฮ่อเหลียนหลงกล่าว
“ข้าต้องการหัวของเผ่ามนุษย์ผู้นั้น!” เซียนหยู่ตงชี้ไปยังหลิงฮัน
“ไม่!” เฮ่อเหลียนหลงปฏิเสธอย่างเด็ดขาด ไม่ใช่แค่ตัวของหลิงฮันเองที่มีศักยภาพอันล้ำเลิศ แต่เขายังหวังให้หลิงฮันกับเฮ๋อเหลียนสวินเสวี่ยนให้กำเนิดทายาทของตระกูลอีกด้วย ยิ่งทายาทมีสายเลือดบริสุทธิ์ ทายาทผู้นั้นก็จะนำพาตระกูลเฮ่อเหลียนไปได้สูงยิ่งขึ้นและจะเหนือกว่าตระกูลอื่นๆ
“ก็แค่เผ่ามนุษย์คนหนึ่ง!” เซียนหยู่ตงกล่าวอย่างเย็นชา “ผู้นำเฮ่อเหลียน เจ้าจงไตร่ตรองเรื่องนี้ให้ดี เจ้าคิดจะทำลายพันธมิตรระหว่างเราเพียงเพื่อเผ่ามนุษย์งั้นรึ?”
“โอ้ ดูเหมือนว่าถ้าเจ้าไม่ได้ลงมือทำข้าเลยเจ้าจะไม่พอใจสินะ?” หลิงฮันพูดแทรก
เฮ่อเหลียนหลงยิ้มและกล่าว “เอาเช่นนี้เป็นอย่างไร ตระกูลเซียนหยู่ของเจ้าจะส่งปรมาจารย์ออกมาประลองกับเผ่ามนุษย์ผู้นี้ด้วยจำนวนกระบวนท่าที่กำหนดเอาไว้โดยที่ข้าจะไม่เข้าไปแทรกแซง แต่เมื่อการแลกเปลี่ยนกระบวนท่าผ่านไป ความบาดหมางของแต่ละฝ่ายจะต้องไม่มีอีกต่อไป!”
“ท่านพ่อ…” เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนรีบกล่าวแย้ง
แต่ก่อนที่นางจะพูดเสร็จเฮ่อเหลียนหลงก็โบกมือส่งสัญญาณให้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนหยุดพูด
เซียนหยู่ประหลาดใจ เผ่ามนุษย์ผู้นี้ดูอย่างไรก็มีพลังบ่มเพาะระดับก้าวสู่เทวาขั้นห้าเท่านั้น แม้เขาจะมีพลังต่อสู้ที่ทัดเทียมกับจอมยุทธระดับสวรรค์แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าตัวตนระดับทลายมิติ แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ที่แท้จริงก็ยังถูกบดขยี้ได้ง่ายดาย นี่เฮ่อเหลียนหลงคิดอะไรอยู่กันแน่?
หรือนี่จะเป็นแผนของเฮ่อเหลียนหลงที่จงใจมอบเผ่ามนุษย์ผู้นี้ให้พวกเขากำจัดเพื่อก่อตั้งพันธมิตรระหว่างตระกูล?
เซียนหยู่ตงยังรู้สึกไม่พอใจ แม้จะสังหารหลิงฮันที่เป็นศัตรูคู่อาฆาตได้ แต่ตระกูลเซียนหยู่จะกู้หน้าเรื่องที่เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนหลบหนีงานแต่งกับตระกูลเขาได้รึไม่?
แน่นอนว่าไม่มีทาง
“ตกลง งั้นก็ประลองด้วยสิบกระบวนท่า!” เซียนหยู่ตงพยักหน้า ไม่ว่ายังไงก็ต้องสังหารเผ่ามนุษย์ผู้นี้ก่อนเป็นอันดับแรก ส่วนเรื่องที่ตระกูลเซียนหยู่เสียหน้านั้นเขาค่อยเจรจากับเฮ่อเหลียนหลงทีหลัง
หากตัวตนระดับทลายมิติเป็นคนลงมือ แค่กระบวนท่าเดียวก็ตัดสินแล้ว แต่ทำไมเขาถึงกล่าวออกไปว่าสิบกระบวนท่าน่ะรึ? แน่นอนนั่นก็เพราะเขาจะทำให้หลิงฮันทรมานในเก้ากระบวนท่าแรกและลงมือสังหารในกระบวนท่าสุดท้าย
เขาส่งคนไปกระจายข่าวทั่วเกาะเพื่อให้ไปรวมตัวกันที่สังเวียนโลหิตเหล็กทันที เผ่ามนุษย์ผู้นี้กล้าสังหารคนของตระกูลเซียนหยู่ ถ้าหลิงฮันไม่ถูกสังหารท่ามกลางผู้คนแล้วความโกรธแค้นของเขาจะหายไปได้อย่างไร?
สังเวียนโลหิตเหล็กนั้นใช้สำหรับประลองต่อสู้ ไม่ใช่แค่วัสดุที่ใช้สร้างจะแข็งแกร่งแต่มันยังถูกติดค่ายอาคมป้องกันที่สามารถทนทานต่อการโจมตีของจอมยุทธระดับทลายมิติห้าดาวเอาไว้อีกด้วย
หลิงฮัน เซียนหยู่ตง เฮ่อเหลียนหลงและคนอื่นๆมุ่งหน้าไปยังสังเวียนโลหิตเหล็ก
เฮ่อเหลียนหลงรู้ดีว่าตนเองกำลังทำอะไร เขารู้ว่าเซียนหยู่ตงไม่มีทางลงมือด้วยตนเองแน่นอน และนอกจากเซียนหยู่ตงแล้วจะมีสักกี่คนเชียวที่สามารถคุกคามหลิงฮันได้? ไม่มีใครคาดคิดเอาไว้แน่นอนว่าหลิงฮันจะเป็นสุดยอดปรมาจารย์ด้านรูปแบบอาคม
เซียนหยู่ตงพยักหน้าให้กับคนคนหนึ่งและกล่าว “สื่อเหยียน เจ้าเป็นคนไปประลองและจงลงมือสังหารมนุษย์ผู้นั้นในกระบวนท่าที่สิบ!”
ชายคนนั้นพยักหน้าและกล่าว “เข้าใจแล้ว!”
คนคนนี้คือซียนหยู่สื่อเหยียน เขาเป็นน้องชายของเซียนหยู่ตงและเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติขั้นห้า พลังต่อสู้ของเขาคือห้าดาว
“พร้อมรึยัง?” เซียนหยู่ตงแสยะยิ้มไปยังหลิงฮัน
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “สิ่งที่ข้าต้องทำคือรับการโจมตีสิบกระบวนท่าเท่านั้น?”
เหอะ… แค่สิบกระบวนท่างั้นรึ? เจ้าคิดว่าแม้แต่กระบวนท่าเดียวเจ้าจะต้านทานไหวรึไง?
ผู้คนรอบด้านแสยะยิ้ม เจ้าจะปากเก่งได้ก็แค่ตอนนี้เท่านั้น หลังจากนี้ล่ะเจ้าจะครวญครางร้องหาความเมตตา