ยิ่งไปกว่านั้นไม่มีใครในตระกูลเฮ่อเหลียนที่รู้ว่าทำไมหยูสื่อเหอชอบตามล่าเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนอยู่ตลอดเวลา เพราะเขาอยากจะแต่งงานกับเฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยน
แต่ตอนนี้เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนนั้นได้ให้กำเนิดบุตรชายกับเผ่ามนุษย์ เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางเป็นไปได้ที่นางจะแต่งงานกับตระกูลเซียนหยู่ได้อีกครั้ง – ยิ่งไปกว่านั้นเซียนหยู่ตงหมิงก็ได้ตายไปแล้ว เขาเลยมีโอกาสที่จะได้แต่งงานกับนาง
ถ้าเขาฆ่าหลิงฮัน ความเกลียดชังของเขาจะหายไปหรือไม่?
แต่ใครจะเดาความคิดของหยูสื่อเหอได้? ดังนั้นทุกคนเลยเห็นพ้องกัน พวกเขาเพียงแค่อยากสั่งสอนหลิงฮันเท่านั้น แต่ไม่ถึงขั้นเอาชีวิต
“ปล่อยไป” เฮ่อเหลียนหลงโบกมือ ถ้าหลิงฮันพ่ายแพ้ เขาจะอยากรับอีกฝ่ายเป็นบุตรเขยหรือไม่? แล้วมันจะเป็นเรื่องน่าอายขนาดไหน?
หยูสื่อเหอรู้สึกมีความสุขขึ้นมาทันที ถ้าราชากล่าวเช่นนั้นเท่ากับว่าเขาไม่ยอมรับอีกฝ่ายเป็นลูกเขยมิใช่หรือ? เขาก้าวออกไปและพูดว่า “เผ่ามนุษย์ เพื่อไม่เป็นการกลั่นแกล้งเจ้า ข้าจะใช้แค่มือข้างเดียวเท่านั้นเพื่อสั่งสอนเจ้า”
เฮ่อเหลียนสวินเสวี่ยนและฮูหนิวต่างยิ้มกริมที่อีกฝ่ายไม่รู้ถึงความแข็งแกร่งของหลิงฮัน อย่าว่าแต่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาเลย แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์เขาก็สามารถจัดการได้ในพริบตา ถ้าเป็นจอมยุทธระดับทลายมิติ ไม่ใช่ว่าเขามีรูปแบบอาคมมังกรน้ำแข็งทลายปฐพีอยู่หรอกหรือ?
หลิงฮันยิ้มเล็กน้อยและเดินออกไปสองก้าว เขาพูดว่า “เจ้าจะสั่งสอนข้าด้วยมือข้างเดียว?”
“ใช่แล้ว ข้าหยูสือเหอพูดคำไหนคำนั้น” หยูสื่อเหอพูดด้วยความมั่นใจ
“ถ้างั้นข้าคงต้องแสดงความขอบคุณเจ้าก่อน” หลิงฮัน “และเพื่อเป็นการแสดงความเคารพต่อเจ้า ข้าจะทำให้ดีที่สุด”
หยูสื่อเหอแสยะยิ้ม เผ่ามนุษย์นี่ช่างใสซื่อยิ่งนัก ข้าจะแย่งภรรยาของเจ้า แต่เจ้ายังให้ความเคารพข้า! เขาตบหน้าอกตัวเองและพูดว่า “เชิญเจ้าแสดงพลังทั้งหมดออกมาได้เลย!”
“ก็ได้!” หลิงฮันนำดาบสังหารออกมา แล้วยกมันขึ้นที่หน้าอก
“หืม?” จอมยุทธระดับทลายมิติทุกคนเกิดความรู้สึกตึงเครียด แม้ว่าพวกเขาพยายามจะไม่แสดงสีหน้าออกมา แต่ก็ยังมีคนอื่นที่ปกปิดสีหน้าไม่มิด ดาบนั่นมันอะไรกัน?
ในเวลาเดียวกัน ผู้คนจำนวนมากเริ่มหวาดกลัว ใบหน้าของพวกเขากลายเป็นซีดขาว แม้แต่จอมยุทธระดับสวรรค์ยังแทบจะนั่งตกเก้าอี้
ส่วนหยูสื่อเหอเผลอเดินถอยหลังไปเจ็ดก้าว โชคดีที่หยูเจี่ยนเชินยืนอยู่ด้านหลังและจับเขาไว้ มิฉะนั้นเขาคงนั่งลงไปกองกับพื้นไปแล้ว
“เผ่ามนุษย์ ดาบเล่มนี้…มีชื่อหรือไม่?” จอมยุทธระดับทลายมิติคนหนึ่งถาม เขาสัมผัสได้ถึงภัยคุกคามอันยิ่งใหญ่จากมัน ราวกับว่าถ้าอาคมบนดาบถูกเปิดใช้งาน มันสามารถฆ่าเขาได้อย่างง่ายดาย
แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่ใช่อาวุธวิญญาณ!
“ดาบสังหาร!” หลิงฮันลูบคมดาบและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “เจ้าของเดิมตั้งชื่อของมันว่าดาบอันดับหนึ่งภายใต้สรวงสวรรค์ แต่ข้ารู้สึกมันถูกสร้างขึ้นมาเพื่อปลิดชีพ ดังนั้นข้าจึงตั้งชื่อมันใหม่ว่าดาบสังหาร”
“ดาบอันดับหนึ่งภายใต้สรวงสวรรค์!” จอมยุทธระดับมิติหลายคนส่งเสียงพึมพัม และคิดที่จะนำสมบัติทุกอย่างมาแลกกับดาบสังหาร ซึ่งเพียงพอที่จะยกระดับพลังต่อสู้ของพวกเขาสิบดาว!
สีหน้าของหยูเจี่ยนเชินเองก็เคร่งขรึมเช่นกัน เขาพูดว่า “สื่อเหอ อย่าประมาท ดาบเล่นนั้นไม่ธรรมดา!”
หยูสื่อเหอไม่ได้ใส่ใจ ประสิทธิภาพของอาวุธขึ้นอยู่กับผู้ใช้ แล้วอีกฝ่ายที่เป็นแค่จอมยุทธระดับก้าวสู่เทวาจะแสดงพลังของมันออกมาได้อย่างเต็มประสิทธิภาพได้อย่างไร? อย่างมาก ก็เป็นแค่ดาบคมๆ แล้วเขาจะต้องกลัวอะไร?
แต่เขาไม่กล้าไม่เชื่อฟังคำสั่งของหยูเจี่ยนเชิน และตอบกลับอย่างรวดเร็วว่า “ลุงสาม ข้าเข้าใจแล้ว”
เขาก้าวเท้าเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าวและพูดว่า “เผ่ามนุษย์ นี่คือไพ่ตายของเจ้าอย่างนั้นรึ?”
หลิงฮันพยักหน้าและพูดว่า “ใช่แล้ว นี่คือทั้งหมดที่ข้ามี”
จอมยุทธระดับทลายมิติทุกคนต่างประหลาดใจ เขาครอบครองดาบที่ไม่มีใครเหมือน แล้วพูดว่านี่คือทั้งหมดที่เขามี ถ้างั้นอาวุธที่พวกเขามีนับว่าเป็นอะไร? ต้องรู้ก่อนว่าแร่เหล็กระดับสิบนั้นหาได้ยากมาก ไม่ใช่ว่าจอมยุทธระดับทลายมิติคนจะมีอาวุธวิญญาณระดับสิบ
ดังนั้น จอมยุทธระดับทลายมิติหลายคนจึงใช้ส่วนหนึ่งของร่างกายเพื่อสร้างอาวุธวิญญาณ แน่นอนว่ามีบางคนใช้กระดูกของตัวเองสร้างอาวุธวิญญาณเช่นกันเพราะมันมีประสิทธิภาพมากกว่า
เหมือนกับศพที่สอง ร่างกายของเขาแข็งแกร่งมาก และถึงแม้จะไม่มีแร่เหล็กระดับสิบ แต่เขาก็ยังใช้กระดูกขาตัวเองเป็นอาวุธวิญญาณ
“เข้ามา!” หยูสื่อเหอเต็มไปด้วยความมั่นใจ นั่นเป็นเพราะเขาไม่รู้จักความน่าสะพรึงกลัวของดาบสังหาร
นอกจากนี้ระดับพลังของเขาในปัจจุบันสูงกว่าอีกฝ่ายยิ่งเป็นเผ่ามนุษย์ด้วยแล้วทำไมเขาต้องกลัวด้วย
หลิงฮันยกดาบขึ้นมาและปลดปล่อยพลังของมันออกมา
เมื่อเจตจำนงแห่งดาบถูกปลดปล่อยออกมา หยูสื่อเหอขมวดคิ้วทันที และรู้สึกได้แค่ความหนาวเย็นทั้งยังหายใจได้ยากลำบาก หัวของเขาเริ่มว่างเปล่า มือของเขาเริ่มกำหมัดแน่นและมีเหงื่อไหลออกมา
จอมยุทธระดับทลายมิติเองก็ตกตะลึงเช่นกัน แม้พวกเขาจะยังไม่เห็นพลังของมัน แต่พวกเขาไม่อาจตัดสินใจด้วยตาเปล่าได้ พลังทำลายล้างของดาบเล่มนี้อย่างน้อยจะต้องเป็นระดับสวรรค์เก้าดาว!
แน่นอนว่าหยูสื่อหยุนเป็นอัจฉริยะ แม้ว่าเขาจะมีพลังต่อสู้ระดับสวรรค์ทั้งที่เป็นจอมยุทธระดับก้าวสู่เทวา แต่พลังต่อสู้หนึ่งดาว มันแตกต่างกันมากเหมือนกับสวรรค์และปฐพี
“พอแค่นั้นแหละ!” หยูเจี่ยนเชินรีบเดินออกมา ถ้าหลิงฮันโจมตีด้วยดาบเล่มนี้หยูสื่อเหอจะต้องถูกสังหารอย่างแน่นอน
หลิงฮันทำเป็นไม่พอใจและพูดว่า “ไม่ใช่ว่าเขาจะสั่งสอนข้าด้วยมือข้างเดียวหรอกหรือ? หรือว่าพวกเจ้าคิดจะรุมข้า?”
ใบหน้าของหยูเจี่ยนเชินกลายเป็นบิดเบี้ยว อีกฝ่ายตั้งใจให้เกิดเรื่องนี้ขึ้น! อีกฝ่ายได้ไตร่ตรองไว้แล้วและรู้ความน่าสะพรึงกลัวดาบของตัวเองดี เขาถูกหลอกโดยหมูที่กินเนื้อเสือและทำให้เขาดูกลายเป็นลาที่โง่เขลา
เขาส่งเสียงกระแอ่มและพูดว่า “หยูสื่อเหอไม่ใช่คู่มือของเจ้าหรอก ข้ายอมรับความพ่ายแพ้!”
หลิงฮันส่ายหัว “ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเจ้าไม่เจียมตัวเอาเสียเลยถึงปล่อยให้เขามาสู้กับข้า!”
หยูเจี่ยนเชินเกือบจะกระโจนเข้าใส่หลิงฮันแต่ไม่ทำเช่นนั้น เขาส่งเสียงกระแอ่มอีกครั้งและพูดว่า “เผ่ามนุษย์ เจ้าอย่าเลยเถิดจนเกินไป!”
“เลยเถิด?” หลิงฮันยิ้ม “ตั้งแต่แรกข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อสู้ แต่เป็นฝั่งเจ้าเองมิใช่หรือ? ใครกันแน่ที่เลยเถิด?”
เหล่าจอมยุทธระดับทลายมิติแสดงสีหน้าตกตะลึง นี่พวกเขาลืมประเด็นสำคัญไปได้ยังไงกัน