“ฮึ่ม!” กลิ่นอายอันทรงพลังระเบิดออกพร้อมกับร่างเงาหนึ่งที่บินใกล้เข้ามา ความเร็วของเงานั่นน่าอัศจรรย์เป็นอย่างยิ่ง แม้แต่อำนาจของกระบี่ไร้เทียมทานกับดาบสังหารก็ไม่สามารถทำอะไรเขาได้
เงาที่ใกล้เข้ามาคือชายร่างสูงที่ร่างกายส่วนบนเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ ร่างของเขาลอยอยู่กลางอากาศราวกับขุนเขาที่ทุกคนทำได้เพียงแหงนมอง
“อาวุโสกูหลิน!” ฉือชิ่วเหรินรีบคารวะทันที
ชายผู้นี้คือตัวตนระดับทลายมิติแน่นอน ไม่ใช่นั่นหากเขาเป็นเพียงจอมยุทธระดับสวรรค์เขาคงไม่อาจต่อต้านอำนาจของกระบี่ไร้เทียมทานและดาบสังหารได้
“ทักษะศักดิ์สิทธิ์ ผนึกพลิกปฐพีอยู่กับรุ่นเยาว์ผู้นี้?” กูหลินเอ่ยถาม เขาคือผู้อาวุโสของนิกายมังกรปฐพี แน่นอนว่าด้วยการที่เขาฝึกฝนทักษะกายาจนเชี่ยวชาญ แม้เขาจะไม่โคจรปราณก่อเกิดห่อหุ้มร่าง คลื่นทำลายจากกระบี่และใบดาบก็ไม่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บได้
“ขอตอบคำถามผู้อาวุโส เป็นเช่นนั้น!” ฉือชิ่วเหรินกล่าวตอบอย่างนอบน้อม
กูหลินพยักหน้าและเอื้อมฝ่ามือออกไปคว้าร่างของหลิงฮันทันที
ในฐานะตัวตนระดับทลายมิติ เขาไม่จำเป็นต้องทำตามกฎใดๆของโลกนี้ทั้งสิ้น
กับรุ่นเยาว์ที่มีพลังบ่มเพาะเพียงตัวอ่อนวิญญาณ เขาจะต้องมัวไปเสียเวลาเสวนากับอีกฝ่ายรึไง? ไม่ใช่ว่าการชิงเอามาเลยมันจะไวกว่ารึ?
หลิงฮันคิดจะหลบเข้าไปในหอคอยทมิฬ เป็นไปไม่ได้แน่นอนที่เขาในตอนนี้จะสามารถต่อกรกับตัวตนระดับทลายมิติ นอกเสียจากว่าดาบกำเนิดมารจะฟื้นฟูจิตวิญญาณของมันกลับมา แต่ถึงอย่างนั้นดาบกำเนิดมารก็ไม่มีการตอบสนองต่อหลิงฮันแม้แต่น้อย
“ผู้อาวุโสเช่นเจ้า กลับลงมือกับรุ่นเยาว์งั้นรึ?” เสียงอันเหยียดหยามดังขึ้น จากนั้นมือขนาดใหญ่ก็กดลงมาทับฝ่ามือจองกูหลิน
ฝ่ามือทั้งสองปลดปล่อยปราณก่อเกิดอันทรงพลังออกมาปะทะกันราวกับขุนเขาสองลูก อำนาจของสองฝ่ามือนั้นน่าสะพรึงกลัวจนเกือบจะทำให้ท้องฟ้าและดวงอาทิตย์ดับสลาย
ทันใดนั้นชายที่ร่างปกคลุมไปด้วยเปลวเพลิงก็ปรากฏตัว เขามีร่างที่ผอมบางและผมที่ยาวถึงบ่า เส้นผมแต่ละเส้นของเขาพันไปด้วยเปลวไฟ ดอกบัวเพลิงที่เบ่งบานอยู่ใต้เท้าของเขานั้นมันทำใครเขาดูราวกับเป็นจ้าวแห่งเพลิง
“ราชันเพลิงไพศาล!” กูหลินคำรามออกมา แววตาของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร “เจ้ากล้าขัดขวางข้า?”
“หากราชันผู้นี้จะทำอะไร ทำไมต้องเกรงใจเจ้า?” ราชันเพลิงไพศาลกล่าวอย่างไม่แยแส
“เหอะ ถ้าไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่ก็ใส่หัวไปซะ!” กูหลินเค้นเสียงดูถูก
ราชันเพลิงไพศาลพาดมือไว้ด้านหลังและกล่าว “เจ้าไม่รู้รึไงว่าสถานที่แห่งนี้คือซากปรักหักของจักรวรรดิโบราณเมื่อหลายหมื่นปีก่อน? ทักษะศักดิ์สิทธิ์ผนึกพลิกปฐพีคือทักษะที่ราชันที่เจ็ดครอบครอง! ในเมื่อราชันผู้นี้มาอยู่ที่นี่แล้ว จะให้ข้ายอมปล่อยให้ทักษะศักดิ์สิทธิ์ตกไปอยู่ในมือของเจ้าโดยไม่ทำอะไร?”
กูหลินชะงัก ไม่แปลกใจเลยที่ทำไมจักรวรรดิโบราณถึงแข็งแกร่งขนาดนี้ ในอดีตพวกเขากวาดล้างห้านิกายโบราณได้สำเร็จและเกือบจะทำลายมรดกสืบทอดของพวกเขาจนหมดสิ้น ถ้าไม่ใช่เพราะรากฐานของห้านิกายโบราณอยู่บนดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ห้านิกายโบราณของทวีปฮงเทียนคงจะหายไปตลอดกาลแล้ว
อะไรคือทักษะศักดิ์สิทธิ์?
มันคือทักษะของพระเจ้า!
และการที่ราชันเพลิงไพศาลไม่ความสนใจต่อทักษะศักดิ์สิทธิ์เลยมันหมายความอะไรกันน่ะรึ?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ ร่างของกูหลินก็สั่นสะท้านทันที จักรวรรดิโบราณกำลังจะกลับมา! หรือว่าพวกเขาจะสร้างรุ่งโรจน์เหมือนกับเมื่อหมื่นปีก่อนได้อีกครั้ง? ไม่ใช่… เนื่องจากสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป คราวนี้พวกเขาแข็งแกร่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีก
หรือก็คือ แม้พวกเขาจะเปลี่ยนชื่อเป็นจักรวรรดิจันทราม่วง แต่อำนาจของพวกเขาก็ไม่ได้อ่อนแอลงแม้แต่น้อย
กูหลินพยายามสงบจิตใจและกล่าว “ถ้าเจ้าไม่ต้องการทักษะนั่น แล้วจะมาขัดขวางทำไม?”
“ฮ่าๆๆ แม้ข้าจะไม่ต้องการ แต่ทักษะนี้ก็ไม่ใช่ทักษะที่จะมอบให้กับคนโง่เช่นเจ้า!” ราชันเพลิงไพศาลแสยะยิ้ม “นอกจากนั้นแล้วทักษะศักดิ์สิทธิ์นี้ก็ถูกรุ่นเยาว์ผู้นี้นำออกมาจากตึกตำราเอง หรือก็คือทักษะได้เลือกเขาแล้ว คนโง่เช่นเจ้ามีสิทธิ์อะไรจะครอบครองมัน?”
กูหลินรู้สึกโมโหมาก จะให้ตัวเขาที่ถูกด่าว่าเป็นคนโง่หลายต่อหลายครั้งทนไม่โกรธไหวงั้นรึ?
“งั้นข้าก็จะจัดการเจ้าก่อน!” กูหลินแสยะยิ้ม เบื้องหลังของเขาปรากฏเงาอสรพิษขนาดยักษ์พุ่งเข้าใส่ราชันเพลิงไพศาล
ราชันเพลิงไพศาลยื่นมือขวาออกไป ‘ตูม’ พยัคฆ์เพลิงขนาดเท่าภูเขาพุ่งเข้าปะทะอสรพิษ
‘ปัง’ อสรพิษยักษ์เผชิญหน้ากับพยัคฆ์เพลิง ชัยชนะถูกตัดสินภายในพริบตา อสรพิษยักษ์เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ มันถูกเหยียบอยู่ใต้เท้าพยัคฆ์เพลิง มันพยายามดิ้นรนอย่างไร้หนทาง
“ไม่มีประโยชน์” ราชันเพลิงไพศาลกล่าวอย่างเย็นชา
กูหลินเกรี้ยวกราด แต่ก็ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้ แปดราชันของจักรวรรดิจันทราม่วงไม่ได้เคยกวาดล้างห้านิกายโบราณสำเร็จเปล่าๆ พวกเขาแต่ละคนครอบครองพลังอำนาจที่ไร้พ่าย
“เหอๆ สมกับเป็นราชันเพลิงไพศาล ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!” ร่างอีกร่างหนึ่งปรากฏออกมาโดยไม่หวั่นเกรงต่ออำนาจจากการปะทะกับระหว่างกระบี่ไร้เทียมทานและดาบสังหาร
เขาคือชายที่มีท่าทางราวกับสุภาพบุรุษ ร่างของเขาผอมบางและแบกดาบยาวเอาไว้ที่หลัง ภายในแววตาทั้งสองข้างของเขามีสัญลักษณ์เหมือนกับใบดาบ ซึ่งดูแปลกประหลาดอย่างมาก
“เจ้าคือสวะจากนิกายดาบสวรรค์?” ราชันเพลิงไพศาลชำเลืองมองลวกๆราวกับว่าเขาไม่เห็นจอมยุทธระดับทลายมิติสองคนข้างหน้าอยู่ในสายตา
“หม่าหยู่ถังจากนิกายดาบสวรรค์ ข้ารู้สึกเป็นเกียรติมากที่ได้พบกับราชันเพลิงไพศาล” ชายคนนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มและโค้งตัวเล็กน้อย
ราชันเพลิงไพศาลไม่สนใจ เขามองไปยังหลิงฮันและกล่าว “หนุ่มน้อย วาสนาของเจ้ายอดเยี่ยมเป็นอย่างมาก ดาบเล่มนั้นถูกสร้างโดยจักรพรรดิของข้า แถมเจ้ายังได้ครอบครองทักษะศักดิ์สิทธิ์ของเฒ่าเจ็ดอีกด้วย ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีดวงชะตาเชื่อมโยงกับจักรวรรดิจันทราม่วงของเขา”
“รีบๆไปซะ สถานการณ์นี้ไม่ใช่สิ่งที่รุ่นเยาว์เช่นเจ้าสมควรเข้ามายุ่ง”
แน่นอนว่าหลิงฮันไม่ได้คิดจะแทรกแทรงการต่อสู้ของเหล่าตัวตนระดับทลายมิติอยู่แล้ว เขารีบนำดาบสังหารเก็บเข้าไปและพาจูเสวียนเอ๋อเผ่นหนีทันที ฮูหนิวและเจ้ากระต่ายก็ตามเขามาไม่ห่าง
“ข้าอณุญาติให้เจ้าไปแล้วรึ?” กูหลินเอื้อมมือออกไปคว้าร่างของหลิงฮันอีกครั้ง
‘ตูม’ เปลวเพลิงสยายลามไปทั่วบริเวณ กูหลินถูกบังคับให้ล่าถอย ราชันเพลิงไพศาลกล่าวออกมาอย่างองอาจ “ราชันผู้นี้เป็นคนบอกให้เขาไปเอง เจ้าที่กล้าขัดขวางพวกเขาหรือว่าอยากแส่หาความตาย?”
“เหอะ ตอนนี้ประวัติศาสตร์ของจักรวรรดิโบราณของพวกเจ้ากลายเป็นเพียงเศษฝุ่นไปแล้ว มรดกโบราณของพวกเจ้าก็สมควรจะสูญหายไปอย่างสมบูรณ์แล้วเช่นกัน พวกมันไม่ได้อยู่ในยุคสมัยนี้อีกต่อไป” กูหลินกล่าว
‘ตูม’ หม่าหยู่ถังเองก็ลงมือจู่โจมใส่หลิงฮัน คนที่ครอบครองทักษะศักดิ์สิทธิ์นั้นไม่ว่ายังไงก็ไม่อาจปล่อยให้เล็ดลอดไปได้
ราชันเพลิงไพศาลชกหมัดออกไปอีกครั้งเพื่อขัดขวางหม่าหยู่ถัง เขายิ้มอย่างองอาจและกล่าว “ข้ายังอยู่ตรงนี้แท้ๆ เจ้ายังคิดจะเมินเฉย?”
“มาร่วมมือกัน!” หม่าหยู่ถังและกูหลินหันมองหน้ากันและจู่โจมใส่ราชันเพลิงไพศาล
ราชันเพลิงไพศาลหัวเราะลั่นก่อนที่ร่างของเขาจะขยายเป็นมนุษย์เพลิงขนาดมหึมาสิบฟุต ทั่วทั้งร่างของเขามีอักขระสีทองเรียงรายกับราวกับโซ่อักขระ
“อำนาจแห่งกฎเกณฑ์!” ใบหน้าของหม่าหยู่ถังเปลี่ยนสีทันที