“เจ้าคิดจะหาเรื่องสู้?” หลิงฮันหัวเราะ ตอนนี้ระดับพลังต่อเขาขัดเกลามาจนถึงจุดสมบูรณ์แล้ว ถึงแม้เจียหมิงจะมีระดับพลังที่สูงกว่าเขา เขาก็ไม่หวาดกลัว
“ไม่ใช่ต่อสู้ แต่เป็นสังหาร!” เจียหมิงพูดอย่างหยิ่งยโส ถึงแม้ทักษะต่างๆของหลิงฮันจะเหนือกว่าเขา แต่ถึงอย่างไรหลิงฮันก็มีระดับพลังที่น้อยกว่า ถ้าทักษะของอีกฝ่ายไม่ลึกล้ำมากจริงๆ เขาก็มั่นใจว่าจะจัดการหลิงฮันได้
“งั้นก็คงต้องมีการลงมือ!” หลิงฮันกล่าวอย่างไม่หวั่นเกรง
“น้องชายสุดหล่อ จะลงมืออะไรงั้นรึ?” ทันใดนั้นเองเสียงที่เบาบางแต่แฝงไปด้วยจิตสังหารก็ดังขึ้น ทุกคนที่ได้ยินล้วนแต่รู้สึกถึงแรงกดดันที่หน้าอกและกระอักโลหิตออกมา
ฝูงชนค่อยๆแยกเปิดทาง ทันใดนั้นก็สามารถมองเห็นสตรีงามที่นั่งอยู่บนหลังสิงโตร่างสูง สิงโตที่นางนั่งอยู่นั้นปกคลุมไปด้วยเกล็ดมังกร สตรีผู้นี้ปลดปล่อยกลิ่นอายที่น่าสะพรึงกลัวออกมา ราวกับว่านางสามารถสั่นคลอนได้แม้แต่ดวงดาวและผืนปฐพี
แต่นั่นก็ไม่ใช่คำคล่าวที่เกินจริง นางสามารถทำเช่นนั้นได้จริงๆเพราะนางคือตัวตนระดับทลายมิติ
ผู้ที่มาคือราชินีหยินผู้ยิ่งใหญ่
“นะ… นางคือใครกัน พลังของนางช่างน่ากลัวยิ่งนัก หัวใจของข้าแทบจะระเบิดออกมาแล้ว!”
“ยิ่งกว่านั้นนางยังงดงามมากอีกด้วย ดูหน้าอกนั่นสิข้าไม่อาจจับมันได้ด้วยมือข้างเดียว ถ้าข้าได้ลองสัมผัสมันก็คงจะดี”
โผล๊ะ!
ใครบางคนที่มองไปยังราชินีหยินด้วยความหลงใหลและพลั้งปากพูดพล่อยๆออกมา หัวของเขาได้ระเบิดกระจุยทันที ร่างที่ไร้หัวเอนไปมาสองสามครั้งก่อนที่จะล้มลงเสียชีวิตย่างสมบูรณ์
เมื่อคนอื่นๆเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น พวกเขาก็เปลี่ยนเป็นมองราชินีหยินด้วยความหวาดกลัว
นั่นเพราะคนที่ยื่นมือชี้ไปยังชายที่ตายเมื่อครู่ก็คือนาง หรือก็คือนางเป็นผู้ที่ลงมือสังหารนั่นเอง
แต่ปัญหาก็คือถึงแม้พลังของเหล่าคนที่อยู่ที่นี่จะไม่ได้แข็งแกร่งทุกคน แต่พวกเขาส่วนใหญ่ก็มาจากภูมิหลังที่แข็งแกร่ง การที่นางลงมืออย่างเปิดเผยเช่นนี้นางไม่กลัวปัญหาที่จะตามมารึไง?
มีแค่ไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ว่าราชินีหยินคือตัวตนระดับทลายมิติ ซึ่งภายใต้สวรรค์นี้นางไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวใคร! กล้าพูดจาสกปรกต่อตัวตนระดับทลายมิติ? ช่างสมควรตาย
แม้ว่าคนที่ตายจะมาจากนิกายดาบสวรรค์ หรือผู้สืบทอดที่แท้จริงนิกายกระบี่ไร้เทียมทาน เขาก็ต้องตาย
ราชินีหยินขี่ราชสีเดินใกล้เข้ามา เจียหมิงต้องเดินล่าถอยไปด้านหลังแพราะไม่สามารถต้านทานอำนาจของราชินีหยินได้
ไม่รู้ว่าในอนาคตเขาจะบรรลุระดับพลังที่เหนือกว่านางไหม แต่ในตอนนี้เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของราชินีหยินอย่างแน่นอน
“อย่าแม้แต่จะคิดเข้ามารุ่มร่ามกับหลิงฮันของหนิว!” ฮูหนิวชูกรรไกรเขี้ยวมังกรขึ้นมาและคำรามใส่ราชินีหยิน
ราชินีหยินอดที่จะอุทานออกมาไม่ได้ “เจ้าได้รับกรรไกรเขี้ยวมังกรจริงๆรึ? มันเป็นสมบัติที่หายากเป็นอย่างยิ่ง แม้แต่ราชินีผู้นี้ในตอนนั้นก็ไม่อาจไขว่คว้ามันมาได้… ”
ดวงตาอันงดงามของนางมองกวาดผ่านและกล่าว “เจ้าเข้าทดสอบแผ่นหินประเมินยุทธสินะ? ฮ่าๆๆ จะบอกอะไรให้ ราชินีผู้นี้สามารถทิ้งชื่อเอาไว้บนแผ่นศิลาได้ ชื่อของข้าอยู่ที่อันดับที่เก้าสิบเก้าของประวัติศาสตร์ทวีปฮงเทียน!”
หลิงฮันและผู้คนมากมายรู้สึกขบขัน ตอนนี้ชื่อของนางได้ถูกแทนที่แล้ว คนที่โผล่ขึ้นมาใหม่ก็คือหลิงฮัน ฮูหนิว และเจียหมิง
ราชินีหยินไม่รู้เรื่องนี้ เมื่อเห็นท่าทีแปลกๆของทุกคน นางก็พูดออกมา “พวกเจ้าไม่เชื่อ? เจ้าแมวน้อยเดินไปต่อซิ ข้าจะให้พวกมันได้เห็นชื่อของราชินีผู้นี้!”
ราชสีทำตัวเชื่องราวกับแมวน้อย มันพาราชินีหยินไปยังแผ่นหินประเมินยุทธต่อหน้าจอมยุทธทุกคน จากนั้นราชินีหยินก็ชี้ไปยังแผ่นหินอย่างภาคภูมิใจ “คนที่ทิ้งรายชื่อไว้ได้มีเพียงราชีนี้ผู้นี้และองค์จักรพรรดิ ส่วนราชันคนอื่นๆนั้นแม้จะก่อให้เกิดแสงสีแดงได้ แต่พวกเขาก็ไม่อาจเทียบกับราชินีผู้นี้ได้… หืม แผ่นรายชื่อนี่มีปัญหารึเปล่า?”
นางมองไปยังแผ่นหินประเมินยุทธ ซึ่งไม่มีชื่อของนางอยู่ทั้งอันดับที่เก้าสิบเก้าและหนึ่งร้อย
“หลังจากผ่านพ้นไปหลายยุคสมัย หรือว่าแผ่นหินนี่จะพังเสียแล้ว?” นางพึมพำ
“เปล่า ก็แค่ถูกดันดันลงจนรายชื่อหายไปก็เท่านั้น” หลิงฮันกล่าว “ในตอนแรก ข้าเห็นแล้วว่าราชีนีหยินผู้ยิ่งใหญ่อยู่อันดับที่เก้าสิบเก้า”
“ว่าไงนะ ใครกล้าดันอันดับของราชินีผู้นี้?” ราชินีหยินเกรี้ยวกราดและมองขึ้นไปบนรายชื่อ ทันทีที่สายตาของนางหยุดอยู่ที่ชื่อของเจียหมิง นางก็กล่าวคำพูดออกมาพร้อมกันจิตสังหาร “ใครกันที่ชื่อเจียหมิง?”
‘ฟึบ’ สายตาทุกคู่จ้องไปยังเจียหมิงทันที
สีหน้าของราชินีหยินกลายเป็นเหี้ยมโหดและดีดนิ้ว “เจ้าหนู บังอาจมากที่มาดันอันดับของข้า ราชินีผู้นี้อยากรู้จริงๆว่าเจ้าต้องการให้ร่างของตนเองถูกแบกออกเป็นสามหรือห้าส่วน? ”
ใบหน้าของเจียหมิงเปลี่ยนเป็นบูดบึ้ง เขาในตอนนี้ไม่อาจเอาชนะตัวตนระดับทลายมิติได้ ยิ่งกว่านั้นอีกฝ่ายยังเป็นถึงจอมยุทธติดอันดับที่บรรลุถึงระดับทลายมิติแล้วด้วย แน่นอนว่าพลังต่อสู้ของนางจะต้องน่าสะพรึงกลัวอย่างคาดไม่ถึง
เจียหมิงตอบกลับ “ผู้อาวุโส ท่านบ่มเพาะพลังมานานกว่าข้าหลายปี ท่านไม่คิดบ้างรึว่าการรังแกรุ่นเยาว์จะทำให้ชื่อเสียงของท่านมัวหมอง?”
ใบหน้าของราชินีหน้ากลายเป็นมืดมนและกล่าว “เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าคิดว่าราชินีผู้นี้แก่ชราขนาดนั้นเชียวรึ?”
“เดี๋ยว…”
“เดี๋ยวน้องสาวเจ้าน่ะสิ!” ราชินีหยินกระโดดลงจากราชสีและพุ่งเข้าใส่เจียหมิงเพื่อโจมตี แต่นอนว่าเจียหมิงย่อมถูกนางทุบตีอยู่ฝ่ายเดียว
หลิงฮันหัวเราะลั่น ราชินีหยินผู้ยิ่งใหญ่อ่อนไหวต่อเรื่องอายุเป็นอย่างมาก แม้แต่หม่าตั้วเปาที่เป็นจักรพรรดิของนางนางยังไม่ไว้หน้า การที่เจียหมิงที่เรียกอีกฝ่ายว่าผู้อาวุโสและแสดงถึงความต่างระหว่างอายุของเขากับนางย่อมต้องทำให้นางเกรี้ยวกราด
เจียหมิงรู้สึกอาบอายอย่างมาก แต่เขาก็ไม่อาจพูดโต้เถียงอะไรได้และทำได้เพียงกลืนน้ำลายยอมให้ราชินีหยินทุบตีเป็นกระสอบทราย
ยังไม่ทันทีราชินีหยินจะทุบตีจนสาสมใจ เจียหมิงก็เค้นเสียงพยายามพูดออกมา “ผู้อาวุโส ไม่ใช่แค่ข้าที่อยู่บนรายชื่อ แต่หลิงฮันกับเด็กสาวคนนั้นก็ติดอันดับด้วย!”
“ผู้อาวุโส?” ไฟโกรธของราชินีหยินก็กำลังจะหมองถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง ส่วนไหนของนางกันที่ดูเหมือนผู้อาวุโส?
หลังจากที่ทุบตีจนพอใจ ราชินีหยินก็ปัดมือและฮึดเสียงอย่างเย็นชาและมองไปยังแผ่นหินประเมินยุทธอีกครั้ง “พวกเจ้าทั้งสองคนสามารถติดอันดับหนึ่งและสองได้!”
นางมองเห็นชื่อหลิงฮันและฮูหนิวอยู่บนสองอันดับแรก!
แววตาของเจียหมิงส่องประกายอาฆาต มุมปากของเขายกขึ้นแสยะยิ้ม ขนาดเขาได้อันดับที่ห้าสิบยังถูกทุบตีจนมีสภาพแบบนี้ แล้วพวกเจ้าที่ได้อันดับหนึ่งกับสองล่ะ?
“ฮ่าๆๆ พวกเจ้าทำให้เจ้าอ้วนจอมอวดดีนั่นร่วงลงมาอันดับสามได้?” หลังจากชำเลืองมอง ราชินีหยินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง “น่าสมเพชเจ้าอ้วนนั่นมั่นใจในตัวเองว่าไร้พ่ายและสลักชื่อว่า ‘หนึ่ง’ เอาไว้ คงไม่คาดคิดล่ะสิว่าจะมีวันที่ตนเองจะร่วงลงมาเป็น ‘สาม’ ฮ่าๆๆ ราชินีผู้นี้อยากจะกลับไปเห็นสีหน้าเป็นทุกข์ของเจ้าอ้วนนั่นซะแล้ว”
“พวกเจ้าทำได้ดีมาก!”