มันพูดง่ายแต่ยากที่จะทำ!
เมื่อหลิงฮันเข้าใกล้ ดาบเล่มนี้จะระเบิดพลังที่แข็งแกร่งกว่าเดิมออกมา เห็นได้ชัดเจนว่าแสงดาบมาจากอักขระอาคม ซึ่งทำให้พลังของมันถูกยกระดับขึ้น
มันยากมาก ยากเกินไปที่จะทำ!
หลิงฮันรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรตัวหนึ่งที่ต้องทำให้เชื่อง แต่ไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มจากตรงไหน เพราะยังไงเขาก็ได้รับบาดเจ็บอยู่ดี
แล้วเขาจะสามารถสยบมันได้อย่างไร?
หลิงฮันขมวดคิ้ว แม้เขาจะมีร่างกายที่แข็งแกร่งและมีความยืดหยุ่นมากพอและไม่กลัวว่าจะได้รับบาดเจ็บจากมัน แต่ปัญหาคือเขายังแข็งแกร่งไม่พอ เมื่อใดที่เขาเข้าใกล้มันเกินไป มันจะปล่อยแสงดาบอันไร้ที่สิ้นสุดออกมาและเขาไม่สามารถหลบหรือซ่อนตัวได้เลยและบังคับให้เขาต้องล่าถอย
มันเป็นวิธีการที่โกงมาก แล้วเขาจะเอามันมาได้อย่างไร?
หลิงฮันใช้เนตรแห่งสัจธรรมไปแล้ว แต่ก็ไร้ประโยชน์ แสงดาบมันเจิดจ้าเกินไป มันไม่มีช่องโหว่เลยแม้แต่น้อย แม้เขาจะกลายเป็นแมลงวัน เขาก็ไม่สามารถหลบการโจมตีของมันพ้น
ไม่มีทางเลือกเลย! ข้าไม่มีทางเลือกเลยแม้แต่วิธีเดียว!
แล้วข้าควรทำยังไง?
หลิงฮันขบคิดถึงวิธีการที่จะรับมือกับมัน วิธีการแรกเขาสามารถใช้ชามพลิกสวรรค์แล้วดูดมันเข้ามาโดยตรง
แต่นั่นไม่ใช่วิธีการที่เหมาะสม เพราะชามพลิกสวรรค์จะกลั่นทุกอย่างนั่นรวมถึงอักขระอาคมบนดาบ
เขาไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้น!
ถ้าอย่างนั้น…ข้าจะลองใช้อักขระที่อยู่บนมือซ้ายดีไหม?
มันคือปราณอสูรที่มาจากจักรพรรดิจอมอสูร หอคอยทมิฬน้อยเคยพูดว่าพลังของมันนั้นฝืนกฎธรรมชาติและมีพลังทำลายล้างที่น่าอัศจรรย์มาก จนถึงตอนนี้หลิงฮันยังไม่รู้ขีดจำกัดของมันเลย บางทีมันอาจกำจัดแสงดาบได้
เขาต้องลองดู
เขากระโจนเข้าหาดาบอีกครั้งพร้อมกับยื่นมือซ้ายออกมา อักขระสีดำปรากฏออกมาและพุ่งเข้าหาแสงดาบ ทำให้แสงดาบถูกทำลายหายไปทันที
มันได้ผล!
หลิงฮันรู้สึกมีความสุขมาก และเดินตรงไปข้างหน้าเพื่อเก็บดาบเล่มนั้นมา แต่ในขณะนั้นเอง ดาบเล่มนั้นก็ปลดปล่อยจิตสังหารที่น่าหวาดกลัวออกมาและอักขระรูปแบบอาคมบนดาบก็ถูกเปิดใช้งานเต็มที่
อักขระรูปแบบอาคมบนดาบที่ถูกเปิดใช้งานเต็มที่ทำให้ดาบมีพลังเทียบได้กับพลังของจอมยุทธระดับทลายมิติ
พรึบ ดาบเล่มนั้นราวกับกำลังลุกไหม้ด้วยเปลวไฟ และต้องการที่จะฆ่าหลิงฮัน พลังของมันในตอนนี้เทียบได้กับจอมยุทธระดับทลายมิติ!
หลิงฮันเข้าไปหลบซ่อนตัวอยู่ในหอคอยทมิฬทันที ตอนนี้เขาไม่มีทางต่อกรกับระดับทลายมิติได้เลย และปฏิบัติตัวดั่งคำพูดรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหาง การหลบซ่อนตัวจึงเป็นหนทางที่ดีที่สุด
เมื่อดาบเล่มนั้นสูญเสียเป้าหมายของมันไป ในไม่ช้าก็มันเริ่มสงบลง
หลิงฮันรู้สึกหดหู่มาก ปราณอสูรใช้ไม่ได้ผล แล้วทำไมอักขระรูปแบบอาคมบนดาบถึงถูกกระตุ้นให้เปิดใช้งานเต็มที่? ไร้เหตุผล ไร้เหตุผลสิ้นดี แล้วข้าจะเอามันมาได้อย่างไร?
“หอคอยทมิฬน้อย เจ้ามีวิธีอะไรไหม?” หลิงฮันถาม
หอคอยทมิฬน้อยแกว่งไปแกว่งมาและปรากฏตัวอยู่ด้านหน้าหลิงฮัน มันพูดว่า “มันเป็นไปไม่ได้เลยที่เจ้าจะครอบครองดาบเล่มนั้นได้ด้วยความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเจ้า อักขระอาคมบนดาบอยู่เหนือกว่ากฎแห่งสวรรค์และปฐพีของโลกบนนี้ แม้ว่ามันจะยังไม่สมบูรณ์ก็ตาม แต่มันก็ยังคงเป็นอาคมที่มีระดับสูงมาก”
“เมื่อครู่ข้าเพิ่งใช้ปราณอสูร แล้วทำไมดาบถึงถูกเปิดใช้งานเต็มที่? หลิงฮันรู้สึกงงงวย
“เพราะพวกมันทั้งสองมีพลังของกฎธรรมชาติ พวกมันเลยกระตุ้นซึ่งกันและกัน” หอคอยทมิฬน้อยตอบกลับ แล้วพูดด้วยความเด็ดขาดว่า “แต่พวกมันก็แค่เป็นพลังที่อ่อนแอที่สุดของกฎธรรมชาติ ข้าสามารถกำจัดพวกมันออกไปได้เพียงแค่ออกแรงเล็กน้อย”
มันพูดจาโอ้อวดอีกแล้ว
หลิงฮันกางมือและพูดว่า “เรื่องที่เจ้าพูดมามันมีประโยชน์อะไรกับข้า ถ้าเจ้าไม่สามารถช่วยทำให้ข้าได้ครอบครองดาบเล่มนั้นได้!”
หอคอยทมิฬน้อยหยุดพูดชั่วขณะเหมือนว่ามันจะลังเล หลังจากนั้นไม่นาน มันก็พูดว่า “ไม่ใช่ว่ามันไม่มีวิธี”
“วิธีอะไร?” หลิงฮันรู้สึกประหลาดใจ
หอคอยทมิฬน้อยกล่าวด้วยความหนักแน่นและเชื่องช้าว่า “เจ้าบ่มเพาะพลังคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์และบรรลุกายาเพชร แต่มันมีแค่ความแข็งเท่านั้น กายาเพชรที่แท้จริงมันไม่ได้แข็งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่มันเป็นการผสมผสานระหว่างความแข็งแกร่งและอ่อนนุ่ม”
“เจ้าจะพูดว่า…แข็งแกร่งและอ่อนนุ่ม?” หลิงฮันถาม
“ใช่แล้ว ยิ่งแข็งก็ยิ่งแตกง่ายเช่นกัน มันไม่ใช่การป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด” หอคอยทมิฬน้อยอธิบายว่า “เจ้าได้บรรลุจุดสูงสุดของมนุษย์ไปแล้ว และเกือบจะเข้าใจถึงความอ่อนนุ่ม”
“แล้วข้าต้องทำอะไร?” หลิงฮันรู้สึกสนใจกับสิ่งที่มันพูด เขาไม่รีบร้อนที่จะถามหาวิธีที่จะสยบดาบอีกต่อไป
“ไม่ใช่ว่าเจ้ามีทองคำก่อเกิดผลาญโลหิตหรอกหรือ?” หอคอยทมิฬพูดต่อทันทีว่า “ทองคำก่อเกิดผลาญโลหิตสามารถพูดได้ว่าเป็นตัวอย่างทั่วไปของความแข็งแกร่งและความนุ่มนุ่ม เมื่อมีพลังมหาศาลมากระทำ ถึงมันจะบิดเบี้ยวแต่ก็ไม่แตกหัก”
หลิงฮันนึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้และพูดว่า “ข้าเคยชกเจี่ยหมิงด้วยหมัด แต่คอของอีกฝ่ายยืดออกไปหลายสิบฟุต”
“ใช่แล้ว นั่นคือการผสมผสานกันระหว่างความแข็งแกร่งและความอ่อนนุ่ม เจ้าได้ฝึกฝนบ่มเพาะคัมภีร์สวรรค์นิรันดร์และบรรลุกายาเพชร มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีใครมีกายหยาบแข็งแกร่งไปกว่าเจ้า อย่างไรก็ตาม เจ้ายังไม่มีความอ่อนนุ่ม ดังนั้นในแง่ของกายหยาบเจ้าไม่ได้อยู่ยงคงกระพันในระดับเดียวกัน” หอคอยทมิฬน้อยกล่าว
“แล้วเจ้าจะให้ข้าทำอะไร?” หลิงฮันถาม
หอคอยทมิฬน้อยกล่าวว่า “มนุษย์และสิ่งมีชีวิตทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากอนุภาคมากมาย ความแข็งแกร่งของอนุภาคเหล่านั้นได้รับการพัฒนาจากทักษะบ่มเพาะกายา แต่ถ้าเจ้าคิดในอีกมุมมองหนึ่ง การรวมกันของอนุภาคไม่ได้รับการปรังปรุง ทำไมเจ้าไม่ทำลายมันซะเลยล่ะ?”
“หินนับไม่ถ้วนถูกสร้างขึ้นเป็นกำแพงขนาดใหญ่ แต่พวกมันก็สามารถก่อตัวเป็นหอคอยได้ด้วยจำนวนเท่าเดิมเช่นกัน ด้วยหินจำนวนเท่าเดิม มันสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้นับไม่ถ้วน”
“แล้วร่างกายของมนุษย์มีกี่อนุภาค?”
“นับไม่ถ้วน!”
“ดังนั้น การเปลี่ยนแปลงของเจ้าจะไม่มีที่สิ้นสุดนี่คือความน่าอัศจรรย์ของสิ่งมีชีวิต มันมีความเป็นไปได้ที่ไร้ที่สิ้นสุด ไม่เหมือนกับสมบัติ หุ่นเชิดที่ถูกสร้างขึ้นมา”
หลิงฮันคิดบางอย่างขึ้นมาได้อย่างกะทันหัน หอคอยน้อยไม่ได้บอกความลับแก่เขา แต่มันเปิดประตูให้เขาและแสดงให้เขาเห็นเส้นทางใหม่
คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์ตามที่หอคอยทมิฬน้อยพูด มันควรจะแข็งแกร่งที่สุดในโลก มันเป็นอนุภาคที่ประกอบขึ้นเป็นร่างกายซึ่งแข็งแกร่งที่สุดในระดับเดียวกัน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากร่างกายประกอบด้วยอนุภาคนับไม่ถ้วน อนุภาคไม่สามารถทำลายได้ แต่การผสมผสานกันสามารถทำลายได้
สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือปล่อยให้อนุภาคเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่องเมื่อเขาถูกโจมตี เหมือนกับเจี่ยหมิง เมื่ออีกฝ่ายถูกกำปั้นของเขาต่อย คอของมันยืดออกไปสองสามฟุตและสลายการโจมตีของเขา
อีกฝ่ายสามารถควบคุมอนุภาคของร่างกายได้แล้ว ซึ่งเป็นการแสดงออกที่อ่อนนุ่ม
ความแข็งแกร่งและความอ่อนนุ่มเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้
ความแข็งแกร่งและความอ่อนนุ่มเหมือนกับทองคำก่อเกิดผลาญโลหิต มันสามารถใช้ฆ่าคน ยืดหยุ่นและพันรอบนิ้วมือได้
ช่วยไม่ได้ที่เขาจะคิดลึกลงไปอีก หลิงฮันใช้เนตรแห่งสัจธรรมมองตัวเองและค้นหาวิธีการควบคุมการไหวเวียนของอนุภาคภายในร่างกาย
ในความเป็นจริง คัมภีร์สวรรค์นิรันดร์มีบันทึกเกี่ยวกับอนุภาคอยู่ แต่ไม่ชัดเจนนัก เขาไม่เคยเข้าใจเรื่องพวกนี้มาก่อน แต่ตอนนี้เขาได้รับคำแนะนำจากหอคอยทมิฬน้อยแล้ว
หลิงฮันหลงลืมเรื่องเวลาไปและจมอยู่ในห่วงความคิดของตัวเอง