“ไร้สาระ!” หลิงฮันกล่าวอย่างเย็นชา “ตั้งแต่ยุคโบราณ นิกายกระบี่ไร้เทียมทานสังหารผู้คนไปเท่าไหร่แล้ว? ทำไมเจ้าถึงไม่ให้ความเป็นธรรมกับคนเหล่านั้นบ้างล่ะ? โลกนี้คือโลกที่ผู้แข็งแกร่งกลืนกินผู้อ่อนแอ เลิกพูดไร้สาระได้แล้ว ทุกสิ่งล้วนตัดสินด้วยพลัง!”
ฉือชิ่วเหรินยิ้มและตอบกลับ “เจ้ากล้าพูดว่าจะตัดสินด้วยกำลังต่อหน้าข้า?”
“ต่อเจ้าแล้วจะทำไม?” หลิงฮันยอกย้อน
ฉือชิ่วเหรินชูนิ้วขึ้นมา ‘พรึบ’ ทันใดนั้นรัศมีกระบี่ก็พุ่งใส่หลิงฮัน
รัศมีกระบี่เคลื่อนไหวราวกับสายฟ้าฟาด มันเจิดจ้าจนทำให้ดวงตารู้สึกเจ็บปวด
หลิงฮันยกหมัดและชกเข้าใส่รัศมีกระบี่อย่างแม่นยำ
ตูม!
รัศมีกระบี่แตกสลาย แต่หลิงฮันก็ถูกพลักให้ถอยหลังไปกว่าสิบฟุต
จูเสวียนเอ๋อแลพคนอื่นๆเป็นกังวล ฉือชิ่วเหรินแข็งแกร่งเกินไป!
ฉือชิ่วเหรินยิ้มและกล่าว “ก่อนหน้านี้ข้าเอาแต่ฝึกฝนเพื่อให้บรรลุแก่นแท้แห่งกระบี่ ดังนั้นระดับพลังของข้าถึงพัฒนาไปอย่างเชื่องช้า แต่เมื่อไม่กี่เดือนก่อนหลังจากที่ข้าสร้างแก่นแท้กระบี่ได้สำเร็จ ในที่สุดข้าก็สามารถตั้งสมาธิไปกับการบ่มเพาะพลังและพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจากระดับตัวอ่อนวิญญาณมายังระดับก้าวสู่เทวา”
ว่าไงนะ? ระดับพลังสามารถเลื่อนระดับได้เพียงแต่ตั้งสมาธิ?
หลิงฮันชักหมัดกลับมา โลหิตจากมือของเขาไหลหยดลงพื้นหญ้าทำให้เกิดเสียงดังสนั่นราวกับฟ้าผ่า นี่เป็นเพราะเขาบ่มเพาะทักษะกายา โลหิตทุกหยดของเขาจึงหนักหน่วงราวกับขุนเขา
ร่างของเขาในตอนนี้คือกายาเพชร กายหยาบของเขาสามารถเทียบได้กับแร่เหล็กระดับแปด แต่รัศมีกระบี่ของอีกฝ่ายกลับทำให้เขาบาดเจ็บได้ แสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายมีพลังต่อสู้ที่น่าทึ่งขนาดไหน
ด้วยระดับพลังที่สูงกว่าที่ผสานรวมกับความเข้าใจในแก่นแท้กระบี่ มันทำให้รัศมีกระบี่ของฉือชิ่วเหรินไร้พ่ายอย่างแท้จริง
นี่เป็นเพียงแต่การโจมตีผ่านนิ้วเท่านั้น แล้วถ้าหากเขาใช้อาวุธวิญญาณระดับสิบล่ะ?
หลิงฮันยิ้มและกล่าว “อายุของข้ายังไม่ถึงบรรลุแม้แต่ยี่สิบปี สำหรับข้าการจะบรรลุระดับก้าวสู่เทวาก่อนอายุยี่สิบปีนั้นไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็น การสร้างแก่นแท้แห่งดาบไม่ใช่ปัญหาสำหรับข้า เจ้าคิดว่าเจ้ามีพรสวรรค์มากกว่าข้างั้นรึ? เจ้าไม่รู้สึกอับอายบ้างหรืออย่างไร?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ทุกคนต่างก็เห็นด้วย
ก่อนหน้านี้พวกเขามองแค่พลังต่อสู้และทักษะกระบี่ฉือชิ่วเหริน แต่ลืมคิดถึงอายุและพลังต่อสู้ในตอนนี้ของหลิงฮัน
พรสวรรค์ราวกับสัตว์ประหลาดของของหลิงฮันนั้นไม่อ่อนด้อยไปกว่าใคร!
ฉือชิ่วเหรินยิ้ม “เจ้าคิดว่าแก่นแท้แห่งวรยุทธสามารถบรรลุได้ง่ายๆ? ข้าฝึกฝนทักษะกระบี่มาตั้งแต่อายุห้าขวบ แม้แต่ตอนนอนข้าก็กอดกระบี่ไม่ห่างกาย ด้วยความพยายามอย่างไม่ย่อท้อในที่สุดข้าก็ใช้เวลาเพียงสิบหกปีในการบรรลุแก่นแท้แห่งกระบี่”
“นั่นเป็นเพราะเจ้าโง่งมเกินไป อัจฉริยะเช่นข้าเพียงแค่ห้าหรือหกปีก็พอแล้ว!” หลิงฮันกล่าวอย่างมั่นใจ
ฉือชิ่วเหรินขยับมือ ‘พรึบ พรึบ’ หญ้าบนพื้นลอยขึ้นมาอยู่ในกำมือของเขา “งั้นข้าจะใช้หญ้าก้านนี้แทนกระบี่และตัดหัวเจ้าซะ”
คิดจะใช้ก้านหญ้าแทนกระบี่? ช่างมั่นใจในตัวเองอะไรเช่นนี้
หลิงฮันไม่หวาดกลัว เขาชักนำให้หญ้าบนพื้นมาอยู่ในมือและกล่าว “งั้นข้าก็ขอดูพลังของเจ้าหน่อยแล้วกัน”
ยิ่งคู่ต่อสู้แข็งแกร่งเขาก็ยิ่งได้รับแรงกดดันมากขึ้น นี่คือสิ่งที่จะช่วยให้เขาเข้าใจในวิถีแห่งแก่นแท้ดาบ
แก่นแท้แห่งดาบ… ขั้นที่สามของวิถีแห่งดาบซึ่งเป็นขั้นที่สูงที่สุด มันไม่เหมือนกับรัศมีดาบที่ต้องใช้ความเข้าใจเกี่ยวกับปราณดาบเป็นรากฐาน
หลิงฮันสร้างรัศมีดาบได้สำเร็จแล้ว แต่ไม่ว่าเขาจะบรรลุระดับพลังที่สูงมากแค่ไหนหรือมีพัฒนารัศมีดาบให้แข็งแกร่งึข้นเท่าใด มันก็ไม่ช่วยให้เขาบรรลุแก่นแท้ดาบได้
หรือก็คือแก่นแท้ดาบนั้น ต้องใช้ความเข้าใจในรูปแบบใหม่
หลิงฮันมั่นใจอย่างมาก เขาได้รับเจตจำนงดาบของเฟิงโปยุนมาแล้วครั้งนึง ซึ่งมันคือเจตจำนงแก่นแท้แห่งทางที่เปิดทางสว่างให้กับเขา
แต่แทนที่จะเดินตามแก่นแท้แห่งดาบของเฟิงโปหยุน หลิงฮันเลือกที่จะเดินไปยังวิถีแห่งดาบของตนเอง
เอาล่ะ จงมอบแรงกดดันให้ข้า!
หลิงฮันยิ้มและเปิดฉากจู่โจมก่อน หญ้าในมือของเขาถูกใช้แทงออกไปและปลดปล่อยอำนาจของรัศมีดาบอันเจิดจ้าออกมา
ฉือชิ่วเหรินไม่หวั่นเกรง เขาตอบโต้โดยการใช้รัศมีกระบี่โจมตีไปยังหลิงฮัน
หลิงฮันทะยานขึ้นท้องฟ้าและกล่าว “มาสู้กันบนท้องฟ้า!”
“เจ้าเข้าใจผิดแล้ว นี่ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อแสดงให้คนอื่นเห็น แต่เป็นการสู้เพื่อตัดหัวเจ้า!” ฉือชิ่วเหริน ทะยานขึ้นฟ้าตามไป หญ้าในมือของเขาสั่นไหวพร้อมกับรัศมีกระบี่ที่เต้นรำไปทั่วท้องฟ้า
หลิงฮันโคจรทักษะอัสนีบาตเก้าทิวา ความเร็วของเขาว่องไวราวกับภูตผี
แต่ที่น่าตกตะลึงก็คือความเร็วของฉือชิ่วเหรินนั้นไม่ได้เชื่องช้าไปกว่าเขาเลย
ถึงแม้ฉือชิ่วเหรินจะไม่ได้ฝึกฝนทักษะทักษะอัสนีบาตเก้าทิวา แต่เขาก็มีร่างกายที่แข็งแกร่ง ซึ่งช่วยให้เขาเคลื่อนไหวได้รวดจนเทียบเท่าจอมยุทธระดับสวรรค์
เพราะงั้นความเร็วของเขาจึงไม่ได้ช้าไปกว่าหลิงฮัน
ทั้งสองคนเคลื่อนที่ว่องไวจนแทบจะเหนือกว่าขีดจำกัดของจอมยุทธระดับสวรรค์ พวกเขารวดเร็วจนผู้คนเบื้องล่างไม่อาจมองเห็นด้วยตาเปล่า
หลิงฮันตกอยู่ภายใต้แรงกดดันที่หนักแน่นและสถานการณ์ที่อันตราบ
อะไรคือแกนแท้กระบี่?
มันคือแก่นแท้แห่งวิถีวรยุทธที่ทำให้ประสาทสัมผัสของจอมยุทธพัฒนาไปถึงระดับที่เรียกว่าน่าสะพรึงกลัว ไม่ว่าศัตรูจะโจมตีมาในทิศทางใด ผู้ที่บรรลุแก่นแท้แห่งวรยุทธก็จะสามารถตอบสนองไปยังจุดอ่อนของการโจมตีที่พุ่งเข้ามาได้อย่างแม่นยำ
หรือกล่าวคือ ไม่ว่าหลิงฮันจะโจมตีแบบใด ฉือชิ่วเหรินก็จะตอบสนองกลับได้อย่างว่องไว นอกจากนั้นแล้วฉือชิ่วเหรินก็ยังมีระดับพลังที่สูงกว่าเขาด้วย ดังนั้นการโจมตีด้วยกระบี่ของฉือชิ่วเหรินจึงเป็นฝ่ายได้เปรียบหลิงฮัน
สิ่งที่หลิงฮันได้เปรียบก็คือร่างกายที่แข็งแกร่ง แม้เขาจะถูกโจมตีบ้างเป็นบางครั้ง แต่รัศมีดาบของอีกฝ่ายก็สร้างความเสียหายได้เพียงแค่ผิวหนังของเขา เมื่อโคจรคัมภีร์สวรรค์ ผิวหนังของเขาก็กลับสู่สภาพเดิม
นี่เป็นครั้งแรกที่ฮูหนิวไม่ได้ทำท่าทีกระโดดโลดเต้น ใบหน้าเล็กๆของนางแสดงออกถึงความตึงเครียด
หลิงฮันไม่อ่อนด้อยไปกว่าฉือชิ่วเหรินแน่นอน แต่สิ่งที่เขาเสียเปรียบก็คือระดับพลังที่ต่างกันหนึ่งระดับใหญ่!
“หลิงฮัน! จัดการมันเลย! บดขยี้หมอนั่นให้ตายไปเลย!” จู่ฮูหนิวก็ยกหมัดขึ้นและส่งเสียงให้กำลังใจหลิงฮัน